เอไอเอส มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์ม 3 ด้านหลัก IoT, VDO และ Virtual Reality
ประทศไทย 4.0 คืออะไร? คำถามนี้คิดว่าหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องเท่าใดนัก และถ้าจะให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็พอจะอธิบายได้ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีการตั้งเป็นโมเดลประเทศไทย 1.0 ที่เน้นพัฒนาด้านเกษตร ตามมาด้วยประเทศไทย 2.0 เน้นพัฒนาอุตสาหกรรมเบา และก้าวสู่โมเดลปัจจุบันคือ ประเทศไทย 3.0 ที่เน้นไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก แต่ภายใต้โมเดลประเทศไทย 3.0 ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่างจนไม่สามารถนำพาประเทศให้พัฒนาไปได้มากกว่านี้ ภาครัฐจึงต้องสร้างโมเดลใหม่ขึ้นมาเพื่อปฏิรูปเศรษฐกิจ จึงเป็นที่มาของการพาประเทศเข้าสู่โมเดล “ประเทศไทย 4.0” ภายใน 3-5 ปีนี้
ส่วนเรื่องที่ว่าต้องทำอย่างไรในการก้าวสู่ ประเทศไทย 4.0 ได้นั้น ภาครัฐได้แถลงว่าต้องขับเคลื่อนใหเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 3 มิติ คือ เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม, เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม และสุดท้ายคือเปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปสู่ภาคบริการมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่การเติมเต็มด้วยวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา ซึ่งสามารถต่อยอดความได้เปรียบ เปรียบเทียบเป็น 5 กลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมายอันประกอบด้วย
กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ (Food, Agriculture& Bio- Tech), กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Health, Wellness& Bio-Med), กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม (Smart Devices, Robotics & Mechatronics), กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง (Creative, Culture & High Value Services) และ กลุ่มดิจิตอล เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อและบังคับอุปกรณ์ต่างๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว (Digital, IoT, Artificial Intelligence & Embedded Technology) โดยทั้ง 5 กลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมายนี้ จะเป็นแพลทฟอร์มในการสร้าง “New Startups” ต่างๆ ได้อีกมากมาย
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนสู่การเป็น ประเทศไทยยุค 4.0 นอกจากภาครัฐที่ออกนโยบายและเดินหน้าขับเคลื่อนแล้ว ภาคเอกชนเองก็ถือได้ว่ามีส่วนสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนดังกล่าวค่อนข้างมาก อย่างเช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการนวัตกรรมเครือข่าย และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อคนไทย ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่เป็นหนึ่งในพื้นฐานในการพัฒนาประเทศมาโดยตลอด ก็มีความพร้อมสำหรับการพัฒนาประเทศให้ขับเคลื่อนตามนโยบาย Thailand 4.0 อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นโซลูชั่นหรือแพลตฟอร์มต่างๆ ที่สามารถเข้าไปสนับสนุนอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อให้เทคโนโลยีดิจิทัลได้รับการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเอไอเอสก็ไม่เคยรอช้าที่จะทำในทันที
![]()
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส อย่าง คุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ได้พูดถึงรายละเอียดเจตนารมณ์สู่การเป็น Digital Platform for Thais ของเอไอเอสในครั้งนี้ให้ฟัง ในงาน สัมมนา “Digital Intelligent Nation 2018” ว่า ที่ผ่านมาจากความพร้อมในการร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอลของภาครัฐ และเอกชน ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนรูปแบบการบริหารจัดการองค์กรทั้งรัฐและเอกชนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากขึ้น สามารถเริ่มใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิต และการดำเนินกิจการเทียบเท่าระดับสากล
โดยจะเห็นได้ว่าในปี 2560 ที่ผ่านมาภาพรวมอุตสาหกรรมยังคงเติบโตถึง 4% (สูงกว่า GDP) อัตราการเติบโตของการใช้งานเฉลี่ย Mobile Internet ต่อบุคคล เพิ่มขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยปี 2560 ที่ผ่านมาคนไทยใช้งานดาต้ามากถึง 7.3 GB ต่อคนต่อเดือน และใช้เวลาอยู่บน Social Network เพิ่มขึ้นมากกว่า 60% คือ วันละประมาณ 4.8 ชั่วโมงมากกว่า 41 ล้านคน /ชม. VDO Streaming บนมือถือ โดย 80% ส่วนใหญ่ เป็น Local Content รวมถึงองค์กรเริ่มหันมาใช้ Cloud เป็นมาตรฐานใหม่ในการยกระดับการบริหารจัดการมากขึ้นด้วย
![]()
