[ห้องรับแขก] คุยกับผู้ก่อตั้ง SleepHappy แบรนด์ที่นอนของไทยกับก้าวต่อไปสู่ Total Sleep Solution ของอาเซียน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาการนอนหลับ นอนแล้วไม่สบาย หลับไม่สนิท ยังหาที่นอนถูกใจไม่เจอสักที อาจเป็นเพราะคุณยังไม่รู้จักกับ SleepHappy แบรนด์ที่นอนของไทย ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตที่นอนให้กับโรงแรมชั้นนำกว่า 500 แห่งทั่วไทย ยุโรป และอเมริกา มายาวนานกว่า 25 ปี
.
บ้านและสวน เปิด ห้องรับแขก พามาพูดคุยกับ คุณวิกรม โชควงศ์อนันต์ ผู้ก่อตั้ง และ CEO – Chief Executive Officer ของ SleepHappy แบรนด์ไทยที่มีเป้าหมายอยากมอบประสบการณ์ ‘นอนระดับ 5 ดาว’ ผ่านโซลูชันที่นอน เครื่องนอน และสินค้าภายในห้องนอนแบบครบวงจร เพื่อให้คนไทยหลับดี ตื่นมาแล้วแฮปปี้ในทุกวัน พร้อมอีกความฝันที่อยากพาแบรนด์ไทยก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในใจของชาวอาเซียน
จุดเริ่มต้นของ SleepHappy
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า SleepHappy อยู่ในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตที่นอนมายาวนานกว่า 25 ปี โดยเริ่มจากการทำ OEM ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของลูกค้าให้กับหลายแบรนด์ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่นอนและเครื่องนอน จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาในฐานะผู้ผลิต ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เมื่อรวมกับการมีโรงงานผลิตที่นอนทุกขั้นตอนเป็นของตนเอง จึงมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัสดุใหม่ๆ มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีซัพพลายเออร์เป็นของตัวเอง ทำให้สามารถวิจัย และสร้างสรรค์ที่นอนได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหลายกลุ่ม ซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์ที่ไม่มีใครเหมือน

ในฐานะ CEO คุณวิกรม เล่าให้ฟังว่าด้วยความที่ตัวเขาเองคลุกคลีกับธุรกิจผลิตที่นอนของครอบครัวมานาน เมื่อมาก่อตั้งแบรนด์ SleepHappy จึงรับผิดชอบงานในบริษัททุกด้าน ทั้งดูแลภาพรวมกลยุทธ์ วาง Brand Position การตลาด การเติบโตของแบรนด์ ซึ่งรวมถึงดูแลนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงงานด้านบัญชี และการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการนอนหลับของชาวไทย และอาเซียน ให้มีมาตรฐานความสบายระดับโรงแรม
“ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งด้านการผลิตและการจัดการซัพพลายเชน เราเห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์สำหรับผู้บริโภคโดยตรง จึงก่อตั้ง SleepHappy ขึ้นในรูปแบบ Direct-to-Consumer (D2C) เพื่อส่งต่อผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโรงแรมให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง แบบไม่มีตัวกลาง ไม่มีการบวกกำไรโดยไม่จำเป็น จึงทำให้สามารถตั้งราคาสินค้าที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้งาน
“และตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เราไม่เคยหยุดพัฒนาครับ เราปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อยู่เสมอ แต่ยังคงยึดมั่นในพันธกิจหลัก คือ ‘ยกระดับมาตรฐานการนอน เพื่อให้ทุกคนมีความสุขมากยิ่งขึ้น’ เพราะเรามองว่าการนอนที่มีคุณภาพไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความงาม อารมณ์ สมาธิ อายุยืน และความสำเร็จในชีวิตด้วยครับ”
จากประสบการณ์ยาวนานเกือบ 30 ปี พอจะบอกได้ไหมว่าคนไทยชอบที่นอนแบบไหน?
