IM EN VILLE “อิ่มในเมือง” บิสโทร คาเฟ่ บรรยากาศคลาสสิก บนถนนเฟื่องนคร

อิ่มในเมือง” ปลุกชีวิตตึกเก่าย่านถนนเฟื่องนครอายุกว่า 150 ปี สู่ร้านอาหารและคาเฟ่บรรยากาศคลาสสิกสไตล์คอนเทมโพรารีอินดัสเทรียล ให้ทั้งความอิ่มเอมไปกับรสชาติอาหาร และสัมผัสวิววิจิตรสวยงามของวัดราชบพิธฯ

อาคารที่ตั้งของร้าน “อิ่มในเมือง” ช่วงหนึ่งเคยใช้เป็นโรงพิมพ์ลมูลจิตต์ ก่อนถูกทิ้งร้างมานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งได้รับการรีโนเวตใหม่ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ กลายเป็น IM En Ville (อิ่ม-ออง-วิล) บิสโทร คาเฟ่ ชื่อฝรั่งเศสสุดเก๋ ซึ่งแปลว่า “ฉันอยู่ตรงนี้” เหมือนฉันอยู่ในเมือง และยังอ่านออกเสียงคล้ายคำว่า “อิ่ม” ในภาษาไทย สื่อได้ถึงความอิ่มอร่อย อิ่มสุข อิ่มใจ อิ่มบรรยากาศ ภายในคาเฟ่บรรยากาศสไตล์คอนเทมโพรารีอินดัสเทรียล ที่ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนราชบพิธตัดกับถนนเฟื่องนคร รับกับวิววัดราชบพิธฯ ที่สวยงามได้อย่างพอดิบพอดี

คาเฟ่ในย่านเก่าเล่ายุคการพิมพ์เฟื่องฟู

จากเรื่องราวของอาคารที่สร้างขึ้นในช่วงหลังการสร้างถนนเฟื่องนครไม่นาน (เฟื่องนคร เป็นถนนที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 หรือราวปี พ.ศ.2407 เป็นถนนที่สร้างตามแบบตะวันตก เป็นถนนสายเริ่มแรกของกรุงเทพฯ นอกจากถนนเจริญกรุง และถนนบำรุงเมือง) โดยสันนิษฐานว่าอาคารนี้ น่าจะสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2410 หลังจากนั้นก็ถูกเปลี่ยนมือมาเรื่อย ๆ ก่อนจะมาถึงกิจการโรงพิมพ์ที่กินเวลายาวนานกว่ากิจการอื่น ซึ่งตรงกับยุคที่การพิมพ์เฟื่องฟู

โดยเฉพาะถนนเฟื่องนครที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านโรงพิมพ์และสำนักพิมพ์ จุดนัดพบของเหล่านักเขียน จากที่มาดังกล่าวประกอบกับความชื่นชอบในสถาปัตยกรรมเก่าแก่คู่เมือง คุณดิตพันธ์ จิราธิวัฒน์ เจ้าของและครอบครัวจึงได้ตัดสินใจซื้อตึกนี้ แล้วทำการรีโนเวตใหม่ ผสมผสานไปกับการอนุรักษ์ ที่นี่จึงกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง ในรูปแบบธุรกิจ Food and Beverage Service เพื่อยกระดับให้ถนนเฟื่องนครเป็นที่รู้จักของทั้งคนไทยและต่างชาติ

