การอนุรักษ์และปกป้องไม้ยืนต้นเดิมไว้ในพื้นที่
การเก็บต้นไม้ใหญ่เดิม ให้คงอยู่ในพื้นที่ ไม่เพียงเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังช่วยเสริมเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับพื้นที่ในเชิงสถาปัตยกรรมอย่างยั่งยืน
ซึ่งการรู้จักต้นไม้ใหญ่รอบตัว และ การเก็บต้นไม้ใหญ่เดิม ให้คงอยู่ในพื้นที่ จึงเป็นการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนทางสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตอย่างมหาศาล อย่าง

สถานที่: สวนป่าสักศึกษา ซอยวิภาวดี 5
1.สร้างเอกลักษณ์ให้พื้นที่
ต้นไม้ใหญ่มักมีรูปทรงเฉพาะตัว ทำให้กลายเป็นจุดเด่นที่ช่วยกำหนดบุคลิกของสวนให้น่าจดจำและมีเสน่ห์ที่เลียนแบบไม่ได้ อีกทั้งหลายครั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความผูกพันกับสถานที่หรือเจ้าของบ้าน เช่น ต้นจามจุรีอายุ 100 กว่าปี ที่สถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย หรือต้นไม้เดิมในบ้านที่ปลูกไว้ตั้งแต่รุ่นตายาย จึงมีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถทดแทนได้
- ต้นจามจุรี หรือ ต้นก้ามปู กับการเดินทางสู่ประเทศไทย
- ต้นจามจุรี หรือ ก้ามปู ไม้ประธานทรงสวย ให้ร่มเงา และเป็นมงคลกับบ้าน
2.ส่งเสริมระบบนิเวศในพื้นที่ให้สมดุล
ต้นไม้ใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนก ผีเสื้อ และสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ อีกทั้งรากไม้ยังช่วยยึดหน้าดิน ดูดซับน้ำฝน ลดปัญหาน้ำขังหรือน้ำท่วมในสวนได้เป็นอย่างดี
3.ประหยัดงบประมาณและเวลา
การรักษาต้นไม้เดิมไว้ช่วยลดต้นทุนในการจัดสวน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปลูกไม้ใหม่หรือลงต้นไม้ใหญ่ที่มีราคาสูง และไม่ต้องรอนานกว่าต้นไม้จะเติบโต จึงทำให้พื้นที่ร่มรื่นและใช้งานได้ทันทีหลังปรับปรุงภูมิทัศน์หรือจัดสวนเสร็จ

การปกป้องรากและโคนต้นไม้เดิม
หลังจากสำรวจและประเมินต้นไม้เดิมที่มีอยู่แล้วว่า ต้นใดควรรักษาไว้และสามารถเป็นจุดเด่นของพื้นที่ การวางผังและออกแบบจะต้องคำนึงถึงตำแหน่งของต้นไม้อย่างรอบคอบ เช่น การวางอาคารหลบเรือนยอด การเว้นระยะห่างจากโคนต้น การทำพื้นยกระดับแทนการถมดินทับโคน หรือการเจาะพื้นให้ต้นไม้โผล่ขึ้นมาอย่างกลมกลืน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ต้นไม้สามารถเติบโตต่อไปได้ พร้อมทั้งอาจใช้ต้นไม้เป็นองค์ประกอบหลักในการกำหนดบรรยากาศของพื้นที่ เช่น กำหนดมุมมอง ช่องแสง หรือแนวทางเดินให้สัมพันธ์กับตำแหน่งของต้นไม้ เพื่อให้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธี การเก็บต้นไม้ใหญ่เดิม มีแนวทางหลักอยู่ 2 วิธี คือ

