แบบบ้านโมเดิร์น ริมน้ำ ที่สวยงามดั่งไร้กาลเวลา

แบบ บ้านโมเดิร์น ริมน้ำ ที่สวยด้วยสเปซและโครงสร้าง เรียบหรูอยู่สบายยิ่งกว่าโรงแรม ประดับงานศิลปะที่เห็นแล้วต้อง Wow!

“Timeless” เป็นมุมมองความงามที่เจ้าของอยากให้บ้านเป็นสถาปัตยกรรมที่คงคุณค่า ไม่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และเป็นโจทย์สำคัญให้สถาปนิกแห่ง Normal Practice โดย คุณรัฐภรณ์ สุชาตานนท์ คุณอานันท์ พิธกิจ คุณณัฐวุฒิ ไม้สังข์ และ คุณเสริมศักดิ์ ยินดีเวท นำไปตีความด้วยภาษาสถาปัตยกรรม ให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เจ้าของบ้านเปลี่ยนจากการอยู่คอนโดมิเนียมมาอยู่บ้านแนวราบ จึงเน้นความเป็นส่วนตัวและทำกิจกรรมได้หลากหลายที่เหมาะสำหรับกับวิถีชีวิตในเมือง ให้ความรู้สึกเสมือนการพักในโรงแรมที่เปลี่ยนทุกวันให้เป็นวันพักผ่อน แบบบ้านโมเดิร์นริมน้ำ

ทางเข้าบ้านเหมือนเป็นการเจาะช่องทะลุมวลหินก้อนใหญ่ ทำประตูไม้ระแนงบานหมุน 3 บานช่วยปิดพรางสายตาได้ แล้วยังช่วยลดความกว้างของสเปซให้พอดีกับสัดส่วนคน เปลี่ยนความรูสึกจากพื้นที่โล่งเข้ามาสู่สเปซภายในบ้าน

ออกแบบรูปทรงอาคารชั้นบนเสมือนเสียบเข้ามาในอาคารสองชั้นที่เป็นผนังกระจกผืนใหญ่ ซึ่งคลุมด้วยหลังคาคอนกรีตยื่นออกมาเป็นขอบบางๆ เสารับหลังคาได้แรงบันดาลใจมาจาก Star Column ของ Mies van der Rohe ที่ออกแบบใน Barcelona Pavilion ทำให้เสามีมิติบางกว่าปกติ แต่ยังรับน้ำหนักได้ดี

ดีไซน์ที่สมดุลและขัดแย้ง

ความสมดุลและความขัดแย้งที่แฝงอยู่ในรูปทรง สเปซ และองค์ประกอบ ทั้งกลมกลืนและแตกต่างเพื่อส่งเสริมกันให้ลงตัวและโดดเด่น แปรเปลี่ยนเป็นความงามของอาคารที่ออกแบบเป็น 2 แกนให้มีทั้งคู่ขนานและตัดกัน ด้วยรูปทรงกล่องมีเหลี่ยมคมชัดเจนหนักแน่น แต่ดีไซน์วางพาดซ้อนกันและยื่นยาวไร้เสาดุจดังลอยอยู่กลางอากาศ เป็นภาพประทับใจของบ้านสไตล์โมเดิร์น 2 ชั้น ริมโค้งน้ำ บนที่ดิน 2 ไร่ครึ่ง ในโครงการจัดสรรย่านพัฒนาการ ซึ่งเจ้าของมาซื้อที่ดินและรื้อบ้านเดิมออก เพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นบ้านอยู่สบายที่รองรับการใช้ชีวิตในทุกมิติ แบบบ้านโมเดิร์นริมน้ำ

