The O‘liday Cafe พลิกโฉมร่องสวนเดิม สู่คาเฟ่ในบรรยากาศร่มรื่น

The O‘liday Cafe พลิกโฉมร่องสวนเดิม สู่คาเฟ่ในบรรยากาศร่มรื่น

The O‘liday Cafe โอเอซิสแห่งใหม่ย่านฝั่งธนฯ คาเฟ่ในป่าบนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ จากพื้นที่เดิมที่เป็นป่ากล้วยและดงมะม่วงในร่องสวน ถูกปรับแต่งใหม่ โดย รศ. ดร.สมจิต โยธะคง นักจัดสวนอาวุโสวัย 80 ปีที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ทว่าในวงการจัดสวนต่างยกย่องว่าท่านคือมือระดับอาจารย์

The O‘liday Cafe นี้ มีหลายเรื่องที่ทำให้ทึ่ง ตั้งแต่แนวคิด การออกแบบ วิธีทำงาน รายละเอียดต่าง ๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน

ทางเดินจากลานจอดรถเข้าสู่คาเฟ่ด้านใน ใช้เส้นค่อนข้างคดโค้งเพื่อให้เกิดความลื่นไหลของอารมณ์ วางหินหรือต้นไม้เป็นลักษณะซ่อนบังบางส่วนไว้ให้เกิดความรู้สึกอยากค้นหา อยากเดินต่อไป เว้นระยะระหว่างแผ่นเพื่อเป็นร่องระบายน้ำ ประโยชน์อีกอย่างคือ ถ้าเกิดปัญหาแตกหรือทรุด สามารถซ่อมเฉพาะแผ่นนั้นได้
The O‘liday Cafe

สำรวจรูปลักษณ์แผ่นดิน

“ทุกงานออกแบบสวนเราต้องรู้ก่อนว่าเจ้าของสถานที่ต้องการอะไร อย่างโจทย์ของที่นี่ คือ ต้องการทำร้านกาแฟ ร้านอาหาร เรานำความต้องการนั้นมาขยายต่อ เริ่มจากการเซอร์เวย์พื้นที่ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผมตรวจดูทุกอย่างในพื้นที่ ถ่ายภาพเก็บไว้อย่างละเอียด ดูทิศทางแสง พืชพันธุ์เดิมที่มี สภาพแวดล้อมโดยรอบ แหล่งน้ำใกล้เคียง เรียกว่าเป็นการ “สำรวจรูปลักษณ์แผ่นดิน” จากนั้นจึงออกแบบ กำหนดสิ่งต่าง ๆ วางตำแหน่งอาคาร ขนาดและรูปทรงบ่อน้ำ จะลงต้นไม้อะไร บริเวณไหน พอเห็นพื้นที่แล้วจะคิดออกเลยครับว่าต้องทำอะไรตรงไหนบ้าง ใส่ไอเดียแต่งเติม แล้วเขียนเป็นแบบออกมาโดยละเอียด”

The O‘liday Cafe
คุณจ๊าบ-พุทธิณรงค์ และคุณแมะ-กัญรัศมิ์ กิตติ์อัครานนท์ นั่งเล่นที่ระเบียงที่ทำให้มีลักษณะเหมือนท่าน้ำ

ภูมิทัศน์ป่าในเมือง

“ภูมิทัศน์หากแบ่งตามลักษณะการเกิด จะมี 2 อย่าง คือ ภูมิทัศน์ธรรมชาติ (Natural Landscape) ที่ธรรมชาติรังสรรค์ มนุษย์เราแค่เข้าไปดูแลรักษาให้คงสภาพแต่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องออกแบบ และ ภูมิทัศน์ที่มนุษย์สร้างขึ้น (Manmade Landscape) ความหมายก็ตรงตัว คือ มนุษย์สร้างสรรค์มีสิ่งก่อสร้างให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเทียมที่ออกแบบให้ดูสวยงามน่ารื่นรมย์ใกล้เคียงธรรมชาติ

เฉลียงไม้ริมน้ำใช้ไม้เก่าจากบ้านอายุกว่าร้อยปี นำมาขัดแต่งผิวเล็กน้อยและทาวัสดุเคลือบรักษาเนื้อไม้ที่ไม่มีสี เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ เรียงไม้ที่มีขนาดหน้ากว้างต่างกันคละไซส์กันใส่รายละเอียด คิดไว้ตั้งแต่ออกแบบบางจุดแทรกด้วยหินทรายเพิ่มลูกเล่น โครงสร้างด้านฃ่างใช้เหล็กอัลลอยด์ ที่ไม่เป็นสนิมและมีอายุใช้งานที่ยาวนาน

