บ้านทรงกล่องรับแสงสว่าง ที่ซ่อนพื้นที่กึ่งภายนอกไว้ภายใน
บ้านทรงกล่องรับแสงสว่าง บนพื้นที่ดินเพียง 40 ตารางวา ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงเปิดรับให้แสงสว่างส่องเข้าถึงพื้นที่ภายในบ้านได้สะดวก โดยซ่อนพื้นที่ส่วนขนาดเล็กไว้ภายใน
Design Directory : สถาปนิก บริษัท our atelier


เมื่อครอบครัวกำลังเติบโตบ้านชั้นเดียว ที่อยู่กับคุณปู่คุณย่าอาจดูคับแคบไปสักหน่อย คุณเหมียว-ปิยธิดาและคุณบอล- พงศกร บุญชะตา จึงตัดสินใจสร้างบ้านใหม่ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเดิมมากนัก เพื่อเพิ่มพื้นที่การอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต และพร้อมให้เจ้าตัวเล็ก พี่พริ้มพราว – น้องพริบพราว ที่อยู่ในวัยกำลังโต ได้มีพื้นที่เล่นซนและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

ตอบโจทย์พื้นที่จำกัดให้ใช้งานได้จริง
บ้านที่เริ่มต้นจากแค่คำว่า “อยากสร้างบ้าน” ของคุณบอล จึงเป็นหน้าที่ของสถาปนิก คุณโบ๊ท – เมธวัจน์ ชัยจะระไพศาล รับหน้าที่ออกแบบจากความว่างเปล่าให้เกิดขึ้นจริง คุณบอล และ คุณเหมียวเล่าถึงไอเดียเริ่มต้น “ขนาดที่ดิน 40 ตารางวา ถึงขนาดจะเล็กกว่าบ้านเดิม แต่ก็ตัดสินใจซื้อเพราะอยู่ใกล้บ้านปู่ย่าในระยะเดินถึง ที่คิดไว้คือต้องมีที่จอดรถ ห้องซักรีด ห้องให้ลูก ๆ ห้องครัว มีที่ปลูกต้นไม้ มีห้องนั่งเล่นแบบดับเบิลฟลอร์ที่เปิดโล่ง แต่พื้นที่ค่อนข้างจำกัด อาจจะต้องสร้างเป็น 3 ชั้น ซึ่งดูแล้วงบประมาณน่าจะบานปลาย” ทางคุณโบ๊ทช่วยเสริม “ตอนแรกก็มีการลองออกแบบให้ดูคร่าว ๆ ก่อนว่าถ้าแบ่งทุกอย่างเป็นห้อง ๆ พื้นที่ไม่น่าจะพอ ถ้าสร้างเป็น 3 ชั้นจะมีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงมากขึ้น อย่างเรื่องของน้ำ เรื่องของดาดฟ้า และยิ่งถ้าเป็นบ้าน 3 ชั้น จะทำให้ความสัมพันธ์ของคนในบ้านยิ่งห่างกันออกไป” ถึงแม้จะมีข้อจำกัดของพื้นที่ แต่ยังคงต้องออกแบบให้มีครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน

การวางพื้นที่ใช้งานซ้อนทับกัน เพื่อประหยัดพื้นที่ และทำให้ใช้งานร่วมกันได้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง “แน่นอนว่าเจ้าของบ้านต่างมีคำถามในใจว่า แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะ ผมจึงทำออปชั่นต่าง ๆ ออกมาให้เห็นภาพได้ชัดเจน ตั้งแต่รูปทรงบ้านในแบบต่าง ๆ มีทั้งแบบเปิดเว้าเป็นตัวยู (U) หรือเปิดโล่งเป็นโอเพ่นแอร์ หรือปิดไปทั้งหมด ทำให้เห็นตั้งแต่ระดับเบสิก ไปถึงระดับเอ็กซ์ตรีมสุด ๆ เป็นการทำการบ้านให้ครบทุกความเป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น ที่จอดรถของบ้านนี้ถ้าจอดฝั่งนี้เข้าจอดยากไหม ถ้าจอดอีกฝั่ง มันจะมีปัญหาตอนเลี้ยวไหม คือพยายามหาคำตอบมาให้ เพื่อตัดตัวเลือกอื่น ๆ ทิ้งไปได้อย่างสบายใจ”

เมื่อมองจากภายนอกจะเห็น บ้านทรงกล่องรับแสงสว่าง ดูแปลกตาและให้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่พอเข้ามาในบ้านกลับให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง เชื่อมต่อ และมองเห็นถึงกันได้ทั่วทั้งบ้าน พื้นที่กึ่งเอาต์ดอร์เป็นลานกลางบ้าน พร้อมสวนขนาดเล็กเปิดโล่งขึ้นไปแบบดับเบิลสเปซ มีผนังฟาซาดโปร่งแสงสูงตั้งแต่พื้นจรดหลังคา เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ อีกฝั่งของชั้นล่าง จัดวางผังแบบโอเพ่นแปลน เป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และครัว ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์รวมของทุกคนในบ้าน
“ถึงจะออกแบบให้มีห้องของเล่นแต่เอาเข้าจริงลูก ๆ ก็อยากมาเล่น มาอยู่ใกล้ ๆ กับเรามากกว่า ก็จะมากอง ๆ รวมกันอยู่ในห้องนี้ หรือเวลาที่เขาจะเล่นอะไรที่มันเลอะเทอะ อย่างเล่นระบายสี ทำปูนพลาส เตอร์ ก็เล่นตรงลานกลางบ้านเราก็ยังมองเห็น ถ้าเลอะก็ล้างทำความสะอาดได้สบาย”

