โรคพืช ที่มาพร้อมกับฝนและแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว มีโรคไหนบ้างและมีวิธีการจัดการอย่างไร วันนี้ บ้านและสวน รวมมาให้ศึกษากันจำนวน 10 โรคที่โดดเด่น
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_9.jpg)
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_10.jpg)
1. โรครากเน่าโคนเน่าทุเรียน (Phytophthora root and foot rot) โรคพืช
โรคพืช สาเหตุ เชื้อรา Phytophthora palmivora อาการ เริ่มจากเชื้อราเข้าทำลายระบบราก ทำให้รากต้นทุเรียนเน่าเป็นสีน้ำตาล ต่อมาส่งผลให้ใบเหนือบริเวณที่รากเน่ามีอาการซีดเหลือง จากนั้นจะปรากฎอาการเน่า มีแผลฉ่ำน้ำ และมีน้ำไหลออกมาจากแผลที่โคนต้น เมื่อแผลเน่าลุกลามมากจะทำให้ใบร่วงหมด
ต้นและยืนต้นตายในที่สุด
การแพร่ระบาด เชื้อแพร่กระจายโดยทางน้ำ ในสภาพดินที่มีน้ำชัง เชื้อราสร้างสปอร์ว่ายน้ำได้ จึงเข้าทำลายระบบรากสู่โคนต้น แต่ในฤดูฝนที่มีลมพายุและสภาพอากาศมีความชื้นสูง เชื้อจะแพร่ระบาดทางลม ฝน เข้าทำลายใบ กิ่ง และผลบนต้นได้
การจัดการโรค
-ทำทางระบายน้ำในสวนไมให้มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะบริเวณรอบโคนต้น
-ลดการใช้สารกำจัดวัชพืชใกล้บริเวณโคนต้น ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคออกไปทำลายนอกแปลงปลูก
-ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา ( Trichoderma asperellum) หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส (Bacillus subtilis)
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม (fosetyl aluminium) บอร์โดมิกซ์เจอร์ (bordeaux mixture) คอปเปอร์ออกชีคลอไรด์ (copper oxychloride) ไดเมโทมอร์ฟ (dimethomorph) ไพราโคลสโตรบิน (pyraclostrobin) ไมโคลบิวทานิล + ครีซอกชิม-เมทิล (myclobutanil + kresoximmethy) เป็นต้น
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_4.jpg)
2. โรคเน่าดำของกล้วยไม้ (Black rot)
สาเหตุ เชื้อรา Phytophthora palmivora อาการ เชื้อราสามารถเข้าทำลายกล้วยไม้ได้ทุกส่วน ถ้าเข้าทำลายที่รากจะทำให้รากเน่าแห้ง มีผลให้ใบเหลือง ร่วง และตายในที่สุด ถ้าเข้าทำลายยอดจะทำให้ยอดเน่าเป็นสีน้ำตาล เมื่อจับจะหลุดติดมือได้ง่าย ถ้าแสดงอาการรุนแรง เชื้อราจะลุกลามเข้าไปในลำต้น เมื่อผ่าดูจะเห็นเป็นสีดำหรือน้ำตาลเข้มตามแนวยาวของต้น
การแพร่ระบาด เชื้อราสามารถแพร่กระจายไปกับลม ฝน หรือน้ำที่ใช้รดกล้วยไม้
การจัดการโรค
-ปรับสภาพเรือนปลูกให้โปร่ง ไม่ปลูกกล้วยไม้หนาแน่นเกินไป
-ตัดส่วนที่เป็นโรคหรือเก็บต้นที่เป็นโรคทิ้งนอกแปลงปลูก
-ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา (Trichoderma asperellum) หรือเชื้อแบคที่เรียบาซิลลัส (Bacillus subtilis)
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น เมทาแลกซิล (metalaxy) ไดเมโทมอร์ฟ (dimethomorph) ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม (fosetyl-aluminium) เป็นต้น
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_8.jpg)
3. โรคแอนแทรคโนสมะม่วง (Anthracnose)
