แบบบ้านใต้ถุนสูง รูปทรงร่วมสมัยแต่ให้อารมณ์แบบบ้านไทย

บ้านหลังนี้เกิดขึ้นจากเจ้าของบ้านชื่นชอบการทำสวนมาก และที่ดินผืนนี้แต่เดิมก็เป็นสวนอยู่แล้ว จึงอาจกล่าวได้ว่า แบบบ้านใต้ถุนสูง หลังนี้เกิดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มให้สวนก็ไม่ผิดนัก

“เดิมทีตรงนี้เป็นสวนที่เหมือนกับเป็นมุมโปรดของเราอยู่แล้ว เพราะเป็นพื้นที่ภายในโรงงานของเราเองและบ้านก็อยู่อีกมุมหนึ่งทางด้านโน้น ส่วนที่ตั้งชื่อว่า ‘บ้านทิวสน’ ก็เพราะบริเวณด้านหลังมีต้นสนขึ้นอยู่” คุณสุวรัตน์เริ่มต้นเล่าถึง แบบบ้านใต้ถุนสูง หลังนี้ให้เราฟัง ก่อนเล่าต่อไปว่า “แต่เวลาจะมาที่สวนต้องเดินไกล ห้องน้ำก็ไม่มี เลยตัดสินใจทำบ้านอีกหลังที่นี่เสียเลย”

สถาปนิกออกแบบบ้านหลังนี้โดยคำนึงถึงการทำความเข้าใจวิถีการใช้ชีวิตและสิ่งที่คุณสุวรัตน์ให้ความสำคัญ ตัวบ้านจึงมีความเชื่อมโยงกับสวนและแสดงตัวตนของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุที่ดูกลมกลืนไปกับสวนอย่างอิฐมอญหรืออิฐแดงที่เราคุ้นเคย ซึ่งยังมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีอีกด้วย รวมถึงไม้ซึ่งเป็นวัสดุที่ให้ความเป็นธรรมชาติที่สุด โดยมีโครงสร้างเหล็กรูปพรรณเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน

แม้บ้านหลังนี้จะมีรูปทรงร่วมสมัย แต่การออกแบบพื้นที่ใช้งานต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจเมื่อตอนที่คุณสุวรัตน์ทำสวน ดังที่เธอบอกว่า “เป็นความฝันของเราว่าถ้ามีสวนสวยๆ ก็อยากมีพื้นที่พักผ่อนอยู่ในสวนด้วย” เราจึงได้เห็นห้องรับแขกที่เปิดมุมมองออกสู่สวน โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่พักผ่อน แพนทรี่เล็กๆ สำหรับเตรียมน้ำและขนม จนเมื่อเดินผ่านอาคารไปทางด้านหลังก็จะพบบันไดที่นำขึ้นไปยังชานบ้านบริเวณชั้นสอง สถาปนิกออกแบบให้มีประตูปิดกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวตั้งแต่เมื่อพ้นจากบันไดขึ้นมา ให้อารมณ์คล้ายบ้านไทยในสมัยก่อน ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ชานไปจนถึงห้องนอนของคุณสุวรัตน์จึงเป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างแท้จริง เราสังเกตว่าขณะนั่งอยู่ที่ชาน แม้จะยังไม่ได้เปิดพัดลมเพดาน แต่ก็มีลมเอื่อยๆพัดมาตลอด

“เราสร้างบ้านโดยการใช้ข้อดีหลายๆอย่างในพื้นที่นี้ อย่างอากาศที่สบายๆ ก็มาจากที่ตั้งตรงนี้เป็นเหมือนช่องลมของหมู่อาคารในโรงงาน หรือด้วยความที่เป็นสวนอยู่แล้วบริเวณนี้ก็จะมีความชื้น เราแค่ยกบ้านขึ้นมาสองสามขั้นก็เพียงพอแล้ว

“บ้านจะดูดีได้ต้องสอดรับกับความเป็นธรรมชาติก่อน เหมือนเวลาที่เราปลูกต้นไม้ ต้นนี้ชอบแดด ต้นนี้ชอบอับๆ ก็ต้องปลูกให้อยู่ถูกที่ถูกจังหวะ บ้านก็เช่นกัน จะไปบังคับกะเกณฑ์ก็คงจะดูไม่งาม ที่สำคัญอาจอยู่ไม่สบายก็ได้”