บ้านกลางป่าปลูก ต้นไม้สูงใหญ่ที่เจ้าของบ้านปลูกเองมาเกือบ 30 ปี - บ้านและสวน

บ้านหลังใหม่ใต้เงาไม้ต้นเก่า

ท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ที่ต้องแหงนหน้ามองเพื่อจะได้เห็นกิ่งก้านที่แผ่กว้างสร้างความร่มรื่น ตรงหน้าเป็น บ้านกลางป่าปลูก ขนาด 2 ชั้นที่มีเส้นสายเรียบง่ายน่าสนใจอยู่ภายใต้เงาไม้ใหญ่หลากหลายสายพันธุ์

Design Directory : สถาปนิก commonspace architect

บ้านกลางป่าปลูก
บ้านสวยที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่คล้ายป่าขนาดย่อมๆ มองเห็นทางเดินยาวแทรกผ่านแมกไม้ เกิดเป็นสเปซที่น่าสนใจตั้งแต่แรกเห็น
คุณพงษ์กับมุมโปรดเป็นพื้นที่กึ่งเอาต์ดอร์ ทำหน้าที่เป็นอุโมงค์ลม (Wind Tunnel)
รับลมที่พัดผ่านจากทางทิศใต้เข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีตลอดวัน

คุณพงษ์ ผาวิจิตร เจ้าของ บ้านกลางป่าปลูก และผู้ที่ปลูกต้นไม้ทุกต้นจนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่โอบล้อมบ้านหลังนี้เอาไว้ “ปลูกต้นไม้มาเกือบ 30 ปีตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กๆ รอบบ้าน มีทั้งมะฮอกกานี พะยอม แคนา และอีกเยอะมาย มีรอดบ้างไม่รอดบ้าง แต่ก็ยังปลูกมาเรื่อย ๆ” คุณพงษ์พูดถึงที่มาที่ไปของต้นไม้สูงใหญ่ที่มีคุณค่าทางจิตใจที่อยู่ตรงหน้า

ก่อนที่จะเป็นบ้านหลังใหม่บนที่ดินผืนนี้ คือตำแหน่งเดิมของบ้านหลังเก่าที่ครอบครัวผาวิจิตรเติบโตมาด้วยกัน เมื่อลูกทั้ง 3 คนต่างแยกย้ายกันไปเติบโตสร้างครอบครัว พอถึงเวลาที่ได้กลับมารวมตัวกัน บ้านหลังเก่าก็ดูจะคับแคบเกินไป จึงเป็นจุดเริ่มต้นของบ้านหลังใหม่นี้

บ้านเราก็เหมือนบ้านคนจีนสมัยก่อนที่มักจะรวมตัวพูดคุย ทำโน่นทำนี่อยู่ในห้องเดียวกัน แต่พอทุกคนโตขึ้นก็อยากให้แต่ละคนมีพื้นที่ของตัวเอง แต่ก็ยังมีพื้นที่ที่เป็นจุดศูนย์รวมของบ้านให้ทุกคนมารวมตัวทำกิจกรรมร่วมกันได้ และมีคอร์ตกลางบ้านให้ได้ใช้ประโยชน์ของธรรมชาติร่วมกันด้วย”

บ้านกลางป่าปลูก
ห้องกินข้าวและแพนทรี่ออกแบบให้เป็นโถงสูงถึง 7
เมตร ผนังกระจกใสมองเห็นได้ถึงยอดไม้ ชวนให้อิ่มเอมกับธรรมชาติได้อย่างเต็มตา โต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่พร้อมต้อนรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
บ้านกลางป่าปลูก
ถึงอยู่ในบ้านแต่ก็รู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ทั้งแสงแดด สายลม เสียงใบไม้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นต้นไม้ได้จากทุกมุมของบ้าน
ไอส์แลนด์ขนาดใหญ่ตรงกลาง ขนาบด้วยเคาน์เตอร์ครัว และโต๊ะกินข้าว วางเรียงกันแบบสมมาตรรับกับจังหวะของหน้าต่าง 4
ช่องที่ผนังตรงหน้า มองในภาพรวมดูสงบนิ่งและปล่อยให้แสงแดดที่ส่องผ่านใบไม้ได้โชว์ความงามยามเช้า

