บ้านล้อมสวน เนรมิตบ้านในเมืองอันทึบตันสู่พื้นที่หายใจได้ท่ามกลางธรรมชาติ
รีโนเวตบ้านเดี่ยวหลังเก่าอันแออัด โดยเติมความปรุโปร่งผ่านการใช้พื้นที่สีเขียวแทรกตัววางสลับไปกับตัวบ้านสู่ บ้านล้อมสวนในเมือง ที่มีความเป็นส่วนตัว และสอดคล้องกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย
Design Directory : ออกแบบสถาปัตยกรรม – ออกแบบตกแต่งภายใน: ativich/studio


ท่ามกลางบริบทของบ้านเดี่ยวในเมืองที่มองหาพื้นที่สีเขียวได้น้อยนิด คุณปู-สกุลทิพย์ จรรยารักษ์สกุล ในวัยเกษียณจึงต้องการรีโนเวตบ้านเดี่ยวหลังเก่าสู่บ้านหลังใหม่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งขึ้น และยังสอดคล้องกับวิถีชีวิตคนเมือง ด้วยต้องการหลบหลีกจากความวุ่นวายภายนอก บ้านหลังนี้จึงให้ น้ำหนักกับเรื่องความเป็นส่วนตัว ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของคนในบ้านที่ต่างมีมุมส่วนตัวของตนเอง แต่ยังคงมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน เกิดเป็นโจทย์หลักให้ทางสถาปนิกออกแบบทุกพื้นที่ในบ้านให้เชื่อม ต่อถึงกัน และทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องออกจากบ้านเลยแม้แต่น้อย ความท้าทายดังกล่าวนี้ได้สถาปนิกจาก Ativich/studio โดย คุณวิชญ์-อติวิชญ์ กุลงามเนตร มารับหน้าที่ออกแบบจึงตั้งต้นด้วยการพลิกแพลงผังบ้านใหม่ให้เกิดการเชื่อมต่อ ไร้จุดบอดของบ้าน ไร้รอยต่อของอาคาร ซึ่งบ้านหลังเดิมที่วางผังแยกเรือนจึงไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
สู่การออกแบบผังใหม่ที่มอบความปรุโปร่งให้พื้นที่ในบ้าน
ด้วยผังบ้านเดิมแยกออกเป็นสองหลังอย่างชัดเจน และแต่ละพื้นที่ล้วนปิดกั้นด้วยผนัง ทำให้ทึบตัน ทั้งยังขาดการเชื่อมต่อระหว่างห้อง สถาปนิกจึงเนรมิตบ้านหลังใหม่ให้กลายเป็นบ้านที่หายใจได้ โดยคง กรอบและโครงสร้างไว้ แต่เติมความปรุโปร่งเข้าไปยังพื้นที่ใช้สอยผ่านการจัดระบบผังใหม่ ทลายความทึบของผนังระหว่างอาคารทั้งสองหลังที่ติดกันออก และเปิดพื้นที่ชั้นล่างเป็นโอเพ่นแปลน เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างห้อง พร้อมบรรจุฟังก์ชันอย่างเคาน์เตอร์แพนทรี่ โต๊ะรับประทานอาหาร มุมนั่งทำงาน ห้องรับแขก ทำให้การเข้าถึงพื้นที่สีเขียว แสงธรรมชาติ รวมไปถึงคุณภาพชีวิตที่เกิดขึ้นใน แต่ละมุมห้อง

ภายในบ้านเป็นมุมทำงาน และพื้นที่ชั้นลอยสำหรับนั่งอ่านหนังสือ



รอยต่อระดับฝ้าที่แตกต่างกันคือส่วนผนังทึบของบ้านเดิมที่แบ่งแยกตัวบ้านออกเป็นสองหลัง
พื้นที่ในบ้านจัดวางตัวใหม่ในแกนแนวนอนโดยมีบันไดเดิมซึ่งอยู่กลางบ้าน ทำหน้าที่เป็น จุดเปลี่ยนผ่านไปยังมุมต่างๆ ภายในบ้าน ข้อดีของการออกแบบผังในแนวนอนคือการรวบทางเข้าบ้าน และโรงจอดรถเข้าไว้ด้วยกัน สร้างความคุ้นเคยใหม่ของการใช้พื้นที่ที่ปกติโรงรถจะเป็นพื้นที่นอกสายตา แต่สถาปนิกนำมาออกแบบร่วมกัน ทั้งยังมีพื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือให้สวนแทรกอยู่กับตัวบ้านอีกด้วย