รีโนเวตตามฟังก์ชั่นใหม่ให้อาคารอยู่ได้

ด้านหน้าอาคารยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ ถ้าสังเกตดี ๆ จะมองเห็นร่องรอยป้ายชื่อเดิมของโรงพิมพ์ลมูลจิตต์ปรากฏอยู่ ชั้น 1 ต้อนรับทุกคนด้วย ÌM Food Corner โซนครัวเปิด ที่ให้บริการอาหารจานด่วนราคาย่อมเยา อิ่มท้องกับเมนูเบสิกอย่าง ข้าวมันไก่ ข้าวกะเพรา ข้าวเขียวหวานแห้ง และข้าวกระเทียม โซนหัวมุมคือ Café ÌM คาเฟ่ที่ตกแต่งให้มีบรรยากาศกระปรี้กระเปร่า จากสีสันของชุดโซฟาและเก้าอี้ ผนังตกแต่งรูปแป้นพิมพ์ยุคแรกเป็นแบ็กดร็อปให้เห็นว่าที่นี่เคยเป็นโรงพิมพ์มาก่อน หน้าเคาน์เตอร์ตกแต่งลายบานประตูลูกฟัก ซึ่งมีไอเดียจากบานประตูอาคารตึกแถวเก่า เปิดรับแสงและวิววัดราชบพิธผ่านผนังกระจกกันเสียงรบกวนขนาดใหญ่

เก็บโครงสร้างเก่าเพิ่มรายละเอียดให้เข้ากับการใช้งานใหม่

จาก Café ÌM สามารถเดินมาสู่โถงบันไดดับเบิ้ลวอลลุ่มด้านหลัง พื้นที่ด้านหลังนี้มีการปรับเปลี่ยนภายในค่อนข้างเยอะกว่าอาคารด้านหน้าที่มีอายุเก่าแก่กว่า ด้วยการเจาะพื้นเพื่อเปิดโล่ง แล้วทำบันไดเหล็กขึ้นมาใหม่เพื่อนำทางสู่ชั้น 2 มีชั้นบิลท์อินเหล็กใช้โชว์เครื่องใช้ต่าง ๆ ของโรงพิมพ์ที่ยังเก็บรักษาไว้ โดยออกแบบให้ผนังบิลท์อินเหล็กลอยออกมาไม่ไปแตะกับผนังเก่าเพื่อป้องกันผนังชำรุด แล้วตกแต่งแสงด้านในให้ช่วยขับเน้นให้มองเห็นผิวของผนังเดิม เพิ่มเติมคือชั้นลอยที่ออกแบบเป็นมุมนั่งรับประทานอาหารเล็ก ๆ

โครงสร้าง “เหล็ก” เป็นวัสดุที่ถือเป็นตัวแทนของยุคสมัย ซึ่งถูกนำมาใช้หลาย ๆ ส่วน สถาปนิกผู้ออกแบบให้เหตุผลว่า “การใช้โครงสร้างเหล็กเป็นวิธีการที่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านน้อยที่สุด และเราดูแล้วว่า รุ่นของอาคารมันจบที่คอนกรีต ยังไม่มาถึงช่วงยุคเหล็ก เราคิดว่าถ้าเราใส่เหล็กเข้าไปเสริมจะเป็นเสมือนตัวแทนของยุคนี้” คุณวชิรศักดิ์ มณีวัฒนาพฤกษ์ สถาปนิกผู้ออกแบบเล่า

นอกจากนี้ สถาปนิกยังพยายามดึงรูปแบบอาคารทางเดินส่วนหน้าที่เคยเป็นอาร์กโค้ง (Arch) อย่างในอดีต เข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่ง เล่าใหม่ผ่านงานโครงสร้างเหล็กในลักษณะซุ้มโค้ง เพื่อเล่าย้อนไปถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมในอดีตที่อาคารในย่านนี้เคยมีซุ้มทางเดินเป็นชายคาต่อเนื่องกันเพื่อช่วยกันแดดและกันฝน เป็นการพยายามดึงรายละเอียดสถาปัตยกรรมของตึกสมัยอดีตกลับมาให้คนนึกถึง

