สร้างคอนเซ็ปต์สวนอย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินคำว่า “คอนเซ็ปต์สวน” หรือ“แนวคิดการออกแบบ” จนหลายคนอาจสงสัยว่า แนวคิดหรือคอนเซ็ปต์สวนเหล่านี้มีที่มาจากไหน?? คำตอบก็คือ… ได้มาจาก 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจากการรวบรวมข้อมูลด้านสภาพพื้นที่และความต้องการของเจ้าของกับสมาชิกในบ้าน และส่วนที่สองเป็นแนวคิดและแรงบันดาลใจจากประสบการณ์เดิมของนักจัดสวนเอง นำมาผสมผสานกันให้เกิดคอนเซ็ปต์ที่ลงตัว เกิดประโยชน์คุ้มค่าแก่เจ้าของและสมาชิกในบ้านมากที่สุด
การกำหนดแนวคิดของสวน
ในการรับงานเพื่อออกแบบจัดสวนแต่ละครั้ง ผู้ออกแบบต้องพูดคุยกับเจ้าของบ้านก่อน ขั้นตอนนี้เหมือนกับการทำความรู้จัก ทำความเข้าใจถึงการทำงานของทั้งสองฝ่าย ปรึกษาหรือหาตอบคำถามในสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องการ ทั้งในเรื่องของรูปแบบสวน วัสดุ พืชพรรณ งบประมาณเบื้องต้น ตลอดจนระยะเวลาการทำงานในแต่ละขั้นตอน
นอกจากนี้ ผู้ออกแบบต้องวางแผนร่วมกันกับเจ้าของงานในการให้ได้มาซึ่งข้อมูลพื้นฐาน สำหรับใช้เป็นแนวทางการออกแบบ และเพื่อให้ได้แนวความคิดของสวนที่ชัดเจน ถูกต้อง ดังนี้
1.การวิเคราะห์พื้นที่ เป็นการสำรวจพื้นที่จัดสวนเพื่อให้ได้รายละเอียดด้านต่างๆ แล้วเก็บเป็นข้อมูล ซึ่งต้องใช้เวลาในการสำรวจ วิเคราะห์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบจัดสวนมากที่สุด
หัวข้อสำรวจและวิเคราะห์
- ตำแหน่งพื้นที่ รูปร่างพื้นที่ พื้นที่ข้างเคียง ทิศ ขนาดกว้างยาวของพื้นที่ และพื้นที่ที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องที่อาจส่งผลต่อการออกแบบจัดสวน
- สิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ เช่น บ้าน ศาลา ถนน ทางเดิน ฯลฯ ควรบอกรายละเอียดของส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ เช่น ลักษณะอาคาร ขนาดและความสูงของอาคาร ร่มเงาของอาคารต่อพื้นที่จัดสวน ตำแหน่งทางเข้า ประตู หน้าต่าง ความสูงของหน้าต่าง ลักษณะการเปิด-ปิด ตำแหน่งห้องของบ้านและการใช้งาน ระดับชายคา ปลายรางน้ำจากหลังคา หน้าต่างห้องใต้ดิน รั้ว ถนน โรงรถ มุมมองจากภายในบ้านออกมา และจากภายนอกบ้านเข้าไป ฯลฯ
- ระบบสุขาภิบาล เช่น ตำแหน่งท่อประปา ท่อระบายน้ำ สายไฟฟ้า บ่อบำบัด ตำแหน่งและขนาดคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ โคมไฟข้างบ้าน เสาไฟฟ้า หรือระบบสุขาภิบาลอื่นๆ ที่มีผลต่อการออกแบบ บันทึกข้อมูลโดยการสอบถาม ตรวจสอบสภาพการใช้งาน วาดตำแหน่งบอกระยะและขนาดให้ชัดเจน
- พืชพรรณเดิม ระบุชื่อชนิด ขนาด ตำแหน่ง ระยะปลูก คงไว้หรือขุดออกหรือย้ายตำแหน่งใหม่ มีคุณค่าหรือผลเสียต่อการจัดสวนครั้งนี้หรือไม่
- แสงแดด,ลม ทิศทางดวงอาทิตย์ขึ้น ทางโคจร ระยะเวลารับแสงมากหรือน้อยของบางพื้นที่ พื้นที่อับแสง ทิศทางลม ฝุ่น เสียงรบกวน
- สภาพดินและน้ำ หาข้อมูลลักษณะดิน ความสมบูรณ์ของดิน ดินเดิมหรือถมใหม่ ต้องเพิ่มดินหรือตัดดินเดิมออก แหล่งน้ำและคุณภาพน้ำสำหรับงานดูแลสวน การระบายน้ำบนผิวดิน ตำแหน่งน้ำท่วมขัง ลักษณะและชนิดของวัชพืช ความยากง่ายในการกำจัด
- มุมมองและทัศนียภาพโดยรวม สำรวจว่ามุมไหนเป็นมุมมองที่ดี มุมไม่ดีต้องปิดกั้น มุมมองจากห้องที่ใช้บ่อยที่สุด ปัญหาพื้นที่ข้างเคียงกับเพื่อนบ้าน