สาเหตุ เชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides อาการ ใบอ่อนเกิดแผลสีน้ำตาล ขอบแผลสีน้ำตาลเข้ม ขนาดแผลไม่แน่นอน เมื่อแผลขยายติดกันจะเกิดอาการไหม้ บิดเบี้ยวเมื่อแทงช่อดอก เชื้อจะเข้าทำลาย ทำให้ช่อดอกเป็นแผลไหม้ แห้ง ดอกร่วง ช่อที่ติดผลอ่อนรวมทั้งผลแก่จะมีแผลจุดดำ เมื่ออากาศมีความชื้นสูงจะเกิดสปอร์สีชมพูขึ้นตามแผล เชื้อสามารถเข้าทำลายผลอ่อนแบบแฝงโดยยังไม่แสดงอาการของโรค และจะแสดงอาการโรคเมื่อผลสุก
การแพร่ระบาด อาการโรคบนใบ กิ่ง และผลเป็นแหล่งสะสมเชื้อซึ่งแพร่กระจายไปยังต้นอื่น ๆ ได้ โรคจะระบาดมากในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น โดยอาศัยลม ฝนเมื่อสปอร์ได้รับความชื้นจะสามารถงอกเจริญออกมาทำลายส่วนต่าง ๆ ของพืช
การจัดการโรค
-ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูก ป้องกันการติดเชื้อโดยใช้ถุงห่อผลมะม่วง
-ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา ( Trichodermaasperellum) หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส (Bacillus subtilis)
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเซบ (mancozeb) โพรพิเนบ(propineb)โพรคลอราช (prochloraz) อะซอกชีสโตรบิน (azoxystrobin) ไพราโคลสโตรบิน (pyraclostrobin) เป็นต้น
-จุ่มผลมะม่วงในน้ำร้อน 55 องศาเซลเชียส นาน 3-5 นาที
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_3.jpg)
4. โรคแอนแทรคโนสกล้วยไม้ (Anthracnose)
สาเหตุ เชื้อรา Colletotrichum sp. อาการ ใบเป็นแผลสีน้ำตาลหรือน้ำตาลไหม้ขยายออกเป็นแผลใหญ่เห็นเป็นวงกลมซ้อนกันเป็นชั้น ในกล้วยไม้บางชนิดมีขอบแผลเป็นเนื้อเยื่อสีเหลืองล้อมรอบแผล มักพบในกล้วยไม้สกุลออนซิเดียม (Oncidium) และสกุลอื่นๆ
การแพร่ระบาด เชื้อราสามารถแพร่กระจายไปกับลม ฝน หรือน้ำที่ใช้รดกล้วยไม้ โดยเฉพาะใบและกิ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้อที่สามารถแพร่ระบาดไปตามต้นและกระจายไปยังต้นอื่นๆได้ โดยระบาดมากในช่วงสภาพอากาศร้อนชื้น
การจัดการโรค
-ตัดแต่งใบที่เป็นโรคและเก็บรวบรวมไปฝังทำลาย เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายต่อไป
-ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา ( Trichoderma asperellum) หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส (Bacillus subtilis)
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเชบ (mancozeb) โพรพิเนบ (propineb) โพรคลอราช (prochloraz) โพรพิโคนาโชล (propiconazole) ไดพีโนโคนาโซล (difenoconazole) อะซอกชีสโตรบิน (azoxystrobin) ไพราโคลสโตรบิน (pyraclostrobin) เป็นต้น
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_14.jpg)
5. โรคแอนแทรคโนสลิ้นมังกร (Anthracnose)
สาเหตุ เชื้อรา Colletotrichum sp. อาการ เกิดจุดช้ำฉ่ำน้ำบริเวณใบ ต่อมาจุดฉ่ำน้ำจะแห้งยุบ และมีกลุ่มสปอร์ของเชื้อราเจริญบริเวณแผลแห้งลักษณะเป็นวงซ้อนกัน อาการไหม้สามารถขยายลุกลาม ทำให้ใบลิ้นมังกรแห้งตายได้ทั้งใบ จนต้นตายในที่สุด
การแพร่ระบาด ใบที่เป็นโรคเป็นแหล่งสะสมเชื้อที่สามารถแพร่กระจายไปยังต้นอื่นๆได้ โดยระบาดมากในช่วงสภาพอากาศร้อนขึ้น
การจัดการโรค
-ตัดแต่งใบที่เป็นโรคและเก็บรวบรวมไปฝังทำลาย เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายต่อไป
-เมื่อต้นเกิดโรค ระวังอย่าให้น้ำจนใบเปียกโชก
