ไส้เดือน

พันธุ์ไส้เดือน ยอดฮิตติดสวนที่นิยมเลี้ยงกันมากในประเทศไทย

ไส้เดือน
ไส้เดือน

ไส้เดือน เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทุกการกระทำนั้นส่งผลดีต่อดิน เริ่มตั้งแต่พอกินอะไรเข้าไปปุ๊บก็ขับถ่ายออกมาก็กลายเป็นปุ๋ยปั๊บ

การเดินทางก็ชอนไชช่วยให้ดินโปร่งร่วนซุย คบเพื่อนก็เป็นจุลินทรีย์ที่ช่วยปรับสมดุลของดิน รวมถึงตัวของไส้เดือนเองก็เป็นอาหารให้กับสัตว์นานาชนิด ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นจากไส้เดือนเพียงตัวเดียว แล้วถ้ามีไส้เดือนเป็นร้อยตัว หรือพันตัวจะดีขนาดไหน

ที่ผ่านผู้คนจึงเริ่มหันมาเลี้ยงไส้เดือน และอยากรู้จัก พันธุ์ไส้เดือน กันมากขึ้นและสามารถเพิ่มจำนวนไส้เดือนได้ จากประโยชน์ที่เกินขนาดตัวไปมาก ก็ได้เริ่มต้นจากภาคการเกษตรที่ใช้กำจัดมูลวัวให้กลายเป็นปุ๋ยมูลไส้เดือน ภาคปศุสัตว์ที่ใช้เป็นแหล่งโปรตีนสำหรับสัตว์ภายในฟาร์ม

จนขยายสู่ภายในครัวเรือนที่ใช้เป็นเครื่องกำจัดเศษอาหารส่วนเกิน ส่วนมูลที่ได้ก็กลายเป็นปุ๋ยบำรุงพืชผักที่ปลูกต่ออีกที ซึ่งสำหรับใครที่สนใจและอยากเข้าสู่วงการ แต่ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงไส้เดือนสายพันธุ์ไหนดี ลองมาศึกษา 4 สายพันธุ์ไส้เดือนยอดนิยมที่เลี้ยงกันในประเทศไทย

พันธุ์ไส้เดือน
ภาพประกอบ : Green Garden Organic farm – ฟาร์มไส้เดือน กรีนการ์เด้น 
ไส้เดือน
ภาพประกอบ : มูลไส้เดือน by บ้านรากดิน

สายพันธุ์แอฟริกันไนท์ครอว์เลอร์ (African Nightcrawler)

เป็น พันธุ์ไส้เดือน ที่ลำตัวค่อนข้างใหญ่ สามารถยาวได้สูงสุดถึง 30 ซม. ลำตัวสีแดงเหลือบน้ำเงิน ปลายหางซีด มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ แอฟริกาตะวันตก และยังเป็นไส้เดือนที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยนิสัยของไส้เดือนสายพันธุ์นี้ที่กินเก่ง โตเร็ว ขยายพันธุ์ได้ไว โดยไส้เดือน 1 กิโลกรัม สามารถกินอาหารอยู่ที่ประมาณ 800-1,200 กรัม/วัน ซึ่งเยอะกว่าสายพันธุ์อื่นที่กินอยู่แค่ประมาณ 200-300 กรัม/วัน เท่านั้น

นิยมนำมาใช้กำจัดของเสียภายในฟาร์มโคนมเพื่อผลิตปุ๋ยหมักเป็นหลัก และนอกจากนี้ก็สามารถนำไปกำจัดเศษอาหารก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรใส่เยอะเกินไป เพราะ เศษอาหารจากพืชผักจะทำให้ความชื้นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งไส้เดือนสายพันธุ์นี้ไม่ชอบความชื้นที่สูงมากเกินไป

ไส้เดือน
ภาพประกอบ : สวนอารมณ์สีสัน ตลาดเกษตรปลอดภัย จัดจำหน่ายสินค้าชีวภาพ,ชีวภัณฑ์
ไส้เดือน
ภาพประกอบ : สวนอารมณ์สีสัน ตลาดเกษตรปลอดภัย จัดจำหน่ายสินค้าชีวภาพ,ชีวภัณฑ์

สายพันธุ์ไทเกอร์ (Tiger Worm)

เป็นไส้เดือนลำตัวสั้นแบน ยาวประมาณ 12 ซม. ลำตัวสีแดง มีปล้องเป็นแถบชัดเจนคล้ายลายเสื้อ หางสีเหลือง มีกลิ่นตัวที่ชัดเจน มีถิ่นกำเนิดจากเขตหนาวในยุโรปและอเมริกา แต่กลับสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่ร้อนได้ถึง 40 องศาเซลเซียส และทนหนาวได้ถึง 0 องศาเซลเซียส

เนื่องจากได้มีพัฒนาสายพันธุ์จนทำให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย โดย รศ.ดร. สมชัย จันทร์สว่าง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงทำให้เป็นไส้เดือนอีกชนิดที่เลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์เร็วปานกลาง ซึ่งสามารถกินได้ทั้งมูลวัว รวมถึงขยะสดในครัวเรือน

ภาพประกอบ : มูลไส้เดือน by บ้านรากดิน
ภาพประกอบ : ลุงหมูฟาร์มไส้เดือน

ส้เดือน สายพันธู์บลูเวิร์ม (Indian Blue)

เป็นไส้เดือนที่มีขนาดเล็ก ลำตัวผอมเรียว ยาวประมาณ 8 ซม. มีถิ่นกำเนิดกระจายตัวอยู่ทั่วทวีปเอเชีย ทั้งใน อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไทย และรวมถึงออสเตรเลีย มีสีแดงเหลือบม่วงน้ำเงิน จึงได้ชื่อว่า Indian Blue Worm เป็นอีกสายพันธุ์ที่สามารถขยายพันธุ์ได้เร็ว และด้วยขนาดตัวที่เล็ก จึงทำให้ปุ๋ยมูลไส้เดือนที่ได้จะมีความละเอียด เม็ดเล็ก ตามไปด้วย

ภาพประกอบ : ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
พันธุ์ไส้เดือน
ภาพประกอบ : ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้

พันธุ์ไส้เดือน สายพันธุ์ขี้ตาแร่

เป็นไส้เดือนสายพันธุ์ไทย จึงมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมในไทยได้ดี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิสูง สามารถเลี้ยงง่าย มีลักษณะคล้ายกับไส้เดือนแอฟริกันไนท์ครอว์เลอร์มาก มีลำตัวสีแดงเหลือบน้ำเงิน อยู่ในสกุลเดียวกับ Indian Blue Worm แต่ตัวใหญ่กว่า

เป็นไส้เดือนสายพันธุ์ที่ต้องการความชื้นสูง และสามารถทนอยู่ในน้ำขังได้นาน จึงเหมาะสำหรับใช้ในการกำจัดเศษอาหารที่เน่าเสียได้หลากหลายชนิด นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้ในการแปลงมูลสัตว์ให้เป็นปุ๋ยหมักได้เหมือนกัน

เรื่อง : กิตตินัย อัศวเลิศลักษณ์

เรียบเรียงข้อมูลจาก

  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้

ทำปุ๋ยมูลไส้เดือนจากเศษอาหาร สูตรจากฟาร์มลุงรีย์

ปลูกผัก แบบไม่ไถพรวนดีจริงไหม? No-dig Gardening