แสงธรรมชาติที่ไม่มีอะไรมาแทนได้
จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือฟาซาดโปร่งแสงที่สร้างความแตกต่างตั้งแต่แรกเห็น ด้วยตำแหน่งของบ้านที่ตั้งอยู่หัวมุมถนน เหลือเพียงฝั่งทิศตะวันตกเท่านั้น ที่เหมาะกับการเปิดมุมมองโดยไม่มีอะไรมาบดบัง และที่สำคัญคือการเปิดรับแสงตามธรรมชาติที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้
“คุยกับเจ้าของบ้านตั้งแต่แรกว่า ถ้าเปิดรับแสงฝั่งนี้จะร้อนแน่นอนเพราะรับแดดตลอดบ่าย แต่เราก็ไม่สามารถเอาฟังก์ชันอื่นมาวางแทนได้ ลองปรับออปชั่นไว้หลายแบบ เช่น ทำเป็นผนังบล๊อกแก้ว หรือทำสกรีนอีกชั้นข้างนอก แต่จะไม่ทำกำแพงทึบเด็ดขาด เพราะผนังจะอมความร้อน และคายความร้อนออกมาตลอดทั้งคืน และพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่คล้ายกับบ้านทาวน์โฮม ที่มีแสงเข้าได้จากหน้าบ้านและหลังบ้านเท่านั้น คงเป็นความรู้สึก ‘หวงแสง’ ที่อยากให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ มาจบที่ผนังพอลิคาร์บอเนตสีชา ที่ช่วยกรองแสงในช่วงบ่ายถึงเย็น และเปิดประตู-หน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ พอจบวันแดดหมด ความร้อนก็ระบายออกไปหมดพร้อมกัน”


ภายในบ้านเลือกใช้โทนสีน้ำตาลเป็นหลัก ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย เข้ากับเส้นสายที่เรียบง่ายตรงไปตรงมา บันไดทอดยาวขึ้นไปถึงชานพักชั้น 2 ที่ออกแบบให้เป็นมุมพักผ่อนอีกมุมของบ้าน เปิดประตูให้ลมจากทางทิศใต้พัดผ่าน เป็นอีกหนึ่งมุมโปรดของทุกคนในบ้าน ที่มักแวะเวียนมานั่งเล่นรับลมกันที่มุมนี้เป็นประจำ
“ตอนแรกบันไดวางอยู่อีกฝั่ง แต่มันทำให้เสียพื้นที่ในบ้านไป ตอนที่คุณโบ๊ทเปลี่ยนตำแหน่งให้บันไดมาอยู่ข้างนอก รู้สึกแปลกใหม่มาก แต่มาคิดดูแล้วพอบันไดมาอยู่ตรงนี้ ทำให้สเปซลงตัวมากขึ้น พื้นที่ส่วนกลางใหญ่ขึ้น ไม่ต้องเดินผ่านห้องอื่น ๆ เพื่อจะขึ้นบันได แต่ยังมองเห็นกันมีปฎิสัมพันธ์กันได้เหมือนเดิม และเมื่อขึ้นบันไดไปเจอชานพักที่ขยายให้ใหญ่ขึ้นก็ได้ใช้พื้นที่นี้บ่อยขึ้น เวลาปู่ย่ายายมาหาก็ชอบมานั่งตรงนี้ บางทีผมมานั่งทำงานบ้าง หรือเวลาเพื่อนแวะมาหาก็มาปาร์ตี้กันตรงนี้”


ถึงคุณเหมียว และคุณบอลจะบอกว่าไม่เคยคิดจะสร้างบ้านมาก่อน และไม่ได้มีไอเดียในใจว่า บ้านจะออกมาหน้าตาเป็นแบบไหน แต่พอบ้านเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ต้องบอกว่าภูมิใจอยู่ไม่น้อย “ตอนเห็นที่ดินเปล่า ๆ ตอนแรกก็รู้สึกว่าค่อนข้างเล็ก แต่พอสร้างเสร็จกลับดูใหญ่กว่าที่คิด ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้อยู่ในบ้านสวยแบบนี้” คุณบอลพูดถึงบ้านหลังนี้
ส่วนคุณเหมียวก็ปิดท้ายว่า “บ้านคือที่พักผ่อนสำหรับเรา เพื่อน ๆ ชอบมาหาบอกว่าบ้านเราให้ความรู้สึกเหมือนคาเฟ่ ทุกมุมของบ้านได้ใช้ประโยชน์พอเหมาะพอดีกับที่เราอยากได้ พอบ้านเสร็จเรียบร้อย เราก็กลายเป็นคนติดบ้าน ลูก ๆ ก็ไม่เคยเรียกร้องอยากไปไหน มีแต่อยากกลับบ้าน เพราะบ้านคือที่ที่เราอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุด”






เจ้าของ : ครอบครัวบุญชะตา
ออกแบบ : our atelier โดยคุณเมธวัจน์ ชัยจิระไพศาล
เรื่อง : jOhe
ภาพ : จิรายุ รัตนวงษ์
บ้านเหล็กหลังเล็ก อยู่สบายสำหรับสมาชิกสามคนและแมวเจ็ดตัว
บ้านทรงกล่อง ที่ยื่นผนังและปาดเอียงฝ้า เพื่อให้ได้มุมมองที่ดีที่สุด
บ้านเหล็กทรงกล่อง ที่ปิดเปลือกนอกแล้วเปิดรับแสงธรรมชาติไว้ภายในบ้าน