สวนนี้เป็นสวนผสม (Mixed Garden) การออกแบบจะพิจารณารวมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้ง Hardscape ที่เป็นอาคาร โครงสร้าง วัสดุต่าง ๆ ในสวน รวมไปถึงงานระบบต่าง ๆ และต้นไม้ในสวนที่จัดอยู่ในกลุ่มของ Softscape ผสมกลมกลืนให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว โดยเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นสำคัญ และมีความสวยงามควบคู่ไปด้วย เป็นสวน Natural ที่มี Manmade เข้ามาผสมแบบแยกกันไม่ออก เรียกว่าเป็น ภูมิทัศน์ป่าในเมือง (Urban Woodscape) ครับ”

พื้นลานด้านหน้าปูด้วยแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป หรือที่เรียกว่าพรีแคสคอนกรีต (Precast Concrete) สำหรับก่อสร้างอาคาร มีโครงสร้างที่แข็งแรง ไม่ต้องดูแลมากนัก ด้วยพื้นที่มีขนาดใหญ่ ใส่ลูกเล่นด้วยการใช้วัสดุอื่นที่ต่างไป เช่น หินทราย ศิลาแลงแทรกในบางจุด ต่ก็ยังคงมีความเกี่ยวเนื่อกับวัสดุที่ใช้ในสวน เช่น กระบะปลูกใต้ไม้ใหญ่ ที่จัดเป็น “สวนกระบะ (Box Garden)”

สวนที่เข้าไปใช้ ไม่ใช่แค่นั่งมอง

อาจารย์เล่าว่างานออกแบบจะเน้นที่ฟังก์ชั่นการใช้งานในสวนของเจ้าของสถานที่เป็นหลัก สวนต้องใช้ประโยชน์ได้ทุกพื้นที่ เชื่อมโยงกันทั้งส่วน Indoor และ Outdoor เข้าใช้งานได้สะดวก ไม่ใช่แค่เพียงนั่งมอง ต้องมี Functional Approach ไม่ใช่มีแค่ Emotional Approach การออกแบบต้องใช้ทั้งศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ และศิลป์เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงาม และต้องมีความยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลถึงการเลือกใช้วัสดุ งานโครงสร้าง ชนิดต้นไม้ที่ต้องแข็งแรง มั่นคง อยู่ได้นาน ดูแลง่าย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ

The O‘liday Cafe
“การเปิดสเปซในสวนก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เปิดให้มีที่โล่งบ้างเพื่อได้ผายปอด ให้มีที่ได้หายใจ ไม่ใช่ลงต้นไม้จนแน่นทึบไปซะทั้งหมด”

Xeriscape Garden

Xeriscape Garden คือ การจัดสวนแบบประหยัดน้ำ มีต้นกำเนิดจากประเทศออสเตรเลีย ที่นั่นเขามีดินน้อย ต้องใช้พืชที่ต้องการน้ำน้อย เป็นการจัดภูมิทัศน์ในอีกรูปแบบที่เน้นการประหยัดน้ำ ใช้น้ำให้น้อยที่สุด และมีการดูแลรักษาต่ำ โดยใช้พืชทนแล้งที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดีแม้ในสภาพแวดล้อมขาดแคลนน้ำ ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เช่น อากาเว่ ยุคค่า ลิ้นมังกร โป๊ยเซียน มาจัดอยู่ร่วมกัน เกิดเป็นสวนที่สวยงาม ดูแลรักษาง่าย ค่าใช้จ่ายต่ำ และใช้น้ำได้อย่างคุ้มค่า ในบ้านเราไม่ค่อยเห็นมากนัก และที่นี่ยังเป็นที่แรกที่อาจารย์จัดภูมิทัศน์ในลักษณะนี้

