East Architects
- ที่อยู่ : 321/53-54 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
- เบอร์โทรศัพท์ : 0-2874 – 4882 , 0-2285 – 4224
- Website : www.eastarchitects.com
เพราะทุกอย่างมีอายุขัย บ้านก็เช่นกัน ต้อง ตรวจอายุวัสดุในบ้าน ว่ายังอยู่ดีหรือไม่ อะไรที่ต้องซ่อมต้องเปลี่ยนจะได้เปลี่ยน ป้องกันไว้ก่อนเกินแก้
ธรรมะและธรรมชาติเป็นสิ่งเดียวที่อยู่คู่กันมาเสมอ หากใครที่ได้ศึกษาพุทธประวัติคงพอทราบว่าในสมัยพุทธกาล สถานที่สำคัญอันเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาส่วนใหญ่เกิดขึ้นใต้ต้นไม้ใหญ่ ในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนานี้เราจึงขอรวบรวม ต้นไม้มงคลในพุทธประวัติ ที่มีความสิริมงคลและเป็นที่เคารพสักการะ อีกทั้งยังนิยมปลูกในบ้านหรือสถานที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบางต้นอาจมีชื่อพ้องกับต้นไม้ชนิดอื่นจนหลายคนเข้าใจผิด ต้นสาละอินเดีย ต้นไม้มงคลในพุทธประวัติ ที่พบมากบริเวณประเทศอินเดียและเนปาล เมื่อถึงฤดูแล้งที่อากาศหนาวเย็นจะทิ้งใบและออกดอกหอมทั้งต้นคล้ายต้นพยอม (ขอขอบคุณภาพ จาก Geeta Samant ) 1.ต้นสาละอินเดีย ชื่อวิทยาสตร์ Shorea robusta Roxb. วงศ์ DIPTEROCARPACEAE ตามพุทธประวัติกล่าวถึงเหตุการณ์การประสูติและดับขันธ์ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าไว้ว่าเกิดขึ้น ณ ใต้ต้นสาละ โดยประสูติใต้นต้นสาละต้นเดี่ยวและปรินิพพานใต้ต้นสาละคู่ หากแต่เป็นต้นสาละอินเดีย ซึ่งมีความแตกต่างกับต้นสาละลังกาที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันและนิยมปลูกในบ้านเราอย่างสิ้นเชิง แม้ว่ารูปทรงของดอกสาละลังกาจะคล้ายคลึงกับดอกบัวที่อาจเกี่ยวข้องกับการดําเนินได้ 7 ก้าวหลังการประสูติก็ตาม เหตุที่แน่ใจได้ว่าสาละลังกาไม่ใช่ต้นไม้ชนิดเดียวกับต้นสาละในพุทธประวัติอย่างแน่นอน ก็เพราะต้นสาละลังกา (Couroupita guianensis Aubl.) มีถิ่นกําเนิดในทวีปอเมริกาใต้ โดยชาวโปรตุเกสเป็นผู้นํามาเผยแพร่ในประเทศศรีลังกาในช่วงปี พ.ศ.2424 ก่อนที่จะแพร่มายังประเทศไทยในเวลาต่อมา สาละลังกาจึงไม่ใช่ต้นไม้พื้นถิ่นที่สามารถเจริญเติบโตในสวนลุมพินีวัน ประเทศเนปาล หรือกรุงกุสินารา ประเทศอินเดีย เมื่อสองพันกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน ต้นสาละอินเดีย อยู่ในวงศ์เดียวกับต้นพะยอมและต้นรังของบ้านเรา มีจุดเด่นคือดอกที่ออกเป็นพวงสีขาวอมเหลือง มีกลิ่นหอม ปัจจุบันยังสามารถพบเห็นได้ในป่าและสวนรอบสังเวชนียสถาน อย่างไรก็ตาม ทั้งต้นสาละอินเดียและต้นสาละลังกาต่างเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงาและมีความสวยงามเฉพาะตัว หากแต่ควรมีการให้ความรู้และประวัติความเป็นมาที่ถูกต้อง […]
บ้านรีโนเวตครึ่งปูนครึ่งไม้ เรียบเท่ที่เคยเป็นบ้านถูกทิ้งร้างหลายปี จนเมื่อเปิดออกมาอีกครั้งก็ได้รับการแปลงโฉมใหม่ให้เหมาะกับรุ่นลูก คืนชีวิตชีวาบ้านจากการออกแบบและการกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งของครอบครัว Design Directory ออกแบบสถาปัตยกรรม : Collage Design Studio เบื้องหน้าของประตูรั้วอาจเห็นเป็นบ้านทรงกล่องเรียบขรึม แต่เมื่อผ่านเข้ามาภายในก็จะพบกับโครงสร้างเปลือยอารมณ์ดิบของ บ้านรีโนเวตครึ่งปูนครึ่งไม้ ที่ประกอบขึ้นจากส่วนหนึ่งของบ้านอายุกว่า 50 ปี สอดประสานเข้ากับฟังก์ชันบ้านกึ่งใต้ถุนที่รีโนเวตขึ้นใหม่อย่างลงตัวในวงล้อมผืนผนังใหม่ สร้างพื้นที่แห่งความสุขที่มีชื่อว่า “S Wall House” เดิมบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านที่คุณพ่อคุณแม่อาศัย โดยมีลูกๆ อยู่ร่วมรั้วเดียวกันในบ้านอีกหลังที่สร้างห่างไปไม่ไกล เมื่อคุณพ่อจากไป คุณแม่ก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดนานนับปี เพื่อหนีความเงียบเหงาในบ้านที่เคยอยู่ร่วมกัน ปิดบ้านทิ้งร้างเรื่อยมาจนกระทั่ง คุณโอ๊กและคุณปัท เจ้าของบ้านรุ่นลูก เริ่มวางแผนขยับขยายการอยู่อาศัยด้วยการรีโนเวตบ้านหลังเก่าและเชื่อมทั้งสองหลังเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น และเพื่อให้คุณแม่กลับมาอยู่ร่วมกันเช่นเดิม โดยปรึกษาความเป็นไปได้รวมถึงงบประมาณกับทีมสถาปนิกที่รู้จักกันดี ก่อนจะสำรวจโครงสร้าง ออกแบบ รวมถึงดูแลการรีโนเวตบ้านตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมี อาจารย์พุทธิชาติ วานิชทัตต์ Design Director แห่ง Collage Design Studio มาเป็นหัวหน้าทีม ในการคืนชีวิตชีวาสู่พื้นที่แห่งความทรงจำของครอบครัว การรื้อถอนที่ทำให้พบโครงสร้างเก่าล้ำค่า ประตูบ้านเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับทีมสำรวจบ้านทรงจั่วครึ่งปูนครึ่งไม้ที่สร้างโดยคุณพ่อ ซึ่งเป็นนายช่างโยธา แม้ตัวบ้านจะเก่าจนฝุ่นจับโทรม แต่โครงสร้างก็ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี ในระหว่างการสำรวจก็พบกับวัสดุบ้านที่ปัจจุบันหาไม่ได้ง่ายๆ […]
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 0-2422-9999 ต่อ 4220
Email : [email protected]
0-2422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 18.00 น)
[email protected]