บ้านหลังใหม่ไม่ใช่แค่บ้านอีกหลังหนึ่ง

บ้านบนพื้นที่ขนาด 200 ตารางวา เจ้าของบ้านต้องการเก็บต้นไม้ไว้ทุกต้น รวมไปถึงการนำของเก่าตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ พื้นไม้ ประตู หน้าต่าง ไปจนถึงพื้นหินอ่อนจากบ้านหลังเก่า นำกลับมาใช้ในบ้านหลังใหม่ให้มากที่สุด เป็นโจทยที่ท้าทายการออกแบบอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อได้เจอกับสถาปนิกที่ตรงใจ คุณแอม อรชุมา สาระยา และคุณโอ๊ค ดร.สิทธิพร อิสระศักดิ์ จาก commonspace architect การออกแบบบ้านใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น

คุณโอ๊คเล่าถึงคอนเซ็ปต์แรกที่ได้รับ “ประโยคแรกที่คุณพงษ์พูดคือ not just another house ไม่ได้เป็นเพียงบ้านอีกหนึ่งหลังที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ต้องมีประวัติศาสตร์ มีกลิ่นอายของอดีต มีเรื่องราวของสมาชิกในครอบครัว มีปรัชญาการใช้ชีวิตทอดแทรกอยู่ในบ้านหลังใหม่”

คุณพงษ์ช่วยเสริมว่า “ผมได้ให้โจทย์ที่ท้าทายกับสถาปนิกว่า อยากให้การออกแบบเป็นมากกว่าแค่แบบ แต่อยากให้นำปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นรอบบ้านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน เช่น แสงในแต่ละช่วงของวัน วิวของบ้านเพื่อนบ้าน เสียงน้ำ เสียงลม และกลิ่นอายจากดินหลังฝนตกเข้ามาเป็นองค์ประกอบของบ้าน ซึ่งสถาปนิกทำได้เกินโจทย์ที่ให้ไป ด้วยการเติมความกลมกลืนและความสุนทรีเข้าไปด้วย”

บ้านกลางป่าปลูก
โถงสูง 7
เมตรที่เชื่อมต่อสเปซในแนวตั้ง มองเห็นสกายไลต์ที่จะส่องแสงลงบนโต๊ะกินข้าวพอดีในตอนเที่ยง เพดานปูนเปลือยเดินสายไฟซ่อนในคอนกรีตทำให้ไม่มีสายไฟดูรกตา
บ้านกลางป่าปลูก
บันไดทอดตัวยาวตั้งแต่หน้าบ้านขึ้นไปถึงชั้น 2
เป็นการสร้างเส้นทางสัญจรภายในบ้านที่ไม่ต้องเดินเข้าในบ้านก็สามารถไปถึงห้องนอนได้โดยไม่ต้องรบกวนกัน
บ้านกลางป่าปลูก
ความน่าสนใจของการออกแบบให้ทางเดินเชื่อมต่อกันในหลาย ๆ มิติ กระตุ้นให้เกิดการใช้งาน เดินออกกำลังกาย หรือเดินไป-
มาหากันได้สะดวก
ทางเชื่อมฝั่งห้องนอนชั้นล่างได้เดินผ่านวิวต้นไม้สวย และปลายทางเป็นอุโมงค์ลม (Wind Tunnel)
ที่วางในทิศเหนือช่วยให้อากาศในบ้านไหลเวียนได้ทั่วถึง

กลมกลืนกับธรรมชาติที่มีอยู่

การจัดวางพื้นที่ใช้งานแยกเป็น 2 ส่วนคือ ฝั่งโซนลีฟวิ่งที่ทุกคนจะมาใช้งานร่วมกัน กับฝั่งที่มีความเป็นส่วนตัวคือห้องนอน “บ้านหลังนี้ธรรมชาติได้กำหนดพื้นที่มาให้เราตั้งแต่ต้น ด้วยตำแหน่งของต้นไม้จะทำอย่างไรให้ตัวอาคารสอดคล้องกันเหมือนเป็นการสานตัวบ้านเข้าไปกับต้นไม้ที่มีอยู่ อย่างตำแหน่งที่ตั้งของบ้านเก่าจะมีพื้นที่ใหญ่ก็จะเป็นตำแหน่งของห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว อีกฝั่งที่ต้นไม้เยอะก็เป็นห้องนอนเพราะไม่ต้องการพื้นที่ใหญ่มากนัก และก็จะเห็นว่ามีต้นไม้แทรกทะลุระเบียง ทะลุหลังคาขึ้นไปด้วย ซึ่งเราก็เคารพและพยายามเผื่อพื้นที่ให้ต้นไม้ได้หายใจและเติบโตต่อไปได้”

