หน้าร้อน ที่ร้อนจัดของประเทศไทยนั้น นับวันยิ่งร้อนขึ้น แต่ยังมีสีสันของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหมือนอาบแดดไม่ ยิ่งแดดจัดยิ่งสีสด
![หน้าร้อน](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/BSP181204-026.jpg)
หน้าร้อน ทองอุไร
นิยมปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกประดับแปลง ปัจจุบันในตลาดต้นไม้มีทั้งทองอุไรแคระ ทองอุไรสีส้ม และพันธุ์ที่มีดอกสีแปลกตาอย่าง ทองอุไรสปาร์คกี้ ไม้ประดับนำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งพัฒนาพันธุ์มาจากทองอุไร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tecoma stans ‘Sparky’ ลักษณะทั่วไปเหมือนทองอุไรแต่ทรงพุ่มกะทัดรัดกว่า
เกร็ดน่ารู้: มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาเขตร้อนถึงหมู่เกาะเวสต์อินดิส
![หน้าร้อน](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/1366_2303015.jpg)
ชมพูพันธุ์ทิพย์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Tabebuia rosea (Bertol.) DC. วงศ์ Bignoniaceae มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ตั้งชื่อไทยโดย หลวงบุเรศรบำรุงการ เพื่อเป็นเกียรติแก่คุณท่าน หรือหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ผู้นำพรรณไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูกเป็นคนแรกในเมืองไทยราวปีพ.ศ. 2490 ปัจจุบันกลายเป็นไม้ประดับที่พบทั่วไป
ทั้งนี้กลุ่มต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ยังได้รับเลือกเป็น รุกข มรดก ของแผ่นดิน โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เมื่อปี พ.ศ.2562
![หน้าร้อน](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/BSP220305-054.jpg)
พวงชมพู มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Antigonon leptopus Hook. & Arn. วงศ์ Polygonaceae เป็นประเภทไม้เลื้อยขนาดกลาง อายุหลายปี ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเว้ารูปหัวใจ กลีบดอกสีขาวหรือชมพู ออกดอกตลอดปี แต่ดอกจะดกในฤดูร้อน อัตราการเจริญเติบโตเร็ว ควรหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี และชอบแสงแดดเต็มวัน ไม่ชอบน้ำขังแฉะ แข็งแรงทนทาน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และปักชำกิ่ง
และยังถือเป็นพรรณไม้สื่อถึงความรัก โดยความหมายนั้นสืบเนื่องมาจากกลีบดอกที่มีความบอบบางและมีสีชมพูซึ่งสื่อถึงความรักอันบริสุทธิ์ ต้นพวงชมพูจึงหมายความว่า การให้และการดูแลความรักอันบริสุทธิ์สำหรับหัวใจที่บอบบางนี้ให้คงอยู่ตลอดไปนั่นเอง
![หน้าร้อน](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/240222_11.jpg)
สำหรับเฟื่องฟ้า เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยมีอายุหลายปี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bougainvillea spp.and hybrid จัดอยู่ในวงศ์ Nyctaginaceae ปลูกง่ายและทนต่อสภาพอากาศ สำหรับในประเทศไทย มีการนำพันธุ์เฟื่องฟ้าเข้ามาจากสิงคโปร์ครั้งแรกราว ค.ศ. 1880 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พันธุ์เฟื่องฟ้าในประเทศไทยมีไม่น้อยกว่าต่างประเทศ เนื่องจากเฟื่องฟ้าเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย และกลายพันธุ์เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ขึ้นมากมาย
ข้อเสียของ เฟื่องฟ้า คือการที่กิ่งมีหนาวเล็กๆ และสามารถเลื้อยไปได้ไกลถึง 10 เมตร จึงต้องทำการตัดแต่งกิ่งอยู่เรื่อยๆ โดยลักษณะของทรงพุ่มสามารถตัดแต่งและบังคับทิศทางการเจริญเติบโตได้
