ระบบน้ำหยดเพื่อการเกษตร ทำเองได้ช่วยประหยัดน้ำในช่วงหน้าแล้ง

ระบบน้ำหยด หรือ Drip Irrigation System เป็นวิธีการสู้ภัยแล้งที่มีประสิทธิภาพอีกวิธีหนึ่ง ทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตั้งเวลาและปริมาณน้ำได้เเบบอัตโนมัติ หรือจะผสมปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชลงไปในระบบน้ำหยดก็ได้

ที่สำคัญ ระบบน้ำหยด สามารถประกอบเเละติดตั้งได้เองเเบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ด้วยงบประมาณที่ไม่สูงจนเกินไป จึงนับว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับการลงทุนจริง ๆ

เมื่อทราบถึงข้อดีเหล่านั้นเเล้ว จึงอยากพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปดูวิธีการประกอบเเละติดตั้ง ระบบน้ำหยดเพื่อการเกษตร ในงบประมาณ 20,000 บาท ที่ไม่เพียงแค่สู้ภัยแรงได้ แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสวนกระถาง หรือในพื้นที่ที่ดินไม้อุ้มน้ำ เพื่อช่วยเเก้ปัญหาภาคการเกษตรได้ดีอีกวิธีหนึ่งทีเดียว

ระบบน้ำหยด


การใช้งานในลักษณะต่าง ๆ

  • ใช้ให้น้ำในภาคการเกษตร โดยอาจประยุกต์กับเครื่องตั้งเวลา หรือทำระบบเปิด-ปิดปั๊มจากที่ไกล ๆ ได้ เพื่อความสะดวกสบายของเกษตรกร
  • สามารถประยุกต์ใช้กับการให้ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชต่าง ๆ ได้
  • ช่วยเแก้ปัญหาพื้นที่ที่ดินไม่กักเก็บน้ำ ดินแห้ง หรือไม่อุ้มน้ำ ให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
  • สามารถประยุกต์ใช้กับการให้น้ำต้นไม้ในสวน หรือไม้กระถางได้ดี

ข้อดี

  1. ประหยัดเวลา
  2. สามารถกำหนดเวลาและปริมาณน้ำได้
  3. สามารถทำได้ง่ายกว่าระบบพ่นหมอก เพราะระบบน้ำหยดไม่ต้องอาศัยแรงดันน้ำมากนัก
  4. จากข้อ 3 จึงทำให้มีราคาย่อมเยากว่าในการใช้งานต่อพื้นที่ที่เท่ากัน
ระบบน้ำหยด

อุปกรณ์ต่าง ๆ

  1. ถังน้ำขนาด 2,000 ลิตร
  2. ถังน้ำขนาด 200 ลิตร
  3. ปั๊มหอยโข่ง 1 นิ้ว ขนาด 0.5 แรงม้า
  4. บอลวาล์ว ประมาณ 10 ตัว เพื่อปรับแรงดันในแต่ละช่วงของข้อต่อ
  5. ท่อพีวีซี 1.5 นิ้ว สำหรับเดินระบบถังสูบและจ่ายน้ำเข้าสู่ท่อน้ำหยด
  6. ท่อกรองน้ำเกษตร สำหรับกรองหยาบก่อนส่งน้ำเข้าท่อน้ำหยด
  7. เทปน้ำหยด เลือกระยะรูน้ำหยดตามลักษณะของพืชเเละการปลูก
  8. วาล์วน้ำหยด สำหรับต่อเทปน้ำหยด
  9. ผ้าพลาสติกดำ

ขั้นตอนการประกอบเเละติดตั้ง

ระบบน้ำหยด

1.เทปูนในส่วนที่จะวางถังน้ำ โดยทำเป็นแท่นให้ถัง 2,000 ลิตร อยู่สูงขึ้นไปด้านบน ก่อนจะวางถัง 200 ลิตร ไว้ที่ด้านล่าง โดยฐานปูนจะช่วยไม่ให้เกิดการทรุดตัว เนื่องจากน้ำหนักของน้ำที่มีมาก ส่วนถัง 200 ลิตร ที่อยู่ด้านล่าง มีไว้เพื่อพักน้ำก่อนจ่ายสู่เครื่องสูบน้ำ และใช้สำหรับผสมปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช

2.เดินระบบสูบน้ำเข้าไปสู่ถังทั้งบนและล่างให้เป็นระบบหมุนเวียน โดยใช้ปั๊มหอยโข่งขนาด 0.5 แรงม้า เดินท่อ 1 นิ้ว ระหว่างถังน้ำทั้งสองตามภาพ และประกอบบอลวาล์วไว้ทุกช่วงของข้อต่อ เพื่อควบคุมแรงดันในท่อให้สม่ำเสมอเเละเหมาะสม

3.เดินท่อจากถัง 2,000 ลิตร โดยผ่านข้อต่อกรองน้ำเกษตรเสียก่อน แล้วจึงเดินท่อต่อไปจนสุดบริเวณแปลงผัก และต่อวาล์วน้ำหยดก่อนติดตั้งเทปน้ำหยดไปตามแนวแปลกปลูก ระยะห่างระหว่างเเต่ละรูจะแตกต่างกันไปตามชนิดพืชที่เราปลูก เช่น เเปลงข้าวโพด ควรกำหนดรูน้ำหยดให้ห่างกันทุก ๆ 20 เซนติเมตร พืชล้มลุกอื่น ๆ อาจปรับเป็น 30 เซนติเมตร แต่ถ้าเป็นพืชกอใหญ่ควรห่างกัน 6o เซนติเมตร ทั้งนี้อาจเลือกใช้ท่อ PE แล้วนำมาเจาะรูเองก็ได้ตามสะดวก

4.หากต้องการระบบอัตโนมัติอาจใช้วิธีติดตั้ง Timer ไว้กับแหล่งจ่ายไฟของเครื่องสูบน้ำ เเละถ้าต้องการกำจัดวัชพืชรอบ ๆ แปลงปลูก ให้ใช้พลาสติกคลุมดินสีดำทำการคลุมรอบแปลงปลูก โดยเว้นโคนต้นเอาไว้ นอกจากจะช่วยไม่ให้หญ้าขึ้นเเล้ว วิธีนี้ยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินได้ดีอีกด้วย

ซึ่ง ระบบน้ำหยด เพื่อการเกษตรทั้งหมดนี้ สามารถประกอบติดตั้งได้ในงบประมาณไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับแปลงปลูกขนาดไม่เกิน 1 ไร่ และสามารถมีอายุการใช้งานได้ราว ๆ 5-10 ปีเลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของระบบท่อต่าง ๆ ที่เลือกนำมาใช้นั่นเอง

เรื่อง และ ภาพประกอบ  : วุฒิกร สุทธิอาภา

ติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/baanlaesuanmag