เรื่องน่าสนใจ : บ้านไทยโมเดิร์นชั้นเดียว

Grand / Luxury / Timeless

บ้าน 2 ชั้น มีชั้นดาดฟ้า พื้นที่ใช้สอยร่วม 2,900 ตารางเมตร ออกแบบจาก 3 แนวคิดหลัก คือ Grand, Luxury และ Timeless ที่เจ้าของบ้านให้โจทย์ไว้ สถาปนิกจึงเน้นความสวยด้วยโครงสร้างและสเปซที่งดงามในตัวเอง สื่อด้วยภาษาสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายอย่างไร้กาลเวลาไม่มีตกยุค ตอบโจทย์ความแกรนด์ด้วยการใช้สัดส่วนขนาดใหญ่ จึงเน้นการทำโถงโล่งที่ฝ้าเพดานสูง อีกทั้งเจ้าของบ้านเป็นผู้ที่ให้คุณค่ากับความงามที่แฝงอยู่ในวัสดุอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะลวดลายและผิวสัมผัสของหิน สถาปนิกจึงแสดงความลักชัวรี่ผ่านหินธรรมชาติและไม้จริง ที่เป็นวัสดุหลักของบ้านให้แสดงความงามของวัสดุในสเปซที่สวยงาม

เปิดมุมมองห้องน้ำให้เห็นวิวได้ แต่ก็เป็นส่วนตัวได้ด้วยกระจกฝ้าไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าในแผ่นกระจก ทำให้เปลี่ยนกระจกใสเป็นกระจกฝ้าได้ทันที

แบ่งพื้นที่ Gentleman Room ด้วยประตูบานเฟี้ยมกระจกที่เปิดต่อเนื่องกับโถงบันไดได้ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องนี้จะให้ความรู้สึกเข้มขรึมที่ต่างกับส่วนอื่นๆของบ้านแบบสุดขั้ว

“Gentleman Room” เป็นชื่อที่สถาปนิกเรียกห้องนี้ ซึ่งเจ้าของบ้านอยากให้มีพื้นที่รับรอบแขกที่สนิทสนมในบรรยากาศขรึมๆแบบคลับสุภาพบุรุษสไตล์ซิการ์บาร์ ให้อารมณ์แตกต่างจากห้องอื่น โดยเลือกใช้ไม้ “รกฟ้า” ที่มีลายไม้ชัดโทนสีเข้ม และทำช่องเปิดให้มองไปเห็นโรงรถและภาพศิลปะเป็นฉากหลัง

ห้องแฟมิลี่เป็นโถงกระจกสูง 9 เมตร ออกแบบผนังระแนงอะลูมิเนียมสีดำต่อเนื่องจากฟาซาดภายนอกเข้าสู่ภายในห้อง มีบันไดเวียนเสมือนเป็นประติมากรรมขึ้นตรงไปยังห้องนอนใหญ่ พื้นและผนังโชว์ลวดลายหินซึ่งเกิดจากวิธีการต่อลายหินที่เรียกว่า Book-match โดยนำหินที่ตัดเป็นแผ่นติดกันจากก้อนเดียวกัน มาจัดเรียงแบบ Mirror effect ทำให้เกิดเป็นลายผีเสื้อและลายเพชร

การออกแบบบ้านขนาดใหญ่

บ้านที่มีขนาดใหญ่มักมาพร้อมกับฟังก์ชันจำนวนมากและหลายหลาย สถาปนิกจึงให้ความสำคัญกับ 3 เรื่อง คือ การวางโซนของพื้นที่ใช้สอย การออกแบบโถง และสัดส่วนคนที่สัมพันธ์กับสเปซ โดยออกแบบให้โซนขอบที่ดินซึ่งอยู่ติดกับที่ดินข้างเคียงให้เป็นส่วนเซอร์วิส โซนที่เข้าถึงง่ายจากด้านหน้าบ้านออกแบบให้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรม และโซนตรงกลางพื้นที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว โดยใช้ห้องโถงช่วยกระจายและสร้างลำดับการเข้าถึงแต่ละฟังก์ชัน