ข้อมูลน่าสนใจที่คุณวิกรมเล่าให้ฟังคือคนไทยชอบที่นอนยางพารามาก ด้วยการรับรู้ของคนไทยที่สั่งสมมานานตั้งแต่รุ่นพ่อแม่คือที่นอนที่ดีที่สุดคือยางพารา เพราะช่วยเรื่องปวดหลัง ดังนั้นที่นอนยาพาราจึงเป็นสิ่งที่คนไทยผูกพันและคุ้นเคย ด้วยการรับรู้ที่ส่งต่อมาแบบนี้ บวกกับสัมผัสที่แน่นเฟิร์มทำให้ที่นอนที่ขายดีสำหรับคนไทย จะต้องมีส่วนผสมของยางพาราเข้าไปด้วย
“คนไทยชอบที่นอนยางพารามากๆ แล้วก็หลายคนก็เริ่มนอนบนที่นอนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ เพราะเป็นการรับรู้ที่ถ่ายทอดต่อกันมาว่าช่วยเรื่องปวดหลัง แต่จริงๆ แล้วอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะที่นอนแต่ละแบบก็เหมาะสมกับการนอนต่างกัน เช่น ถ้าคุณนอนตะแคง ก็อาจจะไม่เหมาะที่จะนอนบนยางพารา เพราะเวลานอนตะแคงเราทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างใดข้างหนึ่ง ที่นอนยางพาราที่มีความแน่น จะไม่ได้ซัพพอร์ตสรีระและกระดูกสันหลังในท่าทางแบบนั้น เลยทำให้รู้สึกเกร็งเวลานอน หายใจได้ไม่ดี ร่างกายก็ไม่ผ่อนคลาย ตื่นมาอาจจะเมื่อยกว่าเดิม ถ้าคุณชอบนอนตะแคงจึงเหมาะกับที่นอนแบบ Medium Firm หรือมีความนุ่มแน่นมากกว่า ดังนั้นในที่นอนจึงต้องมีการผสมผสานวัสดุหลายอย่างเข้าไปร่วมกัน เพื่อให้ได้สัมผัสและความนุ่มที่เหมาะสมกับการนอนของแต่ละคน”

อีกเหตุผลหนึ่งที่คนไทย รวมทั้งผู้คนหลายชาติในประเทศเอเชีย นิยมที่นอนที่ให้สัมผัสแน่น คือประวัติศาสตร์การนอนที่มีร่วมกันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เราเคยชินกับการนอนบนพื้นกันมาก่อน แล้วขยับสู่การนอนที่นอนปิกนิก จนไปถึงท็อปเปอร์ ก่อนจะเป็นที่นอนแบบในปัจจุบัน ดังนั้นผู้คนในแถบนี้จึงยังนิยมที่นอนแบบแน่น เพราะรู้สึกว่าเป็นที่นอนที่ดี
“เราเลยเข้าใจพฤติกรรมของการนอนของคนเอเชียดีมากๆ เพราะก่อน SleepHappy จะเกิดขึ้นเราอยู่ใน SleepWell Group ซึ่งทำที่นอน OEM มาก่อน เราผลิตสินค้าให้กับหลายๆ แบรนด์ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกา ทำให้เรารู้ข้อมูลว่าผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้ชอบที่นอนแบบไหน รวมทั้งฟีดแบคจากลูกค้าของเรา และนำข้อมูลเหล่านั้น มารวมกับรีเสิร์ชจากการตลาด แล้วผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของเรา เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้มากที่สุด นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราเติบโตอย่างรวดเร็ว”
จากที่นอน สู่ประสบการณ์การนอนหลับแบบครบวงจร
ในปัจจุบัน หลังจากผ่านการทำธุรกิจที่นอนมาร่วม 7 ปี SleepHappy เห็นศักยภาพของตลาดนี้ที่เพิ่มขึ้น ผู้คนไม่เพียงใส่ใจต่อที่นอนที่สบายเท่านั้น แต่ยังต้องการคุณภาพการนอนที่ดีเช่นกัน
“ไม่เพียงผลิตที่นอนคุณภาพสูงเท่านั้น แต่เราก้าวเข้าสู่การเป็น Total Sleep Solution บริการดูแลการนอนหลับและสุขภาพแบบครบวงจร ผ่านการออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อการนอนคุณภาพสูง ทั้งที่นอน หมอน เครื่องนอน รวมทั้งอุปกรณ์ภายในห้องนอน เพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมาะสมกับการนอนที่ทั้งสบายและสุขภาพดีในระยะยาว เพราะ เราเชื่อว่าการนอนหลับไม่ใช่เพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เป็นรากฐานของการมีสุขภาพกายและใจที่ดี”
ทำไมการนอนหลับอย่างมีคุณภาพจึงสำคัญ?