1.การล้อมเพื่อย้าย
หากต้นไม้เดิมตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม หรือเป็นอุปสรรคในด้านการก่อสร้าง เช่น อยู่ใกล้อาคารมากเกินไป ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ หรือขวางแนวการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ เช่น การต่อเติมอาคารหรือการขุดบ่อน้ำ อาจพิจารณาการ “ล้อมต้นไม้” เพื่อนำไปปลูกยังตำแหน่งใหม่ โดยวิธีที่นิยมคือการล้อมแบบตุ้มดิน ซึ่งต้องคำนึงถึงชนิดพันธุ์ของต้นไม้ ลักษณะระบบราก และความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม โดยต้นไม้ที่มียาง เปลือกหนา และมีโอกาสตายน้อย เช่น ไทร ยางอินเดีย ลั่นทม หรือไผ่ จะสามารถล้อมล้อมและย้ายปลูกได้ค่อนข้างง่าย ในขณะที่ไม้ที่เจริญเติบโตช้าและมีอายุมาก เช่น ตะโกนา หรือจันทน์ ควรใช้วิธีการที่ค่อยเป็นค่อยไป ต้องอาศัยระยะเวลาและความระมัดระวังในการขุดล้อม เพื่อให้ต้นไม้ปรับตัวก่อนการเคลื่อนย้าย
ทั้งนี้ไม่ควรย้ายปลูกในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่ต้นไม้แตกยอดอ่อน เพราะอาจทำให้ต้นไม้หยุดชะงักการเจริญเติบโต โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงต้นฤดูฝน ซึ่งต้นไม้จะได้รับน้ำอย่างเพียงพอ และสามารถลำเลียงน้ำไปเลี้ยงใบได้ดี ช่วยให้การฟื้นตัวและต้นไม้เจริญเติบโตได้ดีหลังย้ายปลูก




Tips การย้ายต้นไม้ลงปลูกในตำแหน่งใหม่ ควรแกะตาข่ายที่หุ้มตุ้มดินออกก่อน เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้รากไม่สามารถชอนไชออกไปดูดซับน้ำและสารอาหารได้ ส่งผลให้ต้นไม้ชะงักการเจริญเติบโตหรืออาจตายได้ในที่สุด อีกทั้งยังต้องเสียเวลาในการขุดรื้อใหม่ นอกจากนี้ หลังจากปลูกลงหลุมเรียบร้อยแล้ว ควรใช้ไม้ค้ำยันหรือสะลิงยึดพยุงให้ต้นตั้งตรง เพื่อให้ระบบรากเติบโตแข็งแรงและต้นไม้สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ได้
2.การรักษาต้นไม้เดิมไม่ให้ตาย
หากออกแบบให้ต้นไม้ใหญ่อยู่ตำแหน่งเดิม ควรให้ความสำคัญกับการป้องกันไม่ให้ราก ลำต้น และกิ่งก้านได้รับผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง โดยต้นไม้แต่ละชนิดมีความอดทนต่อการถมสูงไม่เท่ากัน ถ้าถมสูงไม่เกิน 0.30 เมตร ต้นไม้ใหญ่ส่วนมากยังสามารถเจริญเติบโตได้ แต่หากจำเป็นต้องถมสูงกว่านี้ ควรหาวิธีป้องกันระบบรากและรักษาผิวดินเดิมไว้ เพราะการถมดินหรือน้ำท่วมรอบโคนต้นอาจส่งผลให้รากขาดอากาศหายใจ

นอกจากนี้ ควรจัดการพื้นที่รอบต้นไม้ให้ห่างจากสิ่งที่อาจเป็นอันตราย เช่น การถูกชน ดินบริเวณรากถูกอัดแน่น การทิ้งน้ำปูน น้ำมัน หรือสารเคมี รวมถึงควันและความร้อนจากเครื่องจักร จึงควรล้อมขอบเขตรอบโคนต้นให้ชัดเจน มีวัสดุปกป้องพื้นดิน และตัดแต่งกิ่งที่อาจขวางการทำงานออกชั่วคราว เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ ควรเว้นพื้นที่เปิดโล่งรอบโคนต้นอย่างน้อยหนึ่งในสามของความกว้างทรงพุ่ม หรือปูด้วยวัสดุโปร่งที่สามารถยกออกได้ เพื่อให้อากาศและน้ำซึมผ่านได้ หากเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมาก แนะนำให้ปรึกษารุกขกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลต้นไม้ เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย
ติดตาม บ้านและสวน