ที่่เปิดมุมมองไปยังต้นเหลืองปรีดียาธร ต้นไม้แรกพบเมื่อเข้ามาในบ้าน
“เราออกแบบให้พื้นที่ในบ้านแบ่งออกเป็นมุมๆ คล้ายพ็อกเก็ตสลับไปกับพื้นที่สวน จึงเกิดเป็น จังหวะเข้าถึงตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาภายในบ้านตามลำดับ โดยแต่ละมุมมีความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงสามารถ มองเห็นกันได้”
บริเวณมุมทำงานคือส่วนของบ้านหลังเก่าที่มีฝ้าเพดานค่อนข้างเตี้ย สถาปนิกจึงออกแบบโดย ปรับระดับความสูงของฝ้าใหม่ ให้กลายเป็นพื้นที่ดับเบิลสเปซ นอกจากจะปลอดโปร่งเต็มที่แล้ว ยังเกิด พื้นที่นั่งอ่านหนังสือในบริเวณชั้นลอย โดยได้แรงบันดาลใจมาจากอพาร์ตเมนต์แบบนิวยอร์กที่มีมุมมอง ดีจนสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งบ้าน
ไม่เพียงแต่สร้างความเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่เท่านั้น การเลือกวัสดุก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้าง ความโปร่งให้บ้านหลังนี้ สถาปนิกเลือกใช้กระจกใสเต็มบานความสูงเกือบ 6 เมตรยาวตลอดแนวผนัง และเปิดมุมมองไปทางฝั่งหน้าบ้านเพียงฝั่งเดียว มุมมองดังกล่าวจึงเกิดเป็นฉากของพื้นที่สีเขียวที่ใช้วิธี แทรกสลับไปกับการวางผังบ้านในแนวนอนดังที่กล่าวไป ส่งผลให้ในแต่ละฟังก์ชันได้รับมุมมองจากต้นไม้ ทั้งเล็กและใหญ่ตลอดเส้นทางการเดินภายในบ้าน ผนังกระจกสูงเซ็ตออกไปจากแนวเสาเดิม เพื่อเพิ่มพื้นที่ ใช้สอยให้ดูกว้าง ทั้งการมีเสาลอยเรียงรายอยู่ช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งเบายิ่งขึ้นอีกด้วย

เลือกใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ ลอยตัวสไตล์นิวยอร์กที่เน้นความเรียบง่ายและโทนสีเข้ม


และยังได้วิวสวนภายนอกผ่าน บานกระจกขนาดใหญ่ที่ตั้งใจให้เป็นเหมือนเฟรมภาพคล้ายกรอบรูปชิ้นหนึ่ง


ด้านข้างเป็นบานกระจกเปิดรับบรรยากาศ ของสวนกลางบ้านที่แทรกตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ด้านใน

เปรียบการแทรกตัวของพื้นที่สีเขียวคล้ายกับการจัดวางพื้นที่ว่างในงานศิลปะ
บ้านหลังนี้เลือกเก็บต้นไม้เดิมอย่างลั่นทมเอาไว้ จึงเป็นประติมากรรมท่ามกลางพื้นที่สีเขียว สวนรอบบ้านออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ดูแลรักษาง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง จึงเป็นสวนหิน แทนหญ้าและเลือกพรรณไม้ที่ไม่ต้องตัดแต่งใบจนคม แต่เน้นเป็นไม้ใบฟูๆ แลดูเป็นธรรมชาติอย่าง เล็บครุฑใบจาน สนหอม สนใบพาย ไอริส และสาลิกา โดยไล่ระดับจากขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ทำให้พื้นที่ มีมิติคล้ายกับการจัดวางชิ้นงานศิลปะ

“เมื่อเข้ามายังภายในบริเวณบ้านจะพบว่าความเพลินเพลินอย่างหนึ่งคือการได้ชื่นชมร่มเงาของ ต้นไม้ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา” คุณปู เจ้าของบ้านกล่าวถึงความชื่นชอบมุมโปรดในบ้านที่เธอมัก มานั่งเล่นบริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร นั่นเพราะการจัดวางผังแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาไว้กลางบ้านโดย ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่โต แต่กลับสร้างบรรยากาศให้การอยู่อาศัยรื่นรมย์ยิ่งขึ้น


“เรานำสวนแทรกมาไว้กลางบ้าน คั่นสลับกันไปกับพื้นที่ใช้สอยในแนวยาว เพื่อสร้างจังหวะของ พื้นที่สีเขียวให้เบลนด์เข้ากับตัวบ้านได้อย่างกลมกลืน”
การวางจังหวะดังกล่าวก่อเกิดเป็นคอร์ตต้นไม้สองคอร์ตบริเวณหน้าบ้านและกลางบ้าน ซึ่งอยู่ ระหว่างห้องรับแขกกับพื้นที่ส่วนกลางที่สมาชิกในครอบครัวมาใช้ชีวิตมากที่สุด การมีสวนอยู่บริเวณหน้า บ้านช่วยร่นระยะตัวบ้านจากถนนเข้ามา ลดการปะทะกับบริบทภายนอก และมีความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น ทั้งสร้างความรู้สึกปิดล้อมจากภายนอกด้วยการออกแบบให้พื้นที่สวนโอบล้อมด้วยกำแพงรั้วทึบ ทำหน้าที่ คล้ายผนังบ้านที่ซุกซ่อนความปลอดโปร่งไว้ด้านใน ราวกับว่าพื้นที่ในบ้านนั้นหมายรวมถึงสวนและฟังก์ชัน ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เกิดเป็นพื้นที่แบบกึ่งเอาต์ดอร์ โดยออกแบบให้รั้วบ้านแอบโปร่งเพียงบางส่วน เพื่อให้ ยอดของต้นไม้แทรกตัวออกไปทักทายภายนอก สร้างกิมมิกเล็กน้อยอันสัมพันธ์กับบริบทภายนอก