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเซบ (mancozeb) โพรพิเนบ (propineb) โพรคลอราช (prochloraz) โพรพิโคนาโซล (propiconazole) ไดฟิโนโคนาโซล (difenoconazole) อะซอกซีสโตรบิน (azoxystrobin) ไพราโคลสโตรบิน (pyraclostrobin) เป็นต้น
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_7.jpg)
6. โรคราเมล็ดผักกาด (Sclerotium rot)
สาเหตุ เชื้อรา Sclerotium rolfsi อาการ เชื้อราเจริญจะเริ่มเข้าทำลายรอบโคนต้น ลักษณะเป็นเส้นใยสีขาวทำให้โคนต้นเน่า เมื่อต้นพืชใกล้ตายเส้นใยเชื้อราจะสร้างเม็ดกลมเล็กๆ สีขาว จากนั้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและดำ
การแพร่ระบาด พบมากในดินที่มีสภาพเป็นกรด เชื้อนี้แพร่กระจายไปกับดิน หรือเครื่องมือที่ใช้ในการเกษตร ตลอดจนติดไปกับคนและสัตว์ที่เข้าไปเหยียบย่ำบนดินที่มีเชื้อโรคนี้ ปกติสเคลอโรเทียมมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่โรคราเมล็ดผักกาดในถั่วลิสงผิดปกติได้ดี ในสภาพที่แห้งอาจอยู่ได้นานหลายปี อาการโรคจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเสียหายรุนแรงในสภาพอากาศที่อิ่มตัวด้วยไอน้ำ หมอกลงจัด ท้องฟ้าครึ้ม มีฝนตกปรอย ๆ เป็นละออง หากปลูกพืชโดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นน้อย แสงแดดส่องไม่ถึงโคนต้น หรือใบพืชคลุมดินอยู่ตลอดเวลา
การจัดการโรค
-หมั่นสำรวจแปลงปลูก เมื่อพบพืชที่แสดงอาการโรคให้ถอนทำลาย แล้วโรยด้วยปูนขาวบริเวณที่พบโรคและพื้นดินใกล้เคียง
-ไถกลบหน้าดินตากแดดและปลูกพืชหมุนเวียนที่ไม่ใช่พืชอาศัย
-ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา (Trichoderma asperellum) หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส (Bacillus subtilis) รดดินบริเวณอาการโรคก่อนปลูกพืชใหม่
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น คาร์บอกซิน (carboxin) อึไตรไดอะโซล (etridiazole) เป็นต้น
![โรคพืช](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_2.jpg)
7. โรคใบจุดบัว (Leaf spot)
สาเหตุ เชื้อรา Cercospora sp. อาการ มักพบบนใบแก่ที่เจริญเติบโตเต็มที่ ลักษณะเป็นแผลจุดวงกลมสีเหลือง เมื่อแผลขยายกว้างขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและมีกลุ่มเชื้อราสีดำเป็นจุดอยู่ในแผลทำให้ใบแห้งตายได้
การแพร่ระบาด เชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ในเศษซากพืช สปอร์ของเชื้อราแพร่กระจาย ได้ดีโดยลม ฝน และติดไปกับแมลง โดยระบาดมากในฤดูฝนซึ่งมีอากาศขึ้น
การจัดการโรค
-ตัดใบที่เป็นโรคออกไปทิ้งนอกสระหรือภาชนะปลูก
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แคปแทน (captan) ซีเนบ (zineb) มาเน็บ (maneb) เป็นต้น
![โรคพืช](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_5.jpg)
8. โรคดอกจุดสนิมกล้วยไม้ (Flower rusty spot)
สาเหตุจากเชื้อรา Curvularia eragrostidis อาการ พบบนกลีบดอก เริ่มจากเป็นจุดขนาดเล็กสีเหลืองอมน้ำตาลคล้ายสีสนิม แผลค่อนข้างกลม ตรงกลางแผลเป็นจุดสีน้ำตาลแดง ลักษณะดังกล่าวเห็นได้ชัดบนดอกกล้วยไม้หวายมาดาม ขณะที่ในดอกกล้วยไม้ หวายขาวเกิดแผลสีน้ำตาล ไม่เป็นแผลสีสนิมชัดเจน
การแพร่ระบาด ระบาดรุนแรงและรวดเร็วในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะช่วงที่มีฝนตก ติดต่อกันเป็นเวลานานหรือมีน้ำค้างลงมาก