- ประเมินการใช้สอยพื้นที่เบื้องต้น เช่น
พื้นที่ส่วนสาธารณะ มักเป็นพื้นที่หน้าบ้าน ซึ่งเมื่อเข้าบ้านมาจะเห็นพื้นที่นี้เป็นพื้นที่แรก จึงมองเห็นได้จากผู้มาเยี่ยม
พื้นที่ส่วนครอบครัว เป็นพื้นที่ที่เจ้าของต้องการเป็นที่ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น จัดเลี้ยง การรับประทานอาหารร่วมกัน
พื้นที่ส่วนตัว เป็นพื้นที่ต้องการความเป็นส่วนตัวแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อน หรือนั่งทำงานนอกบ้าน
พื้นที่ส่วนบริการหรือส่วนปฏิบัติงาน เป็นพื้นที่สำหรับการปฏิบัติงาน เช่น ซักล้าง ตากเสื้อผ้า สวนครัว เก็บของ เรือนระบบน้ำ
การได้รับทราบข้อมูลพื้นที่และรูปแบบการใช้สอย จะช่วยให้นักออกแบบจัดวางกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสมได้ง่าย
- วิเคราะห์ความต้องการเจ้าของสวน
วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้ข้อมูลคือการพูดคุยกับเจ้าของงานเพื่อให้ทราบความต้องการ รสนิยม นิสัยใจคอ การสมาคม งบประมาณ ข้อมูลที่ควรได้มาในขั้นนี้ ได้แก่
- จำนวนสมาชิกในบ้าน งานอดิเรก ความสนใจ กิจกรรมส่วนใหญ่ของสมาชิก และความต้องการของแต่ละคน
- ความต้องการใช้พื้นที่ในสวน สิ่งก่อสร้างพิเศษสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
- การดูแลรักษาสวน สอบถามให้ได้ว่า สมาชิกในครอบครัวมีรสนิยมและทัศนคติอย่างไรกับการจัดสวน พอใจกับการจัดสวนหรือไม่ พืชพรรณที่ชอบและไม่ชอบ ข้อจำกัดในการดูแลรักษา ปัญหาหนักใจที่สุดต่อการจัดสวนครั้งนี้
- สิ่งก่อสร้างพิเศษที่ต้องการ เช่น ทางเดิน เรือนต้นไม้ ศาลา น้ำตก น้ำพุ หรืออื่นๆ
- ชนิดและแบบสวนที่ต้องการ ทั้งสองฝ่ายควรสร้างความเข้าใจในรูปแบบสวนด้วยกันให้มากๆ ผู้ออกแบบควรนำเสนอทั้งข้อดีและข้อด้อยของสวนแต่ละรูปแบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบเกี่ยวกับรูปแบบและชนิดของสวน
- งบประมาณที่เจ้าของกำหนดเอาไว้ การสอบถามเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบและกำหนดรูปแบบสวน ผู้ออกแบบควรมีข้อมูลงบประมาณงานของตนเองหรือของผู้อื่นให้เปรียบเทียบ พร้อมกับข้อมูลด้านราคาวัสดุ อุปกรณ์ให้เจ้าของสวนพิจารณา เพราะถ้าไม่มีตัวเลขของงบประมาณ การออกแบบสวนจะเป็นไปในลักษณะที่เลื่อนลอยและยากมาก แม้ยังไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจน แต่อย่างน้อยผู้ออกแบบและเจ้าของบ้านควรกะประมาณกว้างๆเอาไว้เพื่อเป็นกรอบทำงาน
3 สรุปและรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดลำดับความต้องการ
รวบรวมข้อมูลที่ได้ในข้อ 1 และ 2 เพื่อวิเคราะห์ตามความเป็นไปได้จริง ทั้งทางด้านพื้นที่ สภาพแวดล้อม งบประมาณ โดยนำข้อมูลที่ได้เข้ามาจัดลำดับความสำคัญ แล้วบันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้ เพื่อใช้ในขั้นตอนของการออกแบบและแก้ปัญหา
เมื่อนักจัดสวนนำข้อมูลเหล่านี้มาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ ที่ได้จากการสั่งสมประสบการณ์เดิมของตนเองเข้าไป ก็จะได้คอนเซ็ปต์สวนที่ชัดเจนเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อเจ้าของงานนั้นๆมากขึ้น
สนใจข้อมูลดีๆ อ่านเพิ่มเติมได้จากเล่ม คู่มือจัดสวนหลากสไตล์ โดย ขวัญชัย จิตสำรวย