Xeriscape Garden คือการจัดสวนที่เน้นการประหยัดน้ำ โดยใช้พืชทนแล้งที่เจริญเติบโตและดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมขาดแคลนน้ำ ขอบกระบะก่อด้วยหินชั้นสูงขึ้นมาประมาณ 45 เซนติเมตร ซึ่งเป็นความสูงที่เหมาะกับสรีระเวลานั่ง ด้านบนเป็นหินทรายขัดผิวเรียบ เป็นลักษณะของ Floating Garden ผนังด้านหลังก่อด้วยหินชั้นเช่นกัน เรียกว่า Rock Wall ทำหน้าที่เป็นผนังประดับและผนังกั้นดินไปในตัว ก่อกรุแต่งผิวด้วยหินกาบป่า ตัดแต่งขนาดใหม่ บางจุดใช้แกรนิตผสม

ลานอุโมงค์ไม้

ลานด้านหน้าคาเฟ่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ แปลกตาที่่ต้นไม้แตกกิ่งเข้าหากันดูเหมือนหลังคาที่สร้างโดยธรรมชาติ “เราเลือกต้นที่แตกกิ่งโค้งเข้าหากันเป็นซุ้ม ตั้งใจให้เหมือนเป็นอุโมงค์ต้นไม้ นำสายตาจากประตูทางเข้าด้านหน้าเชื้อเชิญให้มาด้านใน ที่นี่มีต้นไม้ใหญ่กว่า 30 ชนิด โดยเปิดโอกาสและให้อิสระกับเจ้าของสถานที่ได้ไปซื้อต้นไม้เอง ผมให้คำแนะนำว่าต้องการต้นอะไรบ้าง รูปทรงประมาณไหน ซึ่ง คุณจ๊าบ-พุทธิณรงค์ และคุณแมะ-กัญรัศมิ์ ต่างก็รู้ใจว่าผมชอบต้นไม้ลักษณะไหน เพราะผมจัดสวนที่บ้านให้ทุกหลังตั้งแต่ 25 ปีก่อน หน้าที่ของเราคือลงต้นไม้ที่เขาซื้อมายังไงให้สวย”

The O‘liday Cafe

อาจารย์ยังเล่าเสริมอีกว่าต้นไม้ใหญ่ที่ใช้จะต้องเป็นชนิดที่ใบไม่ร่วง เพื่อให้ดูแลจัดการได้ง่าย เมื่อไม้ใหญ่มาส่งอาจารย์จะพิจารณาจากต้นจริงแล้วชี้ตำแหน่งว่าจะปลูกบริเวณไหน หันหน้าไม้อย่างไรให้สวย ลงต้นไม้ให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ให้ดูเป็นป่ามากที่สุด ส่วนต้นไม้อื่น ๆ จะเป็นไม้ที่ใช้ในการจัดสวนทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกคิดไว้ตั้งแต่ออกแบบแล้วว่าจะใช้ต้นอะไร ปลูกตรงไหนบ้าง บางอย่างเป็นไม้จัดสวนที่ไม่ค่อยเห็นนำมาใช้ในปัจจุบันมากนัก เช่น เฮลิโคเนีย คล้า จั๋ง ขิงแดง ที่นี่ยังเน้นงานระบบที่เอื้อต่อการเติบโตของต้นไม้ในสวน ทั้งระบบสปริงเกลอร์ ระบบพ่นหมอก รวมไปถึงระบบไฟให้แสงสว่างในสวน

The O‘liday Cafe

หินทุกก้อนคืองานประติมากรรม

อีกสิ่งที่เป็นจุดเด่นของสวนนี้คือหินตกแต่งที่มีขนาดใหญ่ สี รูปทรง และผิวสัมผัสที่ดูแตกต่างหลากหลาย แต่ทว่ากลมกลืนไปด้วยกันทั้งสวน “ผมศึกษาทางด้านธรณีวิทยา เรียนเกี่ยวกับชั้นธรณี ประเภทและลักษณะของหิน เรื่องเหล่านี้ ล้วนสำคัญและเป็นประโยชน์ในงานจัดสวน อย่างเช่นเรื่องของทางหิน (Direction of Rock Vigor) ซึ่งเกี่ยวกับทิศทางของริ้วหรือแนวลายเส้นของหินที่ปรากฏอยู่บนผิวจะเป็นแนวทางทำให้การจัดวางหิน (Rockwork) ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ที่นี่ใช้หินหลายพันตัน โดยใช้หินภูเขาเป็นหลัก แต่ก็มีหินชั้น หินกาบป่า หินศิลาแรง หินแกรนิต หินปาเต๊ะสีชมพู หินลายเสือ ซึ่งต่างก็มีโทนสี ริ้วลาย และผิวสัมผัสที่ต่างกัน ผมมองว่าหินในสวนทุกก้อนคืองานประติมากรรม ต้องเลือกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม”

