เพราะประวัติศาสตร์ช่วยให้มนุษย์รู้จักตัวเอง นั่นจึงมีความหมายอย่างยิ่งกับผู้คนในท้องถิ่นอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ก่อนนำมาสู่โปรเจ็กต์การออกแบบ ปุษยปุรี Pusayapuri HOTEL เพื่อให้เป็นมากกว่าแค่ที่พัก แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ประจำเมือง
เพื่อช่วยเชื่อมโยงไปสู่ประวัติศาสตร์ของเมืองอู่ทองที่มีอายุยาวนานกว่าสองพันปี สู่ที่มาของการออกแบบโรงแรม ปุษยปุรี Pusayapuri HOTEL ผู้รับหน้าที่ออกแบบอย่าง EKAR Architects นำโดยคุณหนึ่ง-เอกภาพ ดวงแก้ว ทีมสถาปนิกได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างจริงจัง ก่อนนำมาซึ่งแนวคิดและเอกลักษณ์ด้านงานดีไซน์ ที่สร้างสรรค์จนเกิดเป็นอาคารสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์น่าจดจำแห่งนี้
ต่อยอดจากประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือ
จากการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลก่อนเริ่มต้นโปรเจ็กต์การออกแบบ คุณหนึ่ง-เอกภาพ ดวงแก้ว แห่ง EKAR Architects ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นและกระบวนการทำงานของทีมสถาปนิกให้ฟังว่า
“การออกแบบครั้งนี้ ว่าด้วยเรื่องของเมือง และเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ซึ่งอำเภออู่ทองเคยเป็นเมืองก่อนประวัติศาสตร์มาก่อน แต่คล้าย ๆ เป็นเมืองเก่าที่ถูกมองข้ามไป เป็นประวัติศาสตร์ที่คนหลงลืม คนในท้องถิ่นจึงช่วยกันเล่าเรื่องราวในท้องถิ่นของตนเอง จะเห็นว่ามีทั้งพิพิธภัณฑ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ พระแกะสลักจากหน้าผาหิน แลนด์มาร์กใหม่ของสุพรรณฯ มีซากเจดีย์ลำดับต่าง ๆ ที่เราไปตระเวนดู พอไปถึงแต่ละที่ ก็จะเห็นว่าบางที่ดูเผิน ๆ ก็เหมือนเป็นสนามหญ้าเฉย ๆ พอดูดี ๆ ถึงจะเห็นกองอิฐที่เหลืออยู่ไม่มาก บางจุดก็เห็นเป็นฐาน ทำให้เราพอจะเข้าใจว่า เป็นเรื่องของความพยายาม พยายามรักษา รู้สึกว่าน่าสนใจดี จึงนำมาเป็นแนวคิดในการออกแบบ โดยนำสิ่งที่ไม่มีอยู่ หรือต้องยอมรับกับสิ่งที่หลงเหลืออยู่แค่นี้ แล้วต่อยอดจากสิ่งที่หลงเหลือเพียงแค่นี้นี่แหละ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบอะไรกับใคร เป็นการเริ่มต้นมาจากที่ไม่มีเศษซากใหญ่โตอะไรเหลืออยู่แล้วนี่แหละ แล้วทำให้กลายเป็นจุดแข็งที่สุด เป็นสิ่งที่ทำให้น่าค้นหา จนกลายเป็นหน้าตาของเปลือกอาคาร และทำให้เกิดเป็นฟังก์ชันต่าง ๆ ตามมา”
สื่อสารแนวคิดผ่านเปลือกอาคารนวัตกรรมใหม่