การจัดการโรค
หมั่นสำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ดอกเป็นโรคโรยคาต้น เก็บรวบรวมดอกที่เป็นโรคนำไปทิ้งนอกแปลงปลูกเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมโรค
ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา ( Trichodermaasperellum) หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส (Bacillus subtis) ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเซบ (mancozeb) แคปแทน (captan) โพรพิเนบ (propineb) เป็นต้น
![โรคพืช](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_11.jpg)
9. โรคใบจุดดำกุหลาบ (Black spot)
สาเหตุ เชื้อรา Marssonina rosae อาการ พบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของกุหลาย มักแสดงอาการเริ่มแรกที่ใบด้านล่างก่อน โดยเกิดจุดแผลกลมสีดำ ขอบแผลไม่เรียบ กลางแผลมีสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ เมื่อสภาพอากาศมีความชื้นสูง แผลจะขยายใหญ่ขึ้น สามารถพบได้หลายแผลในหนึ่งใบ ทำให้ใบเหลือง แห้ง และหลุดร่วง
การแพร่ระบาด เชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ในเศษซากพืช สปอร์ของเชื้อราแพร่กระจายได้ดีโดยลม ฝน และการให้น้ำ
การจัดการโรค
-ตัดแต่งใบที่เป็นโรค รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณแปลงปลูก เพื่อลดแหล่งสะสมของเชื้อสาเหตุ
-ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น โพรคลอราช (prochloraz) แมนโคเซบ (mancozeb) ไดฟิโนโคนาโซล (difenoconazole) เป็นต้น
![โรคพืช](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_16.jpg)
![โรคพืช](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/05/LINE_ALBUM_2023.5.15_230517_15.jpg)
10. โรคใบจุดสาหร่าย (Algal leaf spot)
สาเหตุ สาหร่าย Cephaleuros virescens อาการ เกิดกับพืชหลายชนิด เช่น ฝรั่ง มะกรูด ทุเรียน อะโวคาโด เป็นต้น เริ่มจากใบเป็นแผลจุด ขุยสีเทาอมเขียวฟูเล็กน้อย จากนั้นจุดขยายออกและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแกมส้มหรือสีสนิม ลักษณะค่อนข้างกลม ขนาด 3 – 5 มิลลิเมตร ต่อมาจุดจะแห้งและทำให้แผลบริเวณเนื้อเยื่อใบทั้งด้านบนและใต้ใบมีสีน้ำตาลดำ ใบที่เป็นโรคจะมีสีซีดเหลืองปนน้ำตาลและร่วงไปในที่สุด
การแพร่ระบาด เชื้อเข้าทำลายพืชได้หลายชนิดสปอร์ของสาหร่ายสามารถปลิวไปกับลม ฝน และการให้น้ำ มักระบาดมากในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โดยเฉพาะในฤดูฝน
การจัดการโรค
ตัดใบที่เป็นโรคออกไปทิ้งนอกแปลงปลูก และแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง แสงแดดส่องได้ทั่วถึง
ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น บอร์โดมิกซ์เจอร์ (bordeaux mixture) คอปเปอร์ไฮดรอกไชด์ (copper hydroxide) เป็นต้น
ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน
สนใจศึกษาเพิ่มเติมได้ใน หนังสือ รู้ทันโรคพืช ชุด คู่มือการเกษตร
บทความที่เกี่ยวข้อง
ต้นกุหลาบ กับโรคและแมลงศัตรูตัวร้าย
รวม เพลี้ย ศัตรูพืชตัวเล็ก ที่ต้องเฝ้าระวัง
ติดตามไอเดียเพิ่มเติมได้ทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com