หินประดับบางก้อน อาจารย์ไปเลือกเองที่เหมืองเพื่อใช้เป็นจุดไฮไลท์ไว้ถ่ายรูป เปรีบยดังประติมากรรมแต่งสวน
The O‘liday Cafe
ใช้หินชั้นขนาดใหญ่สูงประมาณ 6 เมตร มาวางในแนวตั้งเรียงกัน 3 ก้อน สร้างเป็น “น้ำตกผาสูง” ที่ดูโมเดิร์นมากขึ้น บ่อลึกเพียง 1 เมตร แต่จัดเต็มด้วยหลายระบบ ทั้งน้ำพุ่ง น้ำวน ระบบแอร์เจ็ทสร้างการหมุนเวียนของน้ำเพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับปลาในบ่อ วางท่อระบายน้ำมีวาล์วเปิดปิดเพื่อระบายน้ำที่สูงเกินให้ไหลกลับลงคลองบางกอกน้อย เป็นการรักษาระดับน้ำของน้ำทั้งระบบในสวนรักษาระดับน้ำในบ่อในสวน วางหินทรงยาว 7 ก้อน เรียงเป็นแนวเส้นตรงกึ่งโค้ง เปรียบเหมือนฝูงม้ามัสแตงกำลังวิ่ง

น้ำ : ความสำคัญของสวน

“ความคิดตั้งต้นมาจากที่พื้นที่เดิมเป็นร่องสวน เราจะเก็บน้ำในร่องสวนไว้และทำให้เป็นบ่อขนาดใหญ่ได้อย่างไร เราขุดดินเป็นบ่อลึก 3-4 เมตรครับ ที่ขุดลึกเพื่อให้มีปริมาณน้ำที่มากพอหล่อเลี้ยงต้นไม้ในสวน ดินที่ขุดขึ้นมากว่า 5,000 ลูกบาศก์เมตร นำมาถมปรับพื้นที่ในสวนทั้งหมด ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าดินถมไปได้มาก บ่อน้ำเป็นหัวใจสำคัญของสวนเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้รดดูแลต้นไม้ โดยไม่ต้องใช้น้ำประปา เป็นที่ระเหยน้ำให้ความเย็นในสวน สร้างระบบนิเวศน์ สร้างบรรยากาศ และสร้างความสวยงาม มนุษย์เราเมื่อเห็นน้ำมักจะมีความสุขครับ”

The O‘liday Cafe
ขอบบ่อบางจุดใช้หินกาบป่าเรียงซ้อนกันเป็นชั้นเพิ่มความสวยงาม และแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้ออกแบบ ซึ่งขอบบ่อทั้งหมดในสวนจะถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ หิน หรือก่อปูนแต่งสีและเท็กเจอร์ให้ดูคล้ายดินโดยเทคนิคการปั้นดินเป็นแม่พิมพ์
ระบบ่อกรองแบบง่าย ๆ ที่ใช้วงบ่อซีเมนต์ ด้านในมีวัสดุกรองชนิดต่าง ๆ (หินฟองน้ำ ถ่าน ทรายหยาบ) เรียงซ้อนกันเป็นชั้น เพื่อดึงน้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติ (คลองบางกอกน้อย) ที่อยู่ใกล้เคียงมากรอง ทำให้ระบบน้ำในสวนใสสะอาด เพื่อใช้สำหรับระบบพ่นหมอก และใช้รดน้ำต้นไม้ในสวนทั้ง ขนาดของบ่อกรองต้องคำนวณอย่างละเอียดถูกต้องเพื่อให้เหมาะกับปริมาณน้ำดิบที่ดึงเข้ามากรองและนำไปใช้

The O‘liday Cafe

ที่ตั้ง : the O’LIDAY ซอยบางกรวย-ไทรน้อย 35 จ.นนทบุรี (ซอยวัดแดงประชาราษฎร์)
โทรศัพท์ 09-9629-5365
Facebook : the o’liday
Instagram : the_oliday
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 17:00 น.

เจ้าของ : คุณพุทธิณรงค์ – คุณกัญรัศมิ์ กิตติ์อัครานนท์
ออกแบบ : รศ. ดร.สมจิต โยธะคง
เรื่อง : วชิรพงศ์ หวลบุตตา
ภาพ : อภิรักษ์ สุขสัย