โฮมคาเฟ่ Parco House ที่ปลูกความสุขกลางสวนป่าโข่ - บ้านและสวน

โฮมคาเฟ่ Parco House ที่ปลูกความสุขกลางสวนป่าโข่

โฮมคาเฟ่ แห่งนี้มีชื่อว่า Parco House หากฟังเพียงชื่อ หลายคนอาจนึกถึงบ้านสวนในยุโรป แต่เบื้องหลังชื่อนี้มีที่มาจากภาษาเหนือที่เรียกพื้นที่รกว่า “ป่าโข่” ซึ่งเป็นสภาพดั้งเดิมของพื้นที่แห่งนี้ในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะกลายเป็นคาเฟ่แสนอบอุ่นที่หลายคนหลงรัก

โฮมคาเฟ่
เรือนสองชั้นใต้ชายคาไม้เก่าแทรกตัวกลมกลืนไปกับต้นไม้ใหญ่ที่คงอยู่เดิม สะท้อนแนวคิดการออกแบบที่ให้ธรรมชาติเป็นองค์ประกอบร่วมกับตัวบ้านอย่างเคารพบริบทเดิม
โฮมคาเฟ่
ทางเข้ากรุด้วยกระจกใสเปิดมุมมองให้เชื้อเชิญและให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และทำลานทรายเด็กเล่นไว้ด้านหน้าในระยะที่ผู้ปกครองมองเห็นได้ชัดจากในร้าน
โฮมคาเฟ่

โฮมคาเฟ่ แห่งนี้เป็นของ คุณเติม – ณรงค์ จันทรมาศ เจ้าของบ้าน ได้นำคำว่า “ป่าโข่” มาต่อยอดเป็น “ปาโค่” (Parco) ที่พ้องเสียงกับคำว่า “สวน” ในภาษาอิตาลี จนกลายเป็นชื่อใหม่ที่ทั้งไพเราะและมีความหมาย เมื่อรวมกับความตั้งใจในการปลูกสวน ปลูกบ้าน และปลูกความสุขไว้กลางพื้นที่สีเขียว Parco House จึงเป็นมากกว่าคาเฟ่ แต่คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความรัก ความคิดสร้างสรรค์ และเรื่องราวที่อยากแบ่งปัน โดยมี คุณเกียรติ – บุญเกียรติ พุทธา Digital Marketing Consultant เป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญในการผลักดันให้ไอเดียนี้เบ่งบาน

จุดเริ่มต้นคือครอบครัว

ความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่แห่งนี้เริ่มต้นจากความรักที่เรียบง่ายในครอบครัว คุณเติมซื้อหลองข้าวหรือยุ้งข้าวเก่าจากช่างไม้ที่รู้จัก ด้วยความหลงใหลในเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น และมีความตั้งใจจะรีโนเวตให้เป็นที่อยู่อาศัยในอนาคต หลองข้าวหลังนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ 1 ไร่ มีขนาดราว 80 ตารางเมตร และถูกปล่อยทิ้งไว้นานนับสิบปี จนเมื่อหลานชาย น้องไทเกอร์ ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ในช่วงโควิด-19 และภาวะฝุ่นควัน PM2.5 ความผูกพันกับหลานทำให้คุณเติมบินจากกรุงเทพฯ มาหาบ่อยครั้ง และเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ของพื้นที่แห่งนี้อีกครั้ง

โฮมคาเฟ่
โฮมคาเฟ่
โต๊ะใกล้ห้องน้ำกลายเป็นมุมโปรดของลูกค้า ด้วยการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และต้นไม้น้อยใหญ่ ช่วยเบี่ยงสายตาและสร้างบรรยากาศอบอุ่นจนลืมไปเลยว่านี่คือหน้าห้องน้ำ
โฮมคาเฟ่
พื้นที่ใต้ถุนเรือนเดิมที่ปรับให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยโครงสร้างเหล็กและทำคานเหล็กพาดช่วงยาวช่วยเปิดพื้นที่โล่งโดยไม่ต้องมีเสากลาง
โฮมคาเฟ่
โฮมคาเฟ่
โฮมคาเฟ่
โฮมคาเฟ่