ทำให้ปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่คนไทยจะต้องผนึกกำลังสร้างสรรค์ Digital Platform เพื่อประเทศไทย อันจะเป็นการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลภาพรวมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และด้วยความตั้งใจจริงที่จะขยายบทบาทสู่การเป็น Digital Platform เพื่อประเทศไทยดังกล่าว เอไอเอสจึงได้เปิดตัว 3 แพลตฟอร์ม คือ AIS IoT Alliance Program (AIAP), VDO Platform “Play 365” และ VR Content Platform เพื่อเป็นแกนกลางสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกันในลักษณะของ Ecosystem เป็นการขยายขีดความสามารถเหล่านี้ผ่านดิจิทัล รวมถึงเป็นการสร้างการเติบโตสู่ทุกภาคส่วนของประเทศอย่างแท้จริง โดย3 แพลตฟอร์มดังกล่าวนั้นประกอบไปด้วย
![]()
AIS IoT Alliance Program (AIAP) เกิดจากการมองเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของอุปกรณ์ IoT โดยเฉพาะอุปกรณ์ Smart Home ที่จะเป็น IoT ที่ผู้บริโภคจะมีโอกาสได้เห็นในช่วงไม่กี่ปีนี้ จากบริษัทอสังหาฯ ที่เริ่มเข้ามาติดต่อกับเอไอเอสเพื่อพัฒนาโซลูชั่น Smart Home ให้เป็นจุดขายในโครงการใหม่ๆ
นอกจากนี้เอไอเอสยังร่วมมือกับสมาชิกอีก 70 ราย จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี IoT ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ มหาวิทยาลัย ผู้ผลิตเทคโนโลยี นักพัฒนาอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ ทั้งในและต่างประเทศ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถ, Product, Service หรือ Solution เพื่อให้เกิดการพัฒนา IoT Solution/Business Model ร่วมกัน เพื่อขยายประโยชน์สู่ภาคประชาชน เสริมการบริหารจัดการในทุกภาคส่วน
![]()
![]()
โดยปีนี้เอไอเอสใช้งบลงทุนด้านเครือข่ายกว่า 35,000 – 38,000 ล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายมือถือที่รองรับความเร็วถึง 1 GB โดยจะเริ่มต้นทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ 9 จังหวัด รวมไปถึงยกระดับเครือข่าย Data ทั่วประเทศสู่ Next G Network ซึ่งการขยายเครือข่าย NB-IoT (Narrow Band IoT) และ eMTC (enhanced Machine-Type Communication) เพื่อรองรับ IoT และเอไอเอส ไฟเบอร์ ที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั้งนอกบ้านและในบ้าน
ในส่วนของ VDO Content เอไอเอส วางธุรกิจไว้ 2 รูปแบบได้แก่ เปิดบริการ AIS Play ในส่วนของฟรีวิวให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เป็นลูกค้าเอไอเอสมารับชมได้ ส่วนคอนเทนต์ที่เป็น Pay View เช่น คอนเทนต์ใหม่ล่าสุด ซีเอ็นเอ็น และการ์ตูนเน็ตเวิร์ค และอื่นๆ จะให้เฉพาะลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ที่ดี และหันมาใช้บริการจากเอไอเอสในที่สุด และด้วยมาตรฐาน 3GPP ได้ออกแบบให้ eMTC และ NB-IoT สามารถใช้งานร่วมกับ 5G ในอนาคตได้ด้วย จึงมั่นใจได้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาว
ส่วนรูปแบบแพลตฟอร์มที่ 2 คือ The Play 365 : Local VDO Platform เป็นการเปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์ Content ทุกวงการได้นำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้น ด้วยการรับสมัคร Content Creator จำนวน 365 Creator ให้เงินสนับสนุนบางส่วนเพื่อมาผลิตคอนเทนต์ในชาแนลของตัวเองลงใน Platform ที่ชื่อ The Play 365 ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับ Youtube แต่เอไอเอสให้ค่าตอบแทนจากรายได้โฆษณาดีกว่า Youtube เป็นการสร้างโอกาสให้ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจของผู้มีความคิดสร้างสรรค์ได้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยทุกคนมากยิ่งขึ้น
รูปแบบแพลตฟอร์มสุดท้ายคือ AIS IMAX VR : VR Content Platform เป็นการเปิดโอกาสให้นักพัฒนา VR Content สามารถเรียนรู้จากผู้ผลิต VR อันดับหนึ่งของโลกอย่าง IMAX พร้อมโครงการ VR Content Creator Program ที่เอไอเอสได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเวทีของการสร้าง Content VR ให้กับอุตสาหกรรม
อนึ่ง เอไอเอสมองว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมสื่อสารเพียงอย่างเดียว ไม่อาจช่วยยกระดับประเทศให้แข็งแกร่งได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นภาคเอกชนจึงควรมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะขยายบทบาทสู่การเป็น Digital Platform ด้วยตัวเอง ซึ่งรการบริโภคคอนเทนต์ดิจิทัลของคนไทยนั้น ส่วนใหญ่ยังอิงอยู่กับแพลตฟอร์มจากต่างประเทศ จุดนี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้โอกาสในการแข่งขันของไทยลดลง เพราะเราไม่สามารถออกกฎควบคุมใด ๆ กับแพลตฟอร์มจากต่างชาติได้ ฉะนั้นการจะอยู่ในธุรกิจนี้อย่างมั่นคง ไม่ใช่แค่เพียงรักษาความเป็นผู้นำในสมรภูมิธุรกิจเท่านั้น แต่ต้องตระหนักด้วยว่าในฐานะองค์กรเทคโนโลยีต้องมีส่วนสำคัญและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย