ซาแรนกันแดดปลูกผักสวนครัว ต้องเลือกอย่างไร

ซาแรนกันแดด หรือ สแลนกันแดด กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ กรองแสงแดด ให้พืชในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในฤดูร้อนของปีนี้ (2567) ที่เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญควบคู่ทำให้อากาศร้อนจัดจนส่งผลต่อการเติบโตของพืชผัก ผักชี ต้นหอม และผักอื่นๆ จึงราคาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การพรางแสงให้แปลงผักด้วย ซาแรนกันแดด หรือ สแลนกันแดด ส่วนใหญ่แล้วจะคุ้นตากับซาแรนสีดำ เพราะเป็นที่นิยมใช้โดยทั่วไป แต่แท้จริงแล้ว ตาข่ายกรองแสงสีดำ ที่ใช้กันอยู่นั้น ดูดความร้อนมากที่สุดเมื่อเทียบจากสีของซาแรนที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งเป็นหลักการดูดความร้อนของสีที่เราทราบกันดีว่า สีดำดูดความร้อนได้มากที่สุด และสีขาวดูดความร้อนได้น้อยที่สุด

ซาแรนกันแดด [ สแลนกันแดด ] ปลูกผักสวนครัว เลือกสีไหนดี?

สแลนกันแดด

ซาแรนสีฟ้า สีน้ำเงิน [สแลนสีฟ้า] ซาแรนสีฟ้าสะท้อนแสงได้ปานกลาง ช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่ให้เย็นลงได้ แต่ซาแรนสีฟ้ามีข้อดีตรงที่แสงสีฟ้าที่ตกลงมายังพืชผักที่ปลูกจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของรากและใบของพืช จึงเหมาะกับผักกินใบ เช่น ต้นหอม ผักชี คะน้า ผักกาด เคล และผักสลัดต่างๆ

สแลนกันแดด

ซาแรนสีแดง [สแลนสีแดง] สีแดงเป็นอีกสีที่สะท้อนแสงในได้ดีกว่าสีน้ำเงิน แต่แสงสีแดงจะช่วยลดการรบกวนของแมลงต่างๆ ทั้งยังกระตุ้นให้พืชออกดอกได้ดีกว่า จึงเหมาะกับการปลูกพืชให้ดอก หรือ กระตุ้นให้พืชติดดอกปริมาณมากเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ เช่น ดอกไม้กินได้ ผักกินดอก

ซาแรนสีเขียว [สแลนสีเขียว] สีเขียวเป็นสีที่สะท้อนแสงได้น้อยรองจากสีดำ เป็นสีที่พืชนำมาใช้ประโยชน์ได้น้อยที่สุด หากพืชได้รับแสงสีเขียวจะทำให้กิ่งก้านยืดยาว แต่ดีต่อใบพืชที่อยู่ด้านล่างซึ่งแสงสีเขียวจะทะลุผ่านได้ดีกว่า ทำให้ได้รับแสงอย่างทั่วถึง ซาแรนสีเขียวจึงเหมาะกับปลูกพืชที่ต้องการให้ใบสีสดสม่ำเสมอ อย่าง ไม้ใบ ไม้ใบด่าง กล้าพันธุ์ไม้ยืนต้น และใช้ประโยชน์อย่างอื่นๆ อย่าง กรองแสงให้บ่อปลา กรองแสงให้โรงเรือนเพาะเห็ด เป็นต้น

สแลนกันแดด

ซาแรนสีดำ [สแลนสีดำ] เหมาะกับพืชชนิดใด

แสงสีดำจะไม่มีการสะท้อนคลื่นแสง แสงที่ผ่านจึงเป็นแสงสีขาว สแลนสีดำจะช่วยกรองแสงไม่ให้แสงอาทิตย์แรงเกินไปตามอัตราการกรองแสงที่มีให้เลือกตั้งแต่ 50 – 80% (ตัวเลขมากยิ่งแสงผ่านได้น้อย) ใช้ปลูกผักสวนครัวได้ แต่เหมาะกับไม้ใบไม้ประดับมากกว่า

เลือกซาแรนตามระยะพืชผักเติบโต

ระยะต้นกล้า เป็นช่วงที่พืชผักเริ่มต้องการแสงเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต แต่ไม่ควรได้รับแสงแดดมากเกินไป ซาแรนที่เลือกใช้ควรกรองแสง 50-60%

ระยะเติบโต เป็นช่วงที่พืชต้องการแสงมากขึ้น ซึ่งพืชผักส่วนมากจะชอบแสงเต็มวันหรืออย่างน้อย 8 ชั่วโมง ซาแรนจึงไม่ค่อยจำเป็นนัก หากเลือกใช้ควรเลือกอัตราการกรองแสง 50% หรือน้อยกว่านั้น โดยต้องพิจารณาประกอบกับความต้องการแสงแดดของพืชแต่ละชนิดด้วย เช่น

พืชต้องการแสงมาก ส่วนใหญ่มักเป็นผักกินผล อย่าง มะเขือเปาะ พริก แตงกวา ถั่วฝักยาว ฟักทอง (ไม่จำเป็นต้องใช้ซาแรน)

พืชต้องการแสงปานกลาง มักเป็นผักกินใบต่างๆ เช่น  ผักสลัด ผักกาด คะน้า ผักบุ้ง (ใช้ซาแรนกรองแสง 50-60%)

พืชต้องการแสงรำไร เช่น ช้าพลู เตยหอม ผีกชีฝรั่ง สะระแหน่ ผักเป็ด หรือพืชในระยะเพาะเมล็ด (ใช้ซาแรนกรองแสง 70-80 %)

ทั้งนี้อย่างลืมว่าหน้าที่ซาแรนคือกรองแสงแดด หากผ่านพ้นฤดูร้อนที่มีช่วงกลางวันยาวนานแล้วเข้าสู่ฤดูฝน ที่แต่ละวันผักจะเจอแสงแดดลดลงแต่เจอน้ำฝนมากขึ้น ซึ่งก็เป็นอุปสรรคหนึ่งในการปลูกผักสวนครัว ให้รื้อเปลี่ยนซาแรน เพื่อให้ผักได้รับแสงอย่างเต็มที่ โดยใช้พลาสติกกันฝนทำหน้าที่ดูแลพืชผักต่อไป

รวม 10 เรื่อง ที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อ พลาสติกคลุมโรงเรือน เพื่อให้ตรงกับการใช้งาน

ปลูกผักในช่วงฤดูร้อน ให้รอดด้วย 10 เคล็บลับเหล่านี้

ติดตามบ้านและสวน Garden&Farm