ด้วยความต่างของสัดส่วนคนกับสเปซขนาดใหญ่ จึงออกแบบให้มีการลดทอนสเกลจากอาคารมาสู่สัดส่วนคน เช่น ในห้องนั่งเล่นที่ฝ้าเพดานสูง 9 เมตร มีการออกแบบแผงผนังหินเพื่อเป็นกรอบในการวางของใช้ต่างๆซึ่งเป็นสัดส่วนคน ให้ดูเป็นกลุ่มก้อน ไม่จมหายไปในสเปซกว้างๆ ในทางกลับกันก็มีการขยายองค์ประกอบอาคารที่เป็นสัดส่วนคนให้ใหญ่ขึ้นเข้ากับสเปซของบ้าน เช่น บันไดทางเข้าหน้าบ้านที่ทำยาวกว่าปกติให้ล้อไปตามขนาดอาคาร และการทำกรอบประตูให้ใหญ่กว่าปกติเพื่อให้สมดุลกับขนาดห้องกว้างและฝ้าเพดานสูง

โถงบันไดเป็นพื้นที่เชื่อมไปยังห้องต่างๆ ทำให้ถูกปิดล้อมโดยรอบ จึงเปิดรับแสงธรรมชาติทางสกายไลต์ให้แสงสว่างกระจายไปทั่วพื้นที่

เมื่อขึ้นบันไดจะพบห้องพระ ซึ่งกั้นสัดส่วนด้วยประตูไม้ระแนงที่ช่วยพรางตาแต่ไม่ปิดทึบ ทำช่องแสงสกายไลต์ตลอดแนวผนัง ให้แสงส่องลงมาสร้างมิติและแสงเงาที่สวยงาม

วางเตียงนอนไว้กลางห้อง โดยทำแท่นหินหัวเตียงให้บังด้านหลังที่เป็นที่นั่งและชั้นวางของ กรุผนังหินผืนใหญ่ลายสวยเสมือนเป็นภาพศิลปะ

บ้านล้อมคอร์ตที่อยู่สบาย

เมื่อมองจากหน้าบ้านจะเห็นตัวอาคารทรงสี่เหลี่ยมทึบตันซ้อนกันสองก้อน มีกำแพงหินดีไซน์เจาะช่องให้แสงลอดผ่านได้นำสายตาไปสู่ช่องทางเข้าที่เสมือนลอดผ่านถ้ำ เปลี่ยนผ่านความรู้สึกจากพื้นที่ภายนอกเข้าสู่คอร์ตกลางบ้าน ซึ่งเปิดโล่งให้ต่อเนื่องจากด้านที่ติดคลองเพื่อรับลมและมุมมอง ในการออกแบบคอร์ตที่มีลักษณะกึ่งปิดล้อมรูปตัวยู (U) ซึ่งถ้าล้อมรอบด้วยอาคารสองชั้นทั้งหมดจะรู้สึกอึดอัดและทึบตันเกินไป สถาปนิกจึงออกแบบชั้นล่างเป็นอาคารขนานกัน ออกแบบด้านปลายคอร์ตที่ปิดล้อมให้เป็นระแนงไม้กึ่งโปร่งและผนังน้ำตก ส่วนชั้นสองทำเป็นอาคารรูปตัวแอล (L) วางซ้อนกับชั้นล่าง เพื่อให้อาคารด้านหลังเป็นสองชั้นที่เป็นฉากหลังให้ตัวบ้าน และอาคารด้านหน้าเป็นชั้นเดียวให้เปิดรับกับทางเข้า จึงเกิดสเปซคอร์ตที่สัมพันธ์กับสเปซบ้าน ทำให้อยู่สบาย

ความงามที่ติดตรึงอยู่กับสเปซ คือ ความงามในตัวเองที่ไม่เสื่อมคลายตามกาลเวลา ในสเปซมีแสงและเงาพาดผ่านทำให้สัมผัสถึงเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง รับรู้ถึงมวลอากาศบางเบาที่คงอยู่และไหลเวียน ผสานกันเป็นภาพความทรงจำที่งดงาม และสร้างความสุขไม่รู้จบ