ANTI OFFICE SYNDROME

ANTI OFFICE SYNDROME หยุดโรคประจำตัวมนุษย์ออฟฟิศทำร้าย เริ่มต้นได้จากตัวเรา

ANTI OFFICE SYNDROME
ANTI OFFICE SYNDROME

Anti-Office syndrome
เคยไหมที่คร่ำเครียดเพราะต้องทำงานที่ตัวเองไม่อยากทำแต่เจ้านายอยากได้ หรือต้องทนทำไปโดยไม่มีทางเลือกเพราะหัวหน้าสั่งมา ไหนจะความกดดันจากเพื่อนร่วมงานที่ต้องทำงานด้วยกันอีก เพราะกลัวว่าหากเกิดทำอะไรผิดพลาดก็อาจจะเกิดปัญหาให้ต้องทะเลาะหรือถกเถียงกันไม่รู้จบ หรือจะเป็นความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ ที่แทบจะหันหน้ามาพูดคุย ทักทาย หรือยิ้มให้กันวันละนับครั้งได้ นั่นยังไม่รวมถึงพาทิชั่นที่ยังจะมาเป็นกำแพงขั้นแบ่งอาณาเขตส่วนตนของกันและกันอย่างชัดเจน ตลอดจนสำนักงานที่รกไปด้วยกองเอกสารและข้าวของที่ไม่ได้ถูกจัดระเบียบ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนในการสร้างบรรยากาศที่ไม่เอื้อสำหรับการทำงานทำใดนักไปโดยปริยาย

reuse-01
ออฟฟิศของบริษัทแม่คะนิ้งครีเอทีฟ จํากัด อาคารทรงลูกบาศก์ปกคลุมด้วยฟางมีหน้าจั่วสามเหลี่ยมโดดเด่น ตกแต่งแลนด์สเคปรอบๆ ด้วยทุ่งหญ้าชวนให้นึกถึงกระท่อมกลางทุ่งนา

อ่านต่อ: REUSE REPAIR UPCYCLE

เข้าใจว่าบางครั้งคนเราก็เลือกไม่ได้ที่จะได้ทำงานในออฟฟิศสวยๆ ที่ออกแบบมาเพื่อพนักงานทุกคนเสมอไป หรือหนีปัจจัยต่างๆ จากย่อหน้าข้างต้นนี้ไปพ้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว พฤติกรรมสุ่มเสี่ยงของมนุษย์ออฟฟิศที่อาจเป็นต้นตอของการเกิด โรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) นั้นเกิดจากการกระทำของตัวเราเองนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นการเอาแต่จดจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จนหลงลืมนับระยะเวลาสะสมในแต่ละวันว่าตัวเองต้องขลุกตัวอยู่ที่โต๊ะทำงานมานานแค่ไหนแล้ว ได้ลุกออกไปสูดอากาศบ้างหรือยัง หรือใส่ใจกับท่านั่งทำงานว่าถูกต้องหรือไม่มากน้อยแค่ไหน การละเลยสิ่งเหล่านี้อาจกลายมาเป็นสัญญาณของอาการป่วยโรคออฟฟิตซินโดรมโดยไม่รู้ตัว เช่น อาการปวดหลังเรื้อรังที่อาจรุนแรงจนถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้

Anti-Office syndrome
ฉีกกฎออฟฟิศรูปแบบเดิมด้วยสเปซสำหรับออกกำลังกายสุดรีแล็กซ์ ไอเดียดีๆ ที่ Inteltion Office ที่ให้ความสำคัญถึงการลดปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรม ที่มักจะเกิดขึ้นกับพนักงานประจำส่วนใหญ่ ที่ต้องขลุกตัวอยู่แต่ในพื้นที่เดิม ๆ ตลอดทั้งวัน โดยไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนอิริยาบถอย่างอิสระ โดยการรีโนเวตพื้นที่ขนาด 170 ตารางเมตร บนชั้น 14 ของอาคารพหลโยธินเพลสขึ้นใหม่ ให้มีฟังก์ชันที่สามารถออกกำลังกายได้ให้กระจายตัวอยู่ 12 จุดทั่วทุกพื้นที่ในออฟฟิศ เพื่อช่วยสร้างเสริมสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดีให้พนักงาน