ห้องนอนที่อยู่ตรงกลางบ้านแต่สร้างคอร์ตเล็ก ๆ ด้านข้างที่เป็นช่องลมให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก มองเห็นลำต้นไม้ใหญ่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็นกิมมิกของบ้านหลังนี้ที่จะมีวิวต้นไม้เป็นของตัวเองทุกห้อง
บ้านกลางป่าปลูก
โถงทางเดินชั้นล่างมีระยะกว้างเพียงพอสำหรับใช้นั่งพักจิบกาแฟยามเช้าชมวิวสวย หรือเดินเล่นออกกำลังกายเบา ๆ ได้สบาย และมองเห็นทางเดินหน้าห้องนอนชั้นบนไว้ส่งเสียงทักทายลูก ๆ ได้อีกด้วย

ความผูกพันผ่านประตูบานเก่า

ตัวอาคารโดยรอบเลือกใช้กระจกใสเป็นหลัก โดยฝั่งห้องนอนออกแบบให้ผสมผสานกันระหว่างผนังกระจกกับประตูหน้าต่างจากบ้านเก่า ที่เป็นมากกว่าของเก่า แต่มีความหมายและความทรงจำอยู่ในนั้น

คุณโอ๊คช่วยเสริมว่า “ของเก่าไม่จำเป็นต้องเล่าด้วยวิธีเดิม เราอาจปรับเปลี่ยนการเล่าใหม่ด้วยวิธีการใหม่ เช่น ประตูห้องนอนกลายมาเป็นฟาซาดอาคารได้อย่างมีเสน่ห์แต่รู้สึกคุ้นเคยและปลอดภัย”

ห้องสำคัญประจำบ้านอย่างห้องกินข้าวก็เป็นการนำพื้นหินจากบ้านเก่ามาผสมกับของใหม่ได้อย่างกลมกลืน ห้องนี้มีความสูงถึง 7 เมตร ทำให้มองเห็นต้นไม้สูงตั้งแต่ลำต้นขึ้นไปถึงพุ่มไม้ด้านบน วางโต๊ะกินข้าว ไอส์แลนด์ และเคาน์เตอร์ให้สมมาตรกัน สัมผัสได้ถึงความสงบนิ่งและปล่อยให้แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปบนผนังเกิดเป็นความงามที่ยากจะเลียนแบบ

ห้องนั่งเล่นชั้น 2
เป็นห้องขนาดใหญ่เปิดโล่ง ออกแบบให้เพดานสูงฝั่งหนึ่งเปลือยให้เห็นถึงโครงสร้างหลังคา ผนังกระจกใสมองเห็นลำต้นของต้นไม้ด้านนอกเป็นการเชื่อมต่อโครงสร้างของต้นไม้กับโครงสร้างของสถาปัตยกรรมได้อย่างน่าสนใจ
ใช้เฟอร์นิเจอร์ในการแบ่งพื้นที่ได้อย่างง่าย ๆ เหมาะสำหรับการรวมตัวกันทำกิจกรรมของสมาชิกในครอบครัว
บ้านกลางป่าปลูก
ระเบียงด้านในคอร์ตชั้น 2
ชายคายื่นยาวลงมาช่วยกันแดดและฝน นั่งรับลมชมวิวที่มุมนี้ได้ทั้งวัน
บ้านกลางป่าปลูก
มุมพักผ่อนเล็ก ๆ ริมระเบียง ไม่ว่าจะนั่งมุมไหนของบ้านก็ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่อยู่ใกล้ ๆ
บ้านกลางป่าปลูก
ทางเดินยาว 12
เมตร เชื่อมระหว่างอาคารสองฝั่งวางตำแหน่งให้แทรกตัวระหว่างต้นไม้ใหญ่ 2
ต้นอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับลำต้น ทำให้ได้ใกล้ชิดกับต้นไม้ในระดับที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