“จากการวิจัยพบว่าวัยผู้ใหญ่ควรนอนให้เพียงพอ 6- 8 ชั่วโมงต่อเนื่องกันทุกคืน ถ้าคุณอยากตื่นมาแล้วมีศักยภาพที่จะทำอะไรได้เต็มที่ การนอนเป็นปัจจัยที่สำคัญ ลองคิดดูว่าถ้าคืนไหนที่หลับได้ไม่ดี นอนไม่พอ ตื่นมาแล้วสมองเบลอๆ ถ้าต่อเนื่องแบบนี้ไปอีกสองสามวัน ชีวิตเริ่มไม่มีความสุขแล้ว ทำงานก็ไม่เต็มที่ ส่งผลเสียต่อเนื่องไปถึงร่างกาย และอารมณ์ในวันนั้นๆ รวมทั้งวันต่อๆ ไปเลย ดังนั้นสำหรับผมห้องนอนจึงมีความสำคัญมากสำหรับแฮปปี้ไลฟ์ ถ้าอยากจะมีความสุขในชีวิต การนอนมีส่วนสำคัญมากๆ ทีนี้ในการมีห้องนอนที่ดีมีความสุข ที่นอนจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเราต้องใช้เวลากับมันไปทั้งคืน ฉะนั้นเลยเป็นที่มาของ SleepHappy ที่จะทำที่นอนซัพพอร์ตให้นอนอย่างมีความสุข”

เบื้องหลังการออกแบบ ที่นอน SleepHappy ที่เริ่มจากการเข้าใจลูกค้า
ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของการนอน และปัญหาการนอนที่หลายคนประสบอยู่ทุกคืน SleepHappy จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพื่อทำให้ชีวิตหลังตื่นแฮปปี้มากขึ้น ซึ่งการผลิตที่นอนออกมาในแต่ละรุ่น คุณวิกรม เล่าว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการวิจัยความต้องการของผู้ใช้งานอย่างเข้มข้น ทุกรุ่นเริ่มต้นด้วยคำถาม ที่นอนนี้สำหรับใคร? พวกเขากำลังพยายามแก้ปัญหาอะไร? และควรรู้สึกอย่างไรเมื่อตื่นนอน?
จากนั้นจะร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นระหว่างทีมงานภายใน ทั้ง วิศวกรโรงงาน และที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์การนอนหลับ ผสมผสานการรองรับตามหลักสรีรศาสตร์ ทำแผนที่คำนวนแรงกดทับ ดูการไหลเวียนของอากาศ และความสบายในการสัมผัสเข้ากับทุกชั้นของวัสดุที่ประกอบกันอยู่ภายในที่นอน
“อันแรกเลยครับ สิ่งสําคัญที่สุดสำหรับผมคือการรีเสิร์ช คุณต้องเข้าใจลูกค้าของคุณ ว่าลูกค้าต้องการอะไร เพราะแต่ละคนมีความต้องการและปัญหาที่ต่างกัน ดังนั้นที่นอนที่เหมาะสมของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เราต้องเข้าใจว่าเขาชอบนอนแบบไหน ชอบนอนตะแคง นอนคว่ำ นอนหงาย เขามีปัญหาอะไรมั้ย ปวดหลังรึเปล่า หลังจากเราได้รีเสิร์ชแล้ว ก็จะนำไปพัฒนาต่อร่วมกับผู้เชี่ยวชาญการผลิต รวมทั้งวิศวกรที่โรงงานของเรา เพื่อดูว่าควรจะใช้โฟมแบบไหน เกรดของยางพารา สปริงเสริมภายใน รวมถึงประเภทของผ้าหุ้ม แล้วผสมผสานกันออกมาเป็นผลิตภัณฑ์”
ดังนั้นการผลิตที่นอนแต่ละรุ่นของ SleepHappy จึงไม่ได้เน้นที่วัสดุตัวใดตัวหนึ่ง แต่เป็นการมิกซ์แแอนด์แมทช์ หรือผสมผสานหลายวัสดุ โดยใช้เทคนิคและเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วยพัฒนา เพื่อสร้างสรรค์ที่นอนที่ตอบโจทย์ความต้องการที่ต่างกันของผู้ใช้งาน

“เราทํางานไปพร้อมกับโปรดักต์เอ็นจิเนียร์ เพื่อดูว่ามีวัตถุดิบ หรืออินโนเวชันอะไรในตลาดบ้าง และด้วยความที่เรามีโรงงานของตัวเองทำให้เราสามารถพัฒนาและแก้ไขจุดบกพร่องของสินค้าได้เร็วมาก เพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุดก่อนวางจำหน่าย ซึ่งใน ที่นอน SleepHappy ทุกหลัง เราให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบมากที่สุด วัสดุต้องดีที่สุด มีความหนาแน่นสูง สปริงต้องหนาและทันสมัยที่สุด เพื่อให้คงทนต่อการใช้งาน ดังนั้นที่นอนของเราจะรองรับน้ำหนักได้มากถึง 300 กิโลกรัม สามารถม้วนได้เพื่อสะดวกต่อการขนส่ง ซึ่งถ้าโครงสร้างของที่นอนไม่แข็งแรง จะไม่สามารถทำแบบนี้ได้เลย”
คุณวิกรมยังเสริมด้วยว่า แม้ในตลาดจะมีที่นอนหลากหลายเทคโนโลยี แต่สำหรับ SleepHappy เป็นแบรนด์ที่โฟกัสเฉพาะเทคโนโลยี Pocket Spring เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีการนอนที่ทันสมัยที่สุด การแยกกันของสปริงช่วยรองรับการเคลื่อนไหวของผู้นอนได้ดี เมื่อมีการขยับจะไม่ส่งแรงสะเทือนถึงคนข้างๆ ทำให้หลับสนิทแบบไม่สะดุด
