คอนโดเก่าแต่งเอง สไตล์ Mid-century Modern แต่งด้วยใจ ไม่พึ่งกฎเกณฑ์
คอนโด Mid-century Modern ที่ตั้งใจออกแบบและตกแต่งด้วยตัวเองจากห้องเปล่าในเมืองใหญ่ ค่อย ๆ เติมรายละเอียดลงไปตามการใช้งานจริง เน้นฟังก์ชัน ความรู้สึก และความเป็นตัวเอง
“ไม่เคยรู้เลยว่าชอบแต่งบ้าน จนกระทั่งเริ่มแต่งบ้านตัวเอง แล้วก็หยุดไม่ได้อีกเลย”
นั่นคือคำบอกเล่าของ คุณป๊ง – นันท์มนัส กองแก้ว และคุณบุ๊ค – อภิชัย คำแก้ว เจ้าของบ้านผู้ออกแบบตกแต่งเอง คุณป๊งเป็นโฮมสไตลิสที่ทำงานด้วยใจรักและความสุข ทั้งสองคนไม่ได้จบด้านการออกแบบ แต่เพราะความชอบจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแต่งบ้านหลังนี้
ซึ่งเริ่มด้วยการเดินทางจากต่างจังหวัดมาทำงานในกรุงเทพฯ จึงเกิดความคิดเรื่องบ้านหลังที่สองขึ้นมา คอนโดเก่าอายุเกือบ 30 ปี พื้นที่ขนาด 80 ตารางเมตร ในเมืองใหญ่จึงเป็นทางเลือก เนื่องจากที่นี่มองเห็นวิวธรรมชาติ ไม่มีตึกสูงหนาแน่น มีต้นไม้และท้องฟ้าให้ได้พักสายตา เหมือนกับบ้านสวนที่เคยอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด โดยเลือกคอนโดห้องเปล่า มีเพียงครัว ระบบน้ำและไฟ เพราะตั้งใจจะออกแบบทุกอย่างใหม่ด้วยตัวเอง

แต่งบ้านด้วยฟังก์ชันและความรู้สึก
เริ่มต้นการแต่งบ้านจากการใช้งาน กำหนดก่อนว่าต้องการใช้พื้นที่นั้นทำอะไร นั่งทำงานตรงไหน พักผ่อนมุมใด แล้วจึงค่อยเลือกโทนสี วัสดุ และเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม เช่น ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่ใช้เวลามากที่สุด ตกแต่งเป็นสไตล์Mid-century Modern ที่มีความเรียบง่ายมีความอบอุ่น เน้นฟังก์ชัน ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ธรรมชาติ ผสมผสานกับวัสดุสมัยใหม่ เช่น โลหะ หรืออะคริลิก ใช้สีสันที่สดใส และรูปทรงเรขาคณิตที่มีความโค้งมน เพิ่มต้นไม้ให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

บริเวณห้องนั่งเล่น ตกแต่งตัวสไตล์ Mid-century Modern โดยจัดเฟอร์นิเจอร์ให้ตอบสนองการใช้งาน มีโซฟาหลายแบบให้เปลี่ยนมุมนั่ง ใช้สีสันทั้งสีส้มและสีน้ำเงิน แสดงถึงความอบอุ่น เปิดประตูเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงที่มีต้นไม้ ให้ความร่มรื่น มองทอดยาวออกไปเห็นวิวธรรมชาติ

ต้นไม้ช่วยเพิ่มชีวิตชีวา
แทบทุกมุมของห้องจะมีต้นไม้ ข้อดีของห้องนี้คือมีช่องแสงเยอะ ทำให้ต้นไม้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง ภายในห้องเน้นต้นไม้ชนิดที่ดูแลง่าย และยังมีต้นไม้ชนิดที่ไม่นิยมปลูกในห้อง เช่น ต้นสนเกรวิลเลียและต้นจันผา ที่ส่วนใหญ่ใช้ปลูกบริเวณหน้าบ้าน ช่วยเพิ่มความแปลกตา ในการจัดต้นไม้ไม่เป็นเพียงการตกแต่ง แต่เป็นการเชื่อมโยงห้องกับธรรมชาติ ช่วยในการพักสายตา และทำให้ห้องดูอบอุ่น อ่อนโยน สดใสและมีชีวิตชีวา

ห้องที่ตกแต่งจากการทดลอง
ทุกห้องใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวทุกชิ้นเพราะต้องการให้ห้องปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา จากประสบการณ์การแต่งบ้าน ทำให้เข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของบ้าน และต่อยอดกลายเป็นงานโฮมสไตลิสเต็มตัว การแต่งบ้านไม่ได้จบตอนสร้างบ้านเสร็จ แต่ต้องค่อยๆ เติมเฟอร์นิเจอร์ตามการใช้งาน ตอนออกแบบอาจไม่เหมือนกับการใช้จริง

เจ้าของบ้านมีแนวคิดที่ไม่ยึดติดกับกฎหรือสไตล์เพราะเชื่อว่าการแต่งบ้านคือการทดลอง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ในแบบต่างๆ รูปแบบที่คนนิยม หรือรูปแบบที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ ก็ทดลองและหาเหตุผลที่นำไปสู่วิธีแก้ไขให้ดีขึ้น การจัดบ้านไม่มีหลักตายตัว ถ้าเจ้าของบ้านรับได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในกฏมาก เช่น จัดโซฟาแบบนี้สวยแต่จะไม่มีความเป็นส่วนตัว จะยอมรับกับข้อเสียนี้หรือหาวิธีแก้ไข อาจใช้ต้นไม้ช่วยพรางสายตาให้ดีขึ้น การจัดบ้านไม่มีแบบที่ถูกต้องที่สุด และความรู้สึกเบื่อเป็นเรื่องปกติที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เสมอ

สนุกกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์
เทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ของคุณป๊งและคุณบุ๊ค เลือกตามความรู้สึกของตัวเองก่อนที่ต้องการให้มุมนั้นมีความรู้สึกแบบไหน ต่อมาหารูปอ้างอิงว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เหมาะกับสไตล์ที่คิดหรือไม่แล้วจึงหาร้านค้า ใช้ประสบการณ์เก็บข้อมูลร้าน พูดคุยในกลุ่มคอมมูนิตี้เฟซบุ๊คคอยแลกเปลี่ยนแนะนำร้านค้ากัน ไม่ได้เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำพิเศษมากนัก จะมองหาเฟอร์นิเจอร์ที่หาได้ตามร้านทั่วไป แล้วนำมาจัดให้แต่ละมุมมีจังหวะของตัวเอง เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นอาจถูกเปลี่ยนการใช้งานจากเดิมให้สนุกขึ้น เช่น โต๊ะข้างเตียงบางตัวถูกย้ายมาใช้เป็นโต๊ะกลางในห้องนั่งเล่น






ภายในห้องนอนมีพื้นที่ทำงาน ตกแต่งด้วยสไตล์ Eclectic เน้นความสนุก เป็นการตกแต่งห้องที่ผสมผสานองค์ประกอบจากหลากหลายยุคสมัยและสไตล์ที่แตกต่างกัน มีสีสันสดใส ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ระหว่างทำงาน วางตู้ไม้เก่าสไตล์แอนทีค ที่มีสไตล์แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น แต่กลับกลมกลืนอย่างลงตัว ด้วยโทนไม้ที่สอดรับกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นอื่นในห้อง ทำให้บรรยากาศโดยรวมดูมีมิติ อบอุ่น และเต็มไปด้วยเรื่องราว


สิ่งที่คุณป๊งและคุณบุ๊คชื่นชอบที่สุดคือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์มือสอง เพราะแต่ละชิ้นมีเรื่องราวของตัวเอง และมีความอบอุ่นที่รู้สึกถึงความเป็นบ้านมากกว่าเฟอร์นิเจอร์ของใหม่ โดยใช้เวลาว่างในวันหยุดเดินร้านเฟอร์นิเจอร์เหมือนเดินห้าง ไม่มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องซื้อของใหม่ทุกครั้ง แต่ค่อย ๆ เก็บแรงบันดาลใจไว้ มีความใจเย็นในการเลือกเพราะพื้นที่ห้องมีจำกัด ถ้ารีบอาจเสียโอกาสเลือกอันที่ถูกใจกว่าหรือคุณภาพดีกว่าในอนาคต ไม่เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องซ่อมแซม เพราะเป็นการเพิ่มงานให้กับตัวเอง มากที่สุดอาจแค่ทาสีใหม่ให้เข้ากับสไตล์ห้อง
ส่วนห้องไหนที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยจะไม่มีการตกแต่ง เน้นการใช้งานอย่างเดียว เช่น ห้องครัว และห้องน้ำ


แสงไฟคือหัวใจของความอบอุ่น
เคล็ดลับของความอบอุ่นในห้องคือให้ความสำคัญกับแสงมากเป็นพิเศษ ภายในห้องไม่ใช้โคมไฟดาวน์ไลต์ฝังบนฝ้าเพดาน แต่เลือกใช้โคมไฟตั้งพื้น โคมไฟแขวน หรือโคมไฟผนังที่ให้โทนอบอุ่น ใช้หลอดไฟที่มีอุณหภูมิของแสงไม่เกิน 3000K หรือ Warm White เกือบทั้งหมด หรือใช้เป็นหลอด LED ที่ปรับแสงได้ ในแต่ละห้องมีโคมไฟ 4–10 ดวง วางในพื้นที่ต่างๆ หลายระดับ เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นและปรับอารมณ์ได้ตามช่วงเวลา ทำให้บ้านดูมีมิติและนุ่มนวลขึ้นทันที เป็นวิธีง่ายๆที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของห้อง

ทุกมุมในห้องคือภาพสะท้อนของตัวตน มีความเป็นตัวเอง ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใด ๆ และเต็มไปด้วยการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ แต่งบ้านจากความรู้สึกมากกว่าตำรา กล้าที่จะลองหยิบของที่ดูไม่เข้ากันมาวางไว้ด้วยกัน แล้วอยู่กับมันทุกวัน แก้ไข เติมแต่ง ลองผิดลองถูก และทดลองสิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่รู้จบ เป็นห้องที่ตกแต่งเปลี่ยนบรรยากาศไปในทุกๆวัน จนกลายเป็นกิจวัตรหนึ่งของชีวิต
เจ้าของ – ออกแบบตกแต่ง : คุณนันท์มนัส กองแก้ว และคุณอภิชัย คำแก้ว
Facebook : Nanmanas kongkaew
IG : kp.homebies
เรื่อง : พิมสุภา จิตต์ดี
ภาพ : ธนายุต วิลาทัน
ผู่ช่วยช่างภาพ : ธีรวัฒน์ พรหมณีวัฒน์
สไตล์ : Suntreeya