คุณแอมเล่าว่าการออกแบบบ้านนี้ใช้ Sense of Belonging ในการสร้างอารมณ์ต่าง ๆ ของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน “เวลากลับบ้านแล้วได้เดินผ่านต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น เหมือนเป็นการต้อนรับกลับบ้านด้วยสิ่งที่เราคุ้นเคย ระหว่างทางเดินเข้าบ้าจะได้ยินเสียงลม ได้ยินเสียงใบไม้ เสียงนกร้อง ค่อย ๆ ผ่อนคลายจากข้างนอกก่อนจะก้าวเข้าสู่ข้างในบ้าน เปลี่ยนจากความเหนื่อยล้าเหมือนเป็นการบอกเราว่ากลับมาตรงนี้เราจะปลอดภัยในพื้นที่ของเรา”

เวลาครึ่งค่อนวันตั้งแต่แดดจาง ๆ ที่ส่องผ่านเงาไม้หน้าบ้าน จนเที่ยงวันที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากแต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความร้อนแรงเหมือนที่เคย เสียงใบไม้กระทบกัน เสียงกระรอกที่วิ่งไล่กันข้ามไปมาบนต้นไม้สูงที่แหงนคอตั้งบ่าก็ยังไม่เห็นยอด ธรรมชาติยังคงเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

บ้านที่อยู่ทุกวันนะทำไม่เคยเสร็จหรอก มีเรื่องที่ต้องปรับแก้ได้ตลอด แต่เราไม่ได้มองทุกอย่างเป็นปัญหา แค่เป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบ วันนี้เราอาจต้องการแบบนี้ วันหน้าเราอาจเปลี่ยนไป แต่ในวันนี้ผมแฮปปี้นะ ยังไม่เบื่อเลย ผมเป็นพวก Quantitative Type (ข้อมูลที่วัดค่าเป็นตัวเลข) คือทุกอย่างต้องนับได้หมดว่าจุดนี้จะนั่งเพื่ออะไร จุดนี้ทำอะไร ผมมีมุมโปรดนับได้เป็น 10 มุม ตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟชมวิว มองมุมนั้นมุมนี้ของบ้าน” คุณพงษ์บอกพวกเราก่อนที่จะเดินไปชงกาแฟอีกแก้ว แล้วกลับมานั่งชิลที่มุมโปรดมุมเดิม

ดาดฟ้าที่อยู่ในระดับเดียวกับหลังคาทำให้มองเห็นยอดไม้ในระดับสายตา ยืนฟังเสียงลม เสียงใบไม้เหมือนได้รับพลังจากธรรมชาติ
บ้านกลางป่าปลูก
โถงทางเดินหน้าห้องนอนลูก ๆ ออกแบบให้เป็นทางเชื่อมเข้าห้องโดยเว้นช่องโล่งไว้ ซึ่งตรงกับชั้นล่างที่เป็นห้องนอนของพ่อแม่ ทำให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์ทั้งมองเห็นและเรียกหากันได้โดยไม่รู้สึกตัดขาดจากกันอย่างสิ้นเชิง
ระเบียงห้องนอนเว้นช่องที่พื้นและหลังคาให้ต้นไม้ยังเติบโตได้ตามธรรมชาติ
บ้านกลางป่าปลูก
ต้นไม้สูงแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมบ้านให้ร่มรื่นเย็นสบาย มองไปทางไหนก็สดชื่น
โปร่งตาแต่ปลอดภัย
ดาดฟ้าที่ในตอนแรกไม่ได้ออกแบบการใช้งานไว้ เมื่อมองเห็นว่าสามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้ จึงเพิ่มราวกันตกแบบโปร่ง ๆ เข้าไป กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ ที่สามารถขึ้นมาชมวิวยอดไม้ได้อย่างใกล้ชิด

เจ้าของ : ครอบครัวผาวิจิตร

ออกแบบ : commonspace architect

เรื่อง : jOhe

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

ผู้ช่วยช่างภาพ : ธีรวัฒน์ พรหมณีวัฒน์

สไตล์ : Suntreeya


บ้านที่โอบล้อมสวนและลู่วิ่งไว้ภายใน

บ้านตัวยูโอบล้อมด้วยสวนป่าญี่ปุ่น