“ไม่เพียงเทคโนโลยีของโฟม ยางพารา หรือสปริงเท่านั้น อีกส่วนสำคัญคือผ้าหุ้ม เพราะตอนนอนส่วนที่สัมผัสกับผิวเรามากที่สุดก็คือส่วนนี้ เราจึงเลือกใช้ผ้าคุณภาพสูง มีนวัตกรรมเข้ามาทำให้นอนสบายขึ้น เช่น ผ้าที่มีความเย็น ใช้ผ้า Tencel ที่มีเส้นใยปลอดสารพิษ และเคลือบสารสกัดจากว่านหางจระเข้ รวมทั้งยังต้องป้องกันฝุ่นและไรฝุ่น
“ซึ่งสิ่งเหล่านี้ SleepHappy สามารถผลิตได้เอง รวมทั้งมีซัพพลายเออร์ที่จะผลิตให้เราตามต้องการ ดังนั้นด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เรารู้กระบวนการผลิตที่นอนตั้งแต่ A-Z นั่นหมายความว่าเวลาพัฒนาสินค้า เราไม่ได้แค่นำสิ่งที่มีในตลาดมาประกอบกันแล้วขายต่อ แต่มีการรีเสิร์ช และพัฒนาทุกกระบวนการอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้ที่นอนที่มีคุณภาพสูง ในราคาสมเหตุสมผล”

จากการดำเนินธุรกิจนี้มาโดยตลอด คุณมองการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้อย่างไร?
ในฐานะที่ คุณวิกรม คลุกคลีกับธุรกิจผลิตที่นอนมาหลายสิบปี จึงเห็นความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งเทรนด์การอยู่อาศัยของผู้คนในปัจจุบัน โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีการปรับเปลี่ยนไปอย่างมากหลังการระบาดของโควิด-19 ผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และการพักผ่อนมากขึ้น ดังนั้นการนอนหลับจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของ ‘ที่นอน’ อีกต่อไป แต่พวกเขากำลังมองหาโซลูชันเพื่อการนอนหลับที่สมบูรณ์แบบ เพื่อรองรับสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และพื้นที่ส่วนของพวกเขา
ซึ่งความรู้ความเข้าใจในความต้องการนี้ ไม่เพียงทำให้ คุณวิกรม ใช้วางแผนการตลาดเพื่อส่งเสริมธุรกิจได้ตรงจุดเท่านั้น แต่ยังนำไปเป็นข้อมูลเพื่อสร้างสรรค์ที่นอน รวมทั้งสินค้าและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เพื่อให้ SleepHappy กลายเป็น Total Sleep Solution ของทุกคน
โอกาสที่มองเห็นของอุตสาหกรรมนี้ มาจากการพบว่าผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันต้องการ การนอนหลับเพื่อสุขภาพ มีความเข้าใจว่าการนอนหลับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ผิวพรรณ ความสมดุลของฮอร์โมน การมีสมาธิ รวมทั้งอาการปวดเมื่อยของร่างกาย และภูมิคุ้มกัน ที่นอน SleepHappy ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ โดยเฉพาะการรองรับแนวกระดูกสันหลังและคลายอาการปวดเมื่อย เหมาะกับผู้คนในยุคนี้ที่มักมีอาการออฟฟิศซินโดรม ด้วยสัมผัสแน่นแต่ยืดหยุ่น วัสดุภายในมีการผสมผสานหลายวัสดุและใช้เทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องการระบายอากาศได้ดี รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ และไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณ เพื่อให้นอนหลับอย่างปลอดภัยและเป็นสุข

รวมทั้งให้ความสำคัญกับ การนอนหลับที่ส่งเสริมประสิทธิภาพของร่างกายและจิตใจ ปัจจุบันผู้คนไม่ได้มองหาที่นอนแค่เพื่อนอนหลับให้พอเท่านั้น แต่ต้องการการพักผ่อนที่ลึกกว่า และมีรอบการหลับ REM ที่ดีขึ้น (REM Sleep Cycle หรือ Rapid Eye Movement Sleep)— หมายถึงความสบายกาย การรองรับที่ตรงจุด และการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพที่นอนหลายรุ่นของ SleepHappy ไม่ว่าจะเป็น Element, Atlantis หรือ Hotel Collection ล้วนผ่านการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ และเลือกใช้เทคโนโลยีวัสดุ เช่น Pocket Spring, Latex และ Memory Foam เพื่อให้ผู้ใช้งานหลับสนิท ลดการตื่นกลางดึก และฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเต็มที่
