ตอนเห็นบ้านหลังนี้ครั้งแรก สิ่งที่สะดุดตาและเกิดการตั้งคำถามเลยคือบ้านหลังนี้ใช้โครงสร้างหลังคาแบบใด?
ด้วยรูปลักษณ์ของบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่มีเส้นสายที่ชัดเจน มีความหนักแน่นของแมสอาคาร และช่องเปิดที่ถูกออกแบบให้เปิด-ปิดได้เป็นจังหวะ แต่ส่วนของหลังคากลับดูบางเฉียบ เบาลอย ราวกับยกแผ่นหลังคาเรียบๆ มาวางแปะซ้อนไว้ด้านบน ตัดกับเเบ็กกราวนด์ของท้องฟ้าได้อย่างคมคาย อีกทั้งระยะของชายคาหลังคาที่ดูยื่นยาวมากกว่าปกติ โดยไม่ต้องมีโครงสร้างใดๆ มารองรับ นั่นยิ่งทำให้อยากหาคำตอบของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ ว่าผู้ออกแบบใช้การออกแบบและวัสดุแบบไหนที่เอื้อให้เกิดรูปด้านของอาคารที่ดูหนักแน่นทว่าเบาลอยหลังนี้
ปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เหมาะสมกับช่วงชีวิต
เมื่อเวลาเปลี่ยนไป พื้นที่อยู่อาศัยแบบเดิมอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งาน เพื่อสร้างพื้นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับช่วงเวลาของชีวิต จึงเป็นที่มาของบ้านโมเดิร์นหลังใหม่บนผืนที่ดินที่ซื้อไว้ติดกับพื้นที่บ้านเดิม กับโจทย์ที่ต้องการทำบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ที่อายุเยอะได้มีพื้นที่เดินได้อย่างสะดวกสบาย รวมไปถึงน้องหมาลาบราดอร์สองตัวที่รักเหมือนลูกได้มีพื้นที่วิ่งเล่น
แบ่งแยกทว่าเชื่อมต่อ
ผลลัพธ์คือบ้านที่แบ่งมวลอาคารออกเป็นสองฝั่ง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับสมาชิกทุกคนภายในครอบครัว โดยฝั่งหนึ่งชั้นล่างเป็นส่วนที่พักอาศัยของพ่อแม่ และส่วนเซอร์วิส ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่ของเจ้าของ ซึ่งบริเวณชั้นล่างจัดผังแบบโอเพ่นแปลนต่อเนื่องพื้นที่นั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร และครัวเข้าด้วยกัน รองรับการสังสรรค์เวลามีแขก และพื้นที่ชั้นสองเป็นห้องนอนแขกที่เชื่อมไปกับห้องนอนมาสเตอร์บริเวณชั้นสองของอีกฝั่ง โดยเป็นการแยกการเข้าถึงพื้นที่อย่างชัดเจนเพื่อความเป็นสัดส่วนและให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว
บ้านโมเดิร์นที่เนี๊ยบกริบเหมือนเสื้อสั่งตัด
ในส่วนของแนวคิดการออกแบบ ผู้ออกแบบได้ตีความตัวตนของเจ้าของบ้านผ่านคาแรกเตอร์ที่มีความเรียบง่าย ทว่ามีกิมมิค มีดีเทล ดูมีเสน่ห์ จนออกมาเป็นการวางฟังก์ชันที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เน้นการดูแลรักษาต่ำ และการตกแต่งที่ทำให้บ้านคงทน ดูสวยตลอดกาล โดยคุมมู้ดแอนด์โทนให้เป็นบ้านที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดราวกับเสื้อผ้าที่ถูกตัดอย่างประณีต นำมาสู่การเลือกใช้วัสดุในจังหวะซ้ำๆ ที่แสดงให้เห็นรอยต่อที่ชัดเจน ทั้งร่องกว้างและแคบ ผ่านภาษาขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมอย่างฟาซาดอาคาร