แก้ปัญหาความทึบตันของตึกแถว ด้วยการเปลี่ยนหลังคาบางส่วนเป็นช่องแสงสกายไลท์ และเปลี่ยนผนังทึบเป็นช่องแสงกระจกใสขนาดใหญ่ ที่มุมห้องอาหารชั้น 2 ได้เจาะพื้นเดิมออกเป็นแนวยาว แล้วกรุด้วยแผ่นกระจก เพื่อให้แสงจากด้านบนลอดผ่านลงมายังคาเฟ่ชั้นล่าง

เชื่อมโยงบริบทและชุมชนในย่าน

ชั้น 2 แบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นโซนร้านอาหารชื่อ 59 ÌM Modern Bistro ตั้งอยู่ที่อาคารเก่าส่วนหน้า ให้บริการอาหารแบบ Western Fusion ตกแต่งให้มีความรู้สึกโฮมมี่กว่าคาเฟ่ชั้นล่าง รอบ ๆ ทำชั้นวางหนังสือจากโครงเหล็ก โดยพยายามเชื่อมโยงกับความเป็นมาของย่านสำนักพิมพ์และโรงพิมพ์แห่งนี้ เหมือนกำลังรับประทานอาหารอยู่ในร้านหนังสือ ไม่มีพาร์ทิชั่นใด ๆ กั้น จึงให้บรรยากาศที่โล่งกว้าง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ทรงยุโรปหรูหรา

ฝ้าเพดานเปิดโล่งด้านในกรุฉนวนกันความร้อนก่อนปิดทับด้วยไม้สัก ชั้นนี้ลูกค้าสามารถมองเห็นยอดเจดีย์ที่สวยงามของวัดราชบพิธได้ผ่านบานกระจกใส ในเฟรมหน้าต่างเก่า ซึ่งเจ้าของพยายามเก็บองค์ประกอบอาคารดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งวันวาน โดยยังหมายรวมถึงสีเดิมของผนังและรอยแตกร้าวของปูน ที่ใช้เทคนิคป้องกันการรั่วซึมและป้องกันฝุ่น

ยังมีโซน Maison ÌM Dessert Bar มองเห็นบาร์ขนมตั้งโดดเด่น โดยเน้นเสิร์ฟเมนูขนมสไตล์ฝรั่งเศส – อเมริกัน อบและทำสดใหม่ทุกวันจากที่นี่ พื้นที่โล่งในสุดคือโซน Exhibition & Common Space จัดไว้พร้อมแล้วสำหรับเปิดเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมและแกลเลอรี่ ตรงกับคอนเซ็ปต์ที่เจ้าของอยากให้ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งกับชุมชน โดยอยากดึงชุมชนและผู้คนในแวดวงศิลปะ นักศึกษา หรือวงการใดก็ตามที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน ให้เข้ามาจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ย่านเฟื่องนครกลับมามีสีสันอีกครั้ง

ที่ตั้ง
59 ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิตร เขตพระนคร กรุงเทพฯ
พิกัด https://goo.gl/maps/uon5EDrNFRwpf5hA8

  • Café ÌM เปิด 09.00 – 19.30 น. (ปิดวันพุธ)
  • ÌM Food Corner เปิด 11.00 – 19.30 น. (ปิดวันพุธ เสาร์ และอาทิตย์)
  • 59 ÌM Modern Bistro และ Maison ÌM Dessert Bar เปิดวันจันทร์ อังคาร และพฤหัสบดี เวลา 11.00 – 19.30 น. , วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เปิด 11.00 – 21.30 น. (ปิดวันพุธ)
    โทร.06-5612-6688
    https://www.facebook.com/imenvillebangkok

เจ้าของ : คุณดิตพันธ์ จิราธิวัฒน์
ออกแบบ : คุณวชิรศักดิ์ มณีวัฒนาพฤกษ์ จาก Sea.Monkey.Coconnut (https://www.facebook.com/sea.monkey.coconut/)
ตกแต่ง : Paradigm shift (https://www.facebook.com/paradigmshift.studio/)
วิศวกร : EDMA maxcon


เรื่อง : Phattaraphon
ภาพ : นันทิยา