ด้วยการเป็นผู้ผลิตมายาวนาน จึงทำให้ SleepHappy เข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานเป็นอย่างดี ว่าผู้ใช้งานต้องการที่นอนที่คุ้มค่า คุ้มราคาที่ต้องจ่าย อีกเป้าหมายในอนาคตจึงเป็นการต่อยอดสิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดในการผลิตที่นอนที่มี คุณภาพดีสำหรับทุกงบประมาณ เพราะในปัจจุบันตลาดของที่นอนคุณภาพสูงเริ่มขยายไปสู่ผู้บริโภคในต่างจังหวัดและครอบครัวที่กำลังเติบโต พวกเขาต้องการที่นอนที่ดีในราคาที่เอื้อมถึง นั่นเป็นเหตุผลให้ SleepHappy กำลังพัฒนาสินค้าคอลเลคชันใหม่ เรียกว่า Basic Collection ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ใช้มาตรฐานเดียวกับที่นอนสำหรับโรงแรม และจำหน่ายในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
“SleepHappy จะไม่ได้ขายแค่ที่นอนเท่านั้น แต่เป็นแบรนด์ที่สนับสนุน ไลฟ์สไตล์การนอนหลับที่ดีขึ้น ตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงการจัดส่งที่รวดเร็ว เพราะเรารู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และเราสามารถที่จะตอบสนองสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยคุณภาพสินค้า และราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง”

ในฐานะผู้บริหาร คุณใช้แนวคิดใดในการบริหารธุรกิจ?
การนำธุรกิจของครอบครัวมาต่อยอดอย่างเป็นตัวเอง และสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงไม่กี่ปี เป็นเรื่องที่แม้จะมีประสบการณ์มาก แต่ก็อาจทำได้ยาก คุณวิกรม บอกว่าก่อนที่เขาจะลงทุนหรือริเริ่มทำโปรเจ็กต์อะไรสักอย่าง “ข้อมูล” เป็นเรื่องที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด ถ้ามีข้อมูลเชื่อถือได้ พิสูจน์ได้ จะทำให้การวางแผนชัดเจนและรัดกุม เมื่อมีข้อมูลที่ดีแล้วแล้วจึงเสริมด้วยความแข็งแรงของระบบการทำงานที่รัดกุม กระชับและทำซ้ำได้ อีกส่วนผสมที่สำคัญคือ บุคลากร ซึ่งเป็นพลังในการขับเคลื่อนองค์กรให้ไปสู่เป้าหมาย
“ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นอย่างมากในข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นอัตรากำไรระดับ SKU หรือ ROAS ของโฆษณา เพราะเราอยู่ในโลกดิจิทัลแล้ว การจะนำเสนออะไรจะต้องมีเดต้าหรือฐานข้อมูลมารับรอง แม้ว่า SleepHappy จะเป็นธุรกิจครอบครัว แต่เราก็ให้ความสำคัญกับแบรนดิ้ง ซึ่งจะทำให้เราเป็นที่จดจำและมีทิศทางชัดเจน นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างระบบที่รัดกุม ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการตลาด กระบวนการจัดเก็บ คลังสินค้า หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่ามีความกระชับ ทำซ้ำได้ และมีความรับผิดชอบ
“ในฐานะผู้นำ ผมได้เรียนรู้ว่าหน้าที่ของผมไม่ใช่การทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่เราต้องหาคนเก่งเข้ามาช่วยทำงาน ฉะนั้นผมให้ความสำคัญกับการคัดสรรบุคลากรมากๆ ใน SleepHappy จึงเต็มไปด้วยคนที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในสายงานของเขา ทุกคนสามารถคิดและพัฒนางานของตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยที่ผมยังคงดูแลภาพรวม กำหนดทิศทาง แก้ปัญหา และอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งรักษาระดับมาตรฐานของสินค้าและบริการ รวมทั้งมีส่วนร่วมในรายละเอียดที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านประสบการณ์ของลูกค้า การควบคุมต้นทุน และการเล่าเรื่องของแบรนด์”
วางกลยุทธ์การเติบโตของ SleepHappy ไว้อย่างไร?