บ้านหลังนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอยลึกของอำเภอสันกำแพง เคยรกครึ้มดุจ “ป่าโข่” ตามคำเรียกของคนเหนือ เริ่มต้นจากการจัดระเบียบพื้นที่โดยถางหญ้าและตัดแต่งต้นไม้ เพื่อให้หลานสามารถวิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัย หลองข้าวเก่าที่ถูกปล่อยไว้นานก็ถึงเวลาต้องปรับปรุงใหม่ ทั้งเสริมโครงสร้างด้วยเสาเหล็ก และขยายพื้นที่ร้านเพิ่มขึ้นอีกราว 100 ตารางเมตร เพื่อรองรับบทบาทใหม่ในฐานะคาเฟ่ แรงบันดาลใจอีกอย่างคือการที่คุณเติมเป็นนักสะสมของตกแต่งจากการเดินทางไปต่างประเทศ จึงเปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นร้านที่ผู้มาเยือนได้ร่วมสัมผัสความงามในแบบที่ตนเองรักโดยตั้งใจจัดวางของเหล่านั้นไว้ทั่วบ้าน เมื่อพี่สาวกับพี่เขยเกษียณอายุพอดี คุณเติมจึงชวนให้มาช่วยกันทำร้าน โดยเชื่อมโยงกับสิ่งที่ทั้งสองถนัด พี่สาวมีฝีมือในการทำอาหาร ส่วนพี่เขยเคยเป็นนักพัฒนาชุมชนที่มีความชำนาญในการสอนทำอาหารให้ชาวบ้าน การกลับมาลงมือทำร้านร่วมกันอีกครั้งจึงเติมเต็มชีวิตให้ทั้งสองคนได้มีกำลังใจ มีรายได้ และสนุกกับสิ่งที่รัก ทุกคนในครอบครัวจึงได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้งในพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ต้อนรับเพื่อนฝูงในช่วงเทศกาล และวันนี้ได้กลายเป็นคาเฟ่ที่ยังคงอบอุ่นเหมือนบ้าน พร้อมเปิดต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม

ตกแต่งภายในให้มีกลิ่นอายพหุวัฒนธรรม

ในช่วงที่คาเฟ่เชียงใหม่ส่วนใหญ่เน้นการตกแต่งแบบมินิมัลเกาหลี Parco House เลือกการหยิบยืมเสน่ห์ของงานคราฟต์พื้นถิ่นล้านนาเข้ามาผสมผสานกับของสะสมจากการเดินทาง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในร้านไม่มีชิ้นไหนเหมือนกัน โดยเฉพาะโต๊ะไม้ที่สะท้อนความหลากหลายของภูมิปัญญาช่างพื้นบ้านที่เรียกว่า “สล่า”อย่างชัดเจน

โต๊ะไม้จากลำพูนมีเอกลักษณ์ที่ความเนี้ยบและความเรียบ ผิวไม้ถูกไสจนเนียนเรียบ บ่งบอกถึงความประณีตและการควบคุมของช่าง ส่วนงานจากบ้านถวายเลือกที่จะโชว์ความงามของเสี้ยนไม้ เส้นใยไม้ที่ไม่เรียบเป็นระเบียบ แต่กลับให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและจับต้องได้ ขณะที่ช่างจากแม่ริมเลือกปล่อยให้รอยครูดจากเลื่อยยังคงอยู่บนผิวไม้ นิยามของความงามจึงไม่ตายตัว แต่แสดงออกผ่านบริบทและภูมิหลังของแต่ละท้องถิ่น ของตกแต่งอื่น ๆ เช่น หมอนอิงจากผ้าทอกะเหรี่ยงที่ทอด้วยกี่เอว งานจักสาน หวาย ไม้เก่า หรือของจากบาหลี ล้วนถูกร้อยเรียงเข้ากันอย่างลงตัว ทำให้ภาพรวมของร้านเต็มไปด้วยรายละเอียดที่มีชีวิตและเรื่องเล่า นอกจากความงามแล้ว ด้านการออกแบบผังร้านยังแยกโซนแห้งและเปียกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบโครงสร้างที่คิดเผื่อการดูแลในระยะยาว

ออกแบบพื้นที่ส่วนตัวไว้ชั้นบนของเรือน โดยมีทางขึ้นเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนผ่านสู่พื้นที่พักผ่อน ราวบันไดฉาบปูนให้ผิวสัมผัสไม่เรียบเพิ่มความรู้สึกเป็นธรรมชาติ
ออกแบบห้องนอนให้เหมือนอยู่รีสอร์ตด้วยโทนสีขาวให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เปิดรับแสงธรรมชาติผ่านบานหน้าต่างรอบด้าน และทำฝ้าเพดานสูงตามโครงสร้างจั่ว ช่วยให้บรรยากาศโปร่งโล่งไม่อึดอัด
จัดวางเดย์เบดไว้ปลายห้องเพื่อสร้างพื้นที่ยืดหยุ่นสำหรับเปลี่ยนอิริยาบถ ทั้งนั่งและนอน ให้บรรยากาศแบบไม่เป็นทางการ
ฝ้าเพดานลาดเอียงตามโครงหลังคาเดิม สร้างสเปซที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ทำให้มุมพักผ่อนใต้จันทันดูนุ่มนวลเหมาะกับการเอนหลัง
ประตูไม้เก่าดัดแปลงเพิ่มผ้าม่านบางกรองแสงตรงช่องกระจก รูดเปิด-ปิดได้ตามการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา
ออกแบบผนังบานเลื่อนซ่อนพื้นที่ส่วนแต่งตัวและห้องน้ำไว้ด้านหลัง ช่วยจัดระเบียบฟังก์ชันการใช้งานให้ดูเรียบร้อย
ออกแบบห้องน้ำแยกโซนแห้งโซนเปียกอย่างชัดเจน โดยโซนแห้งฉาบผิวไม่เรียบให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ ขณะที่โซนเปียกกรุกระเบื้องเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา

ห้องนอนสไตล์รีสอร์ตที่อยู่ชั้นบนคือพื้นที่ความสุขในชีวิตประจำวันของคุณเติม เป็นหนึ่งตัวอย่างของการใช้ชีวิตอย่างมีรสนิยม ผสมผสานความรู้เรื่องโรงแรมเข้ากับความชอบส่วนตัว ออกแบบพื้นให้มีโทนสีอบอุ่น พื้นผิวผนังเลือกทำเป็นเท็กซ์เจอร์แบบฉาบปูนโบราณ ให้แสงเล่นกับผนัง เกิดมิติความงามแบบไม่ต้องประดิษฐ์ เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นเป็นไม้เก่าจากบ้านโคโลเนียลภาคเหนือ บานประตูไม้สักเก่า กระจกครึ่งวงกลมจากหน้าต่างบ้านเก่าที่ให้ความรู้สึกกึ่งย้อนยุคกึ่งร่วมสมัย แม้แต่สุขภัณฑ์อย่างชักโครกก็เลือกให้เหมาะกับสรีระ เนื่องจากเจ้าของบ้านมีปัญหาสุขภาพด้านกระดูก จึงต้องใส่ใจทุกรายละเอียด เป็นพื้นที่พักผ่อนที่สะท้อนอัตลักษณ์ได้อย่างตรงใจ

ออกแบบระเบียงชั้นบนให้ยื่นออกจากตัวเรือนท่ามกลางกลุ่มไม้ใหญ่ เปิดมุมมองสู่ระดับเรือนยอด สร้างประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติ

ความสุขที่ปลูกได้

Parco House ไม่ใช่เพียงคาเฟ่สำหรับนักท่องเที่ยว แต่คือสถานที่ที่ให้โอกาสกับผู้คนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็น “ลุงดวงดี” อดีตพนักงานเทศบาลที่เคยประสบอุบัติเหตุจนต้องเลิกอาชีพเดิม แต่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในฐานะคนสวนที่ดูแลต้นไม้และดอกไม้อย่างพิถีพิถัน หรือ “ป้าอ๊อด” ผู้เคยป่วยแต่เมื่อได้มาช่วยงานในครัว ทำให้เธอกลับมามีกำลังใจ มีรายได้ และสุขภาพดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด รวมถึงบรรยากาศครอบครัวของเจ้าของร้านเอง ที่ทุกวันคือการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความหมาย หลานชายที่เคยเป็นแรงบันดาลใจเริ่มต้น วันนี้ก็ยังมาวิ่งเล่น ช่วยกวาดใบไม้แลกค่าขนม และมีแมวจรชื่อ “ส้มเช้ง” เป็นเพื่อนประจำร้าน พื้นที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยพลังชีวิต ความเรียบง่าย และความอบอุ่นที่สัมผัสได้จริงในทุกมุมมอง Parco House จึงไม่ใช่แค่คาเฟ่ในสวน แต่คือพื้นที่ที่เปลี่ยนชีวิตผู้คน และปลูกความสุขไว้กลางใจของทุกคนที่มาเยือน

เจ้าของ-ออกแบบตกแต่งภายใน : คุณณรงค์ จันทรมาศ และคุณบุญเกียรติ พุทธา Parco House – ปาโค่ เฮ้าส์ 


เรื่อง : ปาราเมศ เมนะเนตร

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม, ณัฐวรรธน์ ไทยเสน

สไตล์ : Suntreeya

บ้านเล็กในสวนใหญ่ ที่มีลานเล่นสนุกอยู่ใจกลางบ้าน

บ้านศาลาหนองจอก เชื่อมโยงวิถีชีวิตในวันวาน ผ่านพื้นที่ศาลาและใต้ถุน

บ้านสาบเมือง พื้นที่ร่วมอาศัยของครอบครัวและสตูดิโอออกแบบ