“เป็นงานที่เรากำลังพูดถึงฐานอิฐ ฐานเจดีย์เก่า ช่วงแรกเรามีการพยายามนำอิฐมาใช้ดีไซน์เป็นเปลือกอาคาร แต่ถ้าใช้อิฐก็ต้องทำด้วยแรงงานคนในท้องที่ที่ไม่แพงมาก แต่เมื่อพัฒนาแนวทางการออกแบบไปเรื่อย ๆ พบว่า ไม่ง่ายเลย ด้วยแรงงานคนในพื้นที่คุณภาพอาจจะไม่ได้ บางทีการยื่น หรือยกอาจทำให้วัสดุอิฐหล่นลงมาได้ เราค่อนข้างคิดเยอะเหมือนกัน ว่าจะใช้วัสดุอะไรดี จนสุดท้ายเราก็มาเจอวัสดุที่เรียกว่า GRC”
GRC เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมมาจากคอนกรีตและเส้นใยไฟเบอร์แก้วทำหน้าที่ช่วยเสริมกำลังแทนเหล็ก ใช้เทคนิคการหล่อขึ้นรูปให้มีหน้าตาคล้ายฐานเจดีย์อิฐ จึงสามารถหล่อเป็นชิ้นงานขนาดใหญ่อย่างที่ต้องการได้ แถมมีน้ำหนักเบา จึงช่วยลดน้ำหนักโครงสร้างได้อย่างดี ไม่ผุกร่อนง่าย ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก เป็นวัสดุสำเร็จรูปที่สามารถนำมาติดตั้งที่หน้างานได้ทันที ประกอบง่าย ทำงานได้รวดเร็ว และเป็นระบบแห้งทั้งหมด ส่วนสีที่คล้ายอิฐจริงนี้เป็นการผสมสีเข้าไปในเนื้อผงคอนกรีต มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำได้ดีกว่าอิฐ ไม่เป็นคราบเหมือนวัสดุธรรมชาติ มีอายุการใช้งานยาวนาน
โครงสร้าง GRC แต่ละชิ้นที่ใช้ทำเปลือกอาคาร มีขนาด 2.8 x 3 เมตร โดยนำมาติดตั้งที่หน้างานหลังจากโครงสร้างด้านในแล้วเสร็จ การติดตั้งเป็นการทำโครงสร้างเหล็กขึ้นมา เพื่อเชื่อมติดกับโครงสร้าง GRC จนกลายเป็นส่วนหนึ่งกับห้องพัก ถ้ามองจากภายในห้องพักโครงสร้าง GRC จะเป็นส่วนของระเบียงห้องพัก และมีฟังก์ชันใช้เป็นที่นั่งริมหน้าต่างไปในตัว ขณะที่ฟังก์ชันภายนอก ด้วยขนาดที่ใหญ่ และมีระยะยื่นราว 45 เซนติเมตร จึงทำหน้าที่เป็นชายคาช่วยกันแดดและกันฝนได้ นอกจากจะมีคุณสมบัติข้างต้นแล้ว GRC ยังมีเสน่ห์ในแง่ของการเป็นสัจวัสดุ ซึ่งเป็นสิ่งที่ EKAR Architects ให้ความสนใจมาตลอด โดยมองว่าเนื้อแท้ของวัสดุไม่จำเป็นต้องเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว
“GRC มีความน่าสนใจ เพราะเรากำลังพูดถึงประวัติศาสตร์ที่ไม่มีอยู่แล้ว การที่เรากำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ที่ชาวบ้านช่วยกันเล่ามานานเกือบสิบปี ด้วยการพยายามสร้างฐานจากวัสดุสมัยใหม่นี้ ผมคิดว่าจริง ๆ แล้ว เรากำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเป็นวัสดุที่เป็นนวัตกรรมอย่างเมื่อร้อยปีก่อน หรือตามประวัติศาสตร์ที่เคยผ่านมา แต่เป็นวัสดุที่แสดงถึงนวัตกรรมตามยุคสมัยปัจจุบันของพวกเรา ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าและแสดงถึงความเป็นสัจวัสดุ บอกเล่าความงามในแบบของตัวมันเอง”
ให้งานดีไซน์นำธุรกิจ