อ่านต่อ: INTELTION : ฉีกกฎออฟฟิศใหม่ ให้ออกกำลังกายไปพร้อมกับการทำงาน

ข้อมูลอ้างอิงจาก กรมอนามัย โดย ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย ที่ให้เราลองสังเกต 3 อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยในหมู่มนุษย์ออฟฟิศ และเป็นสัญญาณเตือนภัยว่าคุณอาจสุ่มเสี่ยงการป่วยด้วยโรคออฟฟิตซินโดรม ได้แก่ อาการปวดหลังเรื้อรังจากการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง ซึ่งอาจเกิดจากการนั่งหลังค่อม ตัวงอเพื่อเอาสายตาไปจดจ้องที่หน้าจอ อาจเกิดจากการปรับความสูงของเก้าอี้และโต๊ะไม่เหมาะสมกับสรีระ จนเป็นสาเหตุให้กล้มเนื้อต้นคอเมื่อยเกร็งตลอดเวลา กระบังลมไม่สามารถขยายตัวเต็มที่ ส่งผลกระทบไปถึงสมองที่รับออกซิเจนได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

การตกแต่งออฟฟิศให้ดูน่าทำงาน หรือมีบรรยากาศเอื้อต่อการใช้ความคิดแค่ไหน ก็ไม่สามารถเยียวยาอาการออฟฟิศซินโดรมเหล่านี้ให้หมดไปได้อย่างสิ้นเชิง หากมนุษย์ออฟฟิศยังคงบ่ายเบี่ยงการละสองมือออกจากคีย์บอร์ด หรือไม่ยอมพักสายตาจากการจดจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ

อ่านต่อ : Charcoal Design – รีโนเวตบ้านเก่า ให้เป็นออฟฟิศเก๋าของเหล่านักออกแบบ

ยังมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง หรือ ไมเกรน ที่อาจเกิดจากความเครียดสะสม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การถูกแสงแดดและความร้อน ตลอดจนการขาดฮอร์โมนบางชนิดก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคได้อีกเช่นเดียวกัน สุดท้ายคืออาการมือชาหรือนิ้วล็อค ที่เกิดจากการจับเมาส์ในท่าเดิมๆ ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือหรือเส้นเอ็นจากกล้ามเนื้อที่กดทับเส้นประสาท นอกจากนี้แล้วภาวะอากาศถ่ายเทไม่สะดวก ตลอดจนเครื่องปรับอากาศที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน หรือฝุ่นละอองที่เกาะตามกองเอกสารในสำนักงาน ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมเช่นกัน

10 โรคยอดฮิต ที่ติดมากับการไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ออฟฟิศที่ไม่ใส่ใจสุขภาพ

  • นิ่วในถุง น้ำดี : เกิดจากการรับประทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ มักพบในหญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบ : เกิดจากการอั้นปัสสาวะเป็นเวลานานๆ ซึ่งมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
  • โรคเครียด : โรคฮิตสำหรับวัยทำงานที่ไม่รู้จักการผ่อนคลาย และหมกมุ่นกับการทำงานจนเสียสุขภาพจิต
  • ความดันโลหิตสูง : เกิดจากความเครียดสะสม รวมถึงการรับประทานอาหารรสเค็มจัด เช่นเดียวกับผู้ที่ดื่มสุราและสูบบุหรี่เป็นประจำ คือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป
  • โรคอ้วน : คนทำงานที่มือจับคียบอร์ด ปากเคี้ยวอาหาร ทำงานไปกินไป และไม่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมีโอกาสเผชิญโรคนี้สูง
  • กรดไหลย้อน : มักพบในผู้ที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดแล้วกลืมลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงเครียดจัดจนอาหารไม่ย่อย และแน่นอนผู้ที่ดื่มสุราและสูบบุหรี่จัดก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้เช่นกัน
  • ปวดหลังเรื้อรัง : มักพบในผู้นั่งติดหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง และนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง
  • ปวดศีรษะเรื้อรัง หรือ ไมเกรน : มักเกิดกับผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเกิดจากความเครียดสะสม
  • มือชา เอ็น อักเสบ นิ้วล็อก : เกิดจากการจับเมาส์ในท่าเดิมนาน ๆ ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นอักเสบ
  • ต้อหิน ตาพร่ามัว : ผู้ที่ใช้สายตานาน ๆ เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน โดย 1 ใน 10 ของคนอายุ 40 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อหินสูง
Anti Office Syndrome
วิธีการนั่งทำงานที่ถูกต้อง ข้อมูลจาก https://www.bnhhospital.com/spine/office-syndrome/

วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรม

  • ปรับระดับความสูงของเก้าอี้และโต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับสรีระร่างกาย เพื่อรองรับท่านั่งทำงานที่สะบายที่สุด
  • นั่งทำงานหลังตรงพิงพนักเก้าอี้ ไม่งอตัวเพื่อจดจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
  • ควรปรับระดับหน้าคอมพิวเตอร์ให้ขอบหน้าจออยู่ในระดับสายตา
  • กระพริบตาบ่อยๆ และควรพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ 10 นาที
  • วางคีย์บอร์ดอยู่ในระดับข้อศอกและข้อมือ
  • เปลี่ยนอิริยาบถการทำงานทุกๆ 20 นาที และควรขยับตัวหรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อของมือและแขนอย่างน้อยๆ ทุก 1 ชั่วโมงครั้ง
  • นั่งทำงานในที่ปลอดโปร่งหรืออากาศถ่ายเทอย่างน้อยๆ ในช่วงเวลาเช้าและกลางวัน
  • ปลูกต้นไม้ในร่มเพื่อช่วยสร้างออกซิเจนและดูดซับสารพิษ รวมถึงเป็นจุดพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์
  • รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและครบ 5 หมู่
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
Anti Office Syndrome
จัดโต๊ะทำงานให้น่าทำงาน ด้วยการวางตำแหน่งใกล้กับหน้าต่าง เพื่อสร้างบรรยากาศปลอดโปร่ง และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทอย่างน้อยๆ ในช่วงเวลาเช้า และกลางวัน
ต้นไม้
ไทรใบสัก จัดวางในมุมต่างๆ ของออฟฟิศได้ง่าย สามารถปลูกกลางแจ้งก็ได้ ในร่มก็ดี แต่ควรได้รับแสงเพียงพอ เพราะเป็นไม้ชอบแสงครึ่งวันถึงเต็มวัน

อ่านต่อ: PLANTS FOR OFFICE : ต้นไม้ในออฟฟิศ
อ่านต่อ: 10 ต้นไม้ อยู่ในบ้านก็ได้ อยู่นอกบ้านก็ดี

ปัจจุบันหลายองค์กรใหญ่ๆ หันมาใส่ใจกับการออกแบบออฟฟิศให้เอื้อต่อการทำงาน และช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานร่วมกันของบุคคลากรมากขึ้น แต่ทั้งนี้การตกแต่งออฟฟิศให้ดูน่าทำงาน หรือมีบรรยากาศเอื้อต่อการใช้ความคิดแค่ไหน ก็ไม่สามารถเยียวยาอาการออฟฟิศซินโดรมเหล่านี้ให้หมดไปได้อย่างสิ้นเชิง สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวคุณเองจะมีวิธีบริหารจัดการงานที่หนักสะสมตามภาระหน้าที่ ให้สอดคล้องไปกับการดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเองอย่างไร การปล่อยให้ความเครียดจากการทำงานเข้ามาครอบงำ จนทำให้สุขภาพแย่ลงไปไม่ได้ส่งผลดีกับตัวเราเองทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อฉีกกรอบการทำงานจากเดิมๆ ก่อนที่จะสายเกินไป “รักสุขภาพของตัวเองให้เท่ากับการรับผิดชอบในหน้าที่การทำงาน” สิ่งนี้มนุษย์ออฟฟิศทุกคนควรท่องจำไว้ให้ขึ้นใจ

ข้อมูลอ้างอิงจาก
www.msdbangkok.go.th
www.thaihealth.or.th
https://www.bnhhospital.com/spine/office-syndrome/


เรื่อง : ND24 (เขียนและเรียบเรียง)
ภาพ : W Workspace, ธนกิตติ์ คำอ่อน, นันทิยา, แฟ้มภาพบ้านและสวน, แฟ้มภาพจาก room


Office Renovation : 8 ออฟฟิศ รีโนเวต สวยถูกใจวัยทำงาน


เบื่อออฟฟิศ ลองเปลี่ยนที่นั่งทำงานบ้าง! #AntiOfficesyndrome

ปฏิวัติออฟฟิศหลังใหม่เป็นสตูดิโอสุดสร้างสรรค์ของแบรนด์ Uniqlo