บ้านล้อมสวน หรือสวนล้อมบ้าน พื้นที่สีเขียวหลากมุมมองอันช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี
สวนถาดขนาดใหญ่หรือสวนที่แทรกอยู่ระหว่างห้องรับแขกกับพื้นที่โอเพ่นแปลน เป็นสวนญี่ปุ่น ในร่ม เนื่องจากอยู่ภายใต้ชายคาพื้นชั้น 2 ซึ่งเป็นกรอบอาคารของบ้านเดิม และด้วยมองเห็นได้จากในบ้าน ภูมิสถาปนิกจึงตั้งใจออกแบบให้เป็นสวนโชว์โดยล้อมอยู่ในกรอบเพลตเหล็กที่หุ่มด้วยเมมเบรนกันน้ำรั่วซึม อีกชั้นหนึ่ง และซ่อนไฟล้อมรอบเอาไว้โชว์ความสวยงามในยามค่ำคืน เมื่อเป็นพื้นที่ได้รับแสงแดดน้อย สวนถาดนี้จึงออกมาในรูปแบบเทอร์เรน(Terrane) ประกอบด้วยหินกรวด และเน้นพืชในร่มมาจัดวาง ไล่ระดับอย่างปรงญี่ปุ่น สับปะรดสี พร้อมเสริมไฟบนฝ้า เพื่อให้ต้นไม้ได้รับความสว่างเพียงพอที่จะ สังเคราะห์แสงอีกด้วย

ฝ้าเพดานติดตั้งแผ่นบารีซอล (Barrisol) ตลอดแนวเพื่อเพิ่มแสงให้ต้นไม้
นอกจากนี้การมีสวนแทรกยังสร้างประสบการณ์รับรู้บริเวณห้องรับแขก หรือพื้นที่ส่วนต้อนรับ ของบ้าน ให้กลายเป็นพาวิเลียนท่ามกลางธรรมชาติ เนื่องจากการวางฟังก์ชันอ้างอิงจากตำแหน่งต้นไม้เดิม และเป็นพื้นที่ที่เปิดมุมมองสู่ภายนอก เพื่อชื่นชมความงามของสวนดั่งภาพวาด (Picturesque) โดยกำหนด มุมไปยังเรือนเพาะชำอันรายล้อมด้วยพุ่มไม้นานาชนิดที่ออกแบบไว้สำหรับปลูกผักสไตล์คนเมือง เนื่องจาก เจ้าของบ้านเป็นคนรักสุขภาพและปลูกผักเป็นงานอดิเรก การได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติดังกล่าวจึงช่วย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดเป็นพื้นที่สวนล้อมบ้าน หรือมองในอีกนัยหนึ่งคือตัวบ้านต่างหากที่ล้อมสวน เอาไว้ ก่อเกิดเป็นพื้นที่สีเขียวที่เบลนด์เข้ากับชีวิตอย่างพอดิบพอดี และสอดคล้องกับวิถีอยู่อาศัยของทุกคน ในครอบครัวกว่าที่เคย



และหน้าต่างเป็นบานกระทุ้ง สำหรับเปิดให้ลมไหลเวียนเข้ามาในพื้นที่ได้เมื่อต้องการ


Designer’s Tips

สถาปนิก จาก ativich/studio
“บ้านรีโนเวตมีข้อจำกัดเรื่องกรอบอาคารและโครงสร้าง การออกแบบพื้นที่สีเขียวจึงต้องคำนึงถึง รูปแบบที่เหมาะสมมากกว่าจงใจเป็นคอร์ตขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะการสร้างพื้นที่สีเขียวสามารถ ทำได้หลายวิธี ทั้งสวนในแนวตั้ง สวนหน้ากว้าง หน้าแคบ สวนไม้กระถาง แม้กระทั่งฟาซาดต้นไม้ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละพื้นที่มากน้อยเพียงใด บางสวนทำหน้าที่สร้างความสวยงาม มองแล้วรื่นรมย์ บางสวนเน้นกรองอากาศ บังแดด ปรับทิศทางลม เราเพียงต้องเลือกให้เหมาะสมกับ พื้นที่ในบ้านและเข้ากับการใช้งาน”
เจ้าของ : คุณธีระพงษ์ วชิรพงษ์ และคุณสกุลทิพย์ จรรยารักษ์สกุล
ออกแบบสถาปัตยกรรม – ออกแบบตกแต่งภายใน : ativich/studio
ออกแบบสวน : 8.18 studio
เรื่อง : Nantagan
ภาพ: นันทิยา บุษบงค์
ผู้ช่วยช่างภาพ : สุรเชษฐ์ แปรกิ่ง