ออกแบบฟาซาดให้ปิดทึบ-เปิดโปร่ง เฉียบคมด้วยการกรุวัสดุกระเบื้อง
โดยออกแบบฟาซาดเป็นผนังดับเบิ้ลเลเยอร์รัดรอบอาคารที่สามารถเปิด-ปิดได้ ในรูปแบบของบานเปิดโครงเหล็กกรุด้วยแผ่นกระเบื้องที่ตั้งใจเผยเนื้อแท้ของวัสดุ ที่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งแรง ด้านหนึ่งมีลวดลายในตัวเอง ส่วนด้านหลังของแผ่นเลือกทาสีขาวให้มีความเรียบร้อย รวมไปถึงการกรุผนังอาคารที่ออกแบบการติดตั้งให้ส่วนของแผ่นกระเบื้องยื่นเลยออกมา 20 เซนติเมตรในส่วนของการจบมุมอาคาร และยื่นเลยแนวอาคารทางด้านล่าง ให้ความรู้สึกของกล่องอาคารที่ถูกคลี่ออกและดูเฉียบคมขึ้น พร้อมกับความรู้สึกบางเบา เหมือนงานศิลปะที่ดูน่าค้นหา
สร้างความเป็นไปได้ใหม่ให้บ้านโมเดิร์นดูเบาลอยด้วยหลังคาเมทัลชีท
ต่อเนื่องไปยังความต้องการที่จะออกแบบหลังคาให้รู้สึกเบาลอยล้อไปกับมวลอาคาร จึงเลือกใช้วัสดุเมทัลชีทเป็นวัสดุมุงหลังคาทรงปั้นหยาที่ใช้สโลปเพียง 5-8 องศา บริเวณตรงกลางอาคาร แล้วออกแบบโครงสร้างจันทันรูปพิเศษด้วยเหล็กแฟลตบาร์มุงด้วยแผ่นเมทัลชีทในสัดส่วนสโลปที่ 5-8 องศาเช่นเดียวกัน ทำการยื่นเป็นชายคารอบทิศทางกว่า 6 เมตร เพื่อครอบคลุมพื้นที่ 80% ของทั้งหมด แล้วทำการซ่อนรางน้ำฝน ตอบโจทย์สภาพภูมิแบบทรอปิคัลที่ช่วยกันแดดและฝนได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญคือได้มุมมองแบบพานอรามาจากภายในสู่ภายนอก และหากมองจากภายนอกเข้าสู่บ้านด้วยระยะที่ไม่ไกลจากตัวบ้านนัก จะได้ความรู้สึกของหลังคาที่เบาลอย บางเฉียบ ราวกับว่าไม่มีการมุงหลังคาใดๆ ซ้อนเข้าไป ตอบโจทย์ลุคบ้านโมเดิร์นและดูเรียบร้อยน้อยเนี๊ยบอย่างที่ผู้ออกแบบตั้งใจสื่อถึงเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี
สำหรับบ้านคุ้มแดดคุ้มฝน เลือกมุงด้วยเมทัลชีท Colorbond® สี Alloy Grey ซึ่งเป็นเมทัลชีทเคลือบสีคุณภาพสูงสุดจากบลูสโคป ที่ได้รับความไว้วางใจจากสถาปนิก เลือกใช้เป็นหลังคาและผนังของโครงการชั้นนำมากมายที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพ เพราะความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน รับประกันยาวนานสูงสุด 30 ปี และทนต่อแสง UV จึงต้านทานการซีดจางหรือหลุดเป็นผงของสีได้ดี รับประกันนานสูงสุด 10 ปี*
.
เจ้าของ: คุณอนุวัฒน์ กีระสุนทรพงษ์
ออกแบบ: EKAR Architects
ภาพ: ธนายุต วิลาทัน
.
#แบบบ้านโมเดิร์น #หลังคาเมทัลชีท #เมทัลชีท #colorbond #หลังคาคัลเลอร์บอนด์ #บลูสโคป #ความเป็นไปได้ใหม่ของเมทัลชีท