ในตอนเริ่มต้น SleepHappy เริ่มจำหน่ายทางออนไลน์ 100% และขายตรงสู่ผู้บริโภค (D2C) โดยไม่ผ่านคนกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนส่วนต่าง ทำให้สามารถตั้งราคาที่เข้าถึงได้ ในขณะที่ยังคงคุณภาพสินค้าระดับพรีเมียม ซึ่งหลังจากดำเนินการจำหน่ายในรูปแบบนี้ทำให้ SleepHappy ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และในปีนี้มีการวางกลยุทธ์ให้เข้าสู่ช่องทางใหม่ และขยายสู่ต่างประเทศมากขึ้น
โดยทางออนไลน์ จะเพิ่มการมุ่งเน้นในช่องทาง TikTok ซึ่งเป็นช่องทางที่ SleepHappy ยังไม่เคยมีมาก่อน ความน่าสนใจของแพลตฟอร์มนี้คือการเป็นช่องสำหรับคนขายและผู้ซื้ออย่างแท้จริง หากใช้ช่องทางนี้ก็จะช่วยให้เข้าถึงผู้ซื้อได้หลากหลายและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น SleepHappy ยังวางกลยุทธ์การเติบโตสู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขยายฐานผู้ซื้อ และนำสินค้าแบรนด์ไทยไปเป็นหนึ่งในใจชาวอาเซียน ด้วยความเข้าใจพฤติกรรมและประวัติศาสตร์ร่วมของผู้คนในภูมิภาค จึงมีความเป็นไปได้ที่จะพา SleepHappy เดินทางไปสู่การเป็น Total Sleep Solution ของอาเซียน

“อีก 3 ปีข้างหน้า เรามีแผนจะขยายสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างมาก หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เราสนใจที่จะขยายไปสู่ตลาดนี้ คือ พฤติกรรมผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ เริ่มเปลี่ยนจากการซื้อผ่านหน้าร้านไปสู่อีคอมเมิร์ซ และยังไม่มีแบรนด์เจ้าตลาดที่แข็งแรงเหมือนในสหรัฐฯ จึงเป็นโอกาสสำหรับ SleepHappy ในการสร้าง Loyalty ได้อย่างรวดเร็ว
“ในปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี และมีจำนวนประชากรมาก จึงเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้า “คุณภาพไทย” ไปยังต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุด คือ ช่องทางอีคอมเมิร์ซในประเทศเหล่านี้มีโครงสร้างคล้ายกับประเทศไทย และเรามีความเข้าใจในระบบเหล่านี้อย่างดี จึงพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ”

ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพการนอนมากขึ้น SleepHappy พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้?
“เราเชื่อมาโดยตลอดว่าการนอนที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของที่นอนเท่านั้น แต่คือ ‘คุณภาพของสภาพแวดล้อมในการนอน’ เพื่อตอบโจทย์นี้ เราจึงพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ในหมวดอุปกรณ์เสริมการนอน ไม่ว่าจะเป็นหมอนเพื่อสุขภาพ ท็อปเปอร์เย็นสบาย ชุดผ้าปูที่นอนที่นุ่มพิเศษ หรือแม้แต่กลิ่นหอมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
“เพื่อให้แบรนด์ SleepHappy เป็น Total Sleep Solution ที่ช่วยเติมเต็มทุกองค์ประกอบของการนอนหลับ เพราะเราเชื่อว่า “วันที่ดีที่สุด เริ่มต้นจากคืนที่หลับสบาย” และเรามีมากกว่าคำว่า ‘แมตเทรสแฮปปี้’ เพราะ ‘เราคือ SleepHappy’”