โรงแรมขนาด 56 ห้อง ที่มาพร้อมศักยภาพและมีงานดีไซน์เข้ามาจับ เพื่อเน้นสร้างประสบการณ์การพักผ่อนผ่านฟังก์ชันการใช้งานภายในตัวโรงแรมที่คำนึงถึงเรื่องการระบายอากาศเป็นสำคัญ ด้วยการลดจำนวนห้องพักลง แต่ไม่กระทบกับธุรกิจ เพื่อเพิ่มให้มีพื้นที่สวนขนาดเล็กในทุก ๆ ชั้น โดยเรียงต่อกันเป็นแนวขั้นบันไดไปจนถึงชั้นบนที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ ช่วยให้ลมและแสงเข้าสู่ภายในได้ทั่วถึง ทั้งจากด้านล่าง ด้านหน้า ด้านหลัง และด้านบน เป็นการออกแบบที่ช่วยในเรื่องมุมมองและการระบายอากาศให้มีลมพัดผ่านได้ตลอดเวลา
ส่วนห้องพักได้รับการวางแปลนโดยมีพื้นฐานการออกแบบที่เรียบง่าย มีทางเดินตรงกลาง แยกห้องพักออกเป็นสองฝั่งซ้าย-ขวา ห้องพักมีทั้งแบบ 2 โมดูลาร์ และ 3 โมดูลาร์ในห้องขนาดใหญ่ พิเศษด้วยพื้นที่นั่งเล่น พร้อมหน้ากว้างเป็นพิเศษ มีพื้นที่ Bay Window เต็ม ๆ 2 ช่อง ซึ่งเกิดจากโครงสร้าง GRC นอกจากนี้การนำพื้นที่ห้องพักออกแต่ละส่วน ๆ ยังช่วยให้ปีกขวาสุดกลายเป็นดูเพล็กซ์ฮอลล์ ชั้น 3 ใช้เป็นพับลิกสเปซซึ่งมีพื้นที่สวนติดกับห้องประชุม ให้ผู้มาสัมมนาสามารถออกไปผ่อนคลายอิริยาบถได้ ชั้นบนสุดเป็นห้องอาหารเปิดรับวิวเมือง และมองเห็นทิวเขาที่ปลายสุดสายตา หน้าอาคารมีสระว่ายน้ำ 25 เมตร ทอดตัวยาวเกือบตลอดแนวอาคาร ร่วมด้วยงานอิฐจริงที่นำมาใช้แต่งเติมบรรยากาศให้เป็นเรื่องราวเดียวกัน เขียวชอุ่มด้วยสวนที่ปลูกพรรณไม้แบบผสมผสานตัดกันดีกับสีสันของอาคาร
นับเป็นความท้าทายทั้งเจ้าของโรงแรมผู้มีบ้านเกิดอยู่ในอำเภออู่ทอง และสถาปนิกจาก EKAR Architects ในการรับหน้าที่สื่อสารและเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองผ่านสถาปัตยกรรมที่สะดุดตาด้วยเปลือกอาคารดีไซน์คล้ายฐานอิฐ ชวนให้นึกถึงฐานเจดีย์ หรือฐานปราสาทโบราณ ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากเศษซากอารยธรรมที่หลงเหลืออยู่ โดยนำมาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นอาคารที่มีเสน่ห์ อีกสัญลักษณ์หนึ่งที่กำลังทำหน้าที่ของตนเอง เพื่อเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองให้เป็นที่รู้จัก และดำเนินต่อเนื่องไปในวันข้างหน้าบนดินแดนของเมืองอู่ทอง
ที่ตั้ง
ปุษยปุรี Pusayapuri HOTEL
939 ถนนมาลัยแมน ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
พิกัด https://goo.gl/maps/2zTTF85v5LvedLXH7
โทร. 09-8986-5000
เจ้าของ : คุณวีรวัฒน์ เหลืองเวชการ และนพ. วรวิชญ์ เหลืองเวชการ
ออกแบบสถาปัตยกรรม : EKAR Architects
ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม : บริษัท ท็อปฟอร์มดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด
เรื่อง : Phattaraphon
ภาพ : อนุพงษ์