![หน้าร้อน](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/BSP071225-013.jpg)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Portulaca umbraticola Kunth วงศ์ Portulacaceae ดอกบานเมื่อได้รับแสงแดดตอนเช้า สีขาว ชมพู แดง เหลือง ส้ม ออกเดี่ยวตามซอกใบหรือปลายกิ่งกลีบดอกชั้นเดียว บอบบาง ขอบกลีบดอกหยักเป็นคลื่น ปลูกเลี้ยงง่าย เหมาะปลูกคลุมดินในที่โล่ง หมั่นตัดแต่งกิ่งแห้งก็จะให้ดอกตลอดปี
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/arm080528-020.jpg)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibicus spp. วงศ์ Malvaceae ปักชำกิ่ง ตอนกิ่งและเสียบกิ่ง มีลูกผสมพันธุ์ต่างๆ มากมาย เรียก ชบาฮาวาย มีดอกสีต่างๆ กัน ปลูกเป็นไม้พุ่มสามารถตัดแต่งให้พุ่มเล็กหรือใหญ่ขึ้นตามต้องการ แต่ต้นที่ใช้ทำรั้วได้ดีควรเป็นจำพวกดอกสีขาว ชมพู ส้ม
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/arm120718-221.jpg)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Lantana camara L. วงศ์ Verbenaceae เป็นไม้พุ่มหรือไม้พุ่มรอเลื้อยอายุหลายปี ใบและดอกมีกลิ่นฉุน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ช่อละ 10 – 20 ดอก รูปกรวย โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/water-jasmine1.jpg)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Wrightia religiosa (Tejsm & Binn.) Benth. ex Kurz วงศ์ Apocynaceae ช่อดอกเป็นช่อกระจุกสั้นๆ ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว โคนกลีบเชื่อมติดกัน มีทั้งกลีบดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน มีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี แต่ดอกดกในช่วงปลายฤดูหนาวเข้าฤดูร้อน
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/BSP100307-100-1.jpg)
เหมาะปลูกเป็นแนวทางเดินในสวน หรือริมถนน ให้ดอกและทรงต้นสวยงาม ปลูกเลี้ยงง่าย สามารถปลูกเป็นไม้กระถางก็ผลิดอกได้ ซึ่งมีผู้นำมาปลูกเป็นบอนไซแล้ว มีไม้ประดับอีก 2 ชนิดที่มีลักษณะคล้ายกัน คือ “เหลืองอินเดีย” (Handroanthus chrysanthus) ใบย่อยรูปรีปลายเรียวแหลม และไม่ติดฝัก และ “เหลืองเชียงราย” (H. chrysotrichus) ช่อดอก ใบและฝักขนสีน้ำตาลปกคลุม พบปลูกมากทางภาคเหนือ
การปลูก : ดินทุกประเภท น้ำน้อยถึงน้ำปานกลาง แสงแดดตลอดวัน โตช้า ทนแล้ง ทนลมแรง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2024/03/BSP080326-069.jpg)
ไม้ต้นผลัดใบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cassia bakeriana Craib ในวงศ์ Fabaceae ออกดอกเป็นช่อกระจะออกตามกิ่งสีชมพู และเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อใกล้โรย เกสรเพศผู้สีเหลือง ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ผลเป็นฝักกลม เมื่อแก่สีดำ เนื้อในสีขาว เติบโตได้ในดินร่วนปนทราย ชอบน้ำน้อย ทนแล้งได้ดี ชอบแสงแดดตลอดวัน ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด นิยมปลูกในที่โล่งเพราะรูปทรงสวยงาม เวลามีดอกเต็มต้นเด่นสะดุดตาเป็นสีชมพูเข้มเมื่อเริ่มบาน และเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อใกล้โรย ไม่ควรปลูกเป็นจำนวนมากในที่เดียวเพราะมีแมลงเจาะไชกิ่งและลำต้นอาจตายได้ทั้งกลุ่ม
บทความที่เกี่ยวข้อง
เอลนีโญ สายเขียวรับมือด้วยต้นไม้ใช้น้ำน้อย
ทองกวาว ไม้ยืนต้น ดอกสวยสีสด
ติดตามไอเดียบ้านและสวนเพิ่มเติมได้ทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com