ปรับบ้าน ให้อเนกประสงค์ด้วย 4 ไอเดีย - บ้านและสวน

ปรับบ้าน ให้อเนกประสงค์ด้วย 4 ไอเดีย

ปรับบ้าน ให้พร้อมรับทุกจังหวะของชีวิต ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ยืดหยุ่น ใช้งานได้จริง และเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามความต้องการของคนในบ้านในแต่ละช่วงเวลา

ปรับบ้าน

ไอเดีย ปรับบ้าน ให้อเนกประสงค์ ใช้งานได้มากขึ้น

ปรับบ้าน

ปรับบ้าน

ทุกตารางเมตรของบ้านมีคุณค่ามากขึ้น เมื่อสามารถปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ชีวิตที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพับเก็บพื้นที่ใช้งานให้เรียบร้อยหลังเลิกงาน เปลี่ยนบรรยากาศมุมนั่งเล่นให้กลายเป็นมุมพักผ่อนสุดชิลในยามเย็น หรือออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้ซ่อนฟังก์ชันได้อย่างแนบเนียน รวมถึงการเตรียมบ้านให้พร้อมเปลี่ยนตามช่วงวัยของคนในครอบครัว เพราะบ้านที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องอยู่สบายและยืดหยุ่นไปพร้อมกับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเสมอ เราจึงรวม 4 ไอเดียที่ใช้ได้จริง เพื่อให้บ้านหลังเดิมกลายเป็นพื้นที่ที่พร้อมใช้งานในทุกจังหวะของชีวิต

1. พับ ปรับ เปลี่ยน พื้นที่เล็กให้ขยายใหญ่ขึ้น

การสร้างพื้นที่เล็ก ๆ ให้ใช้งานได้หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบ้านยุคใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมมากมายในพื้นที่จำกัดหรือผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ที่บ้าน เช่น มุมหน้าบ้านหรือพื้นที่ด้านข้างเล็ก ๆ ที่สามารถออกแบบให้พับเก็บได้ เมื่อเปิดออกอาจกลายเป็นโต๊ะทำงาน แผงขายของเล็ก ๆ หรือเคาน์เตอร์สำหรับเสิร์ฟกาแฟ พอปิดร้านหรือจบกิจกรรม ก็พับเก็บกลับเข้าไปในผนังหรือบานตู้ได้อย่างเรียบร้อย

เคล็ดลับการออกแบบ

-ใช้กลไกบานพับหรือรางเลื่อนที่แข็งแรง  เพื่อให้เปิด–ปิดลื่น ไม่ฝืด และใช้งานได้นานโดยไม่เสียรูป

-เลือกวัสดุเบาหาเปลี่ยนได้ง่าย เช่น ไม้อัดเคลือบลามิเนต หรือไม้อัดยางเคลือบสี ช่วยลดน้ำหนักโดยรวม เคลื่อนย้ายง่าย และมีความทนทานพอสมควรต่อการใช้งานประจำวัน

-โต๊ะพับใช้งาน หรือเคาน์เตอร์เล็กสำหรับขายของ/เสิร์ฟกาแฟ: ขนาด 60–80 x 90–120 เซนติเมตร

ขนาดกะทัดรัด ใช้ได้ทั้งทำงาน นั่งเล่น หรือปรับเป็นแผงขายเล็ก ๆ ได้โดยไม่เปลืองพื้นที่

2. เปลี่ยนบรรยากาศ ปรับฟังก์ชันในมุมเดียว

การออกแบบบรรยากาศของพื้นที่ให้เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาสามารถสร้างความรู้สึกที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของวันได้ เช่น กลางวันใช้แสงธรรมชาติหรือแสงไฟที่มีความสว่างเพียงพอเหมาะสมกับการทำงาน ส่วนช่วงเย็นสามารถปรับแสงให้เบาลงเพื่อสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลและผ่อนคลายรวมถึงการใช้ม่านปรับแสง โคมไฟตั้งโต๊ะ หรือการจัดวางต้นไม้ก็สามารถช่วยเปลี่ยนความรู้สึกของพื้นที่จากกิจกรรมที่เป็นทางการให้กลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในยามค่ำคืนได้อย่างลงตัวในพื้นที่เดียวกัน

ปรับบ้าน

ใช้แสงธรรมชาติให้คุ้มค่า

-ออกแบบพื้นที่ให้มีช่องเปิด เพื่อรับแสงธรรมชาติในช่วงกลางวัน

-วางโต๊ะหรือที่นั่งระยะห่างจากหน้าต่าง ประมาณ 30–50 เซนติเมตร เพื่อรับแสงธรรมชาติโดยไม่ร้อนเกินไป

-ม่านกรองแสง (Sheer Curtain) เลือกแบบโปร่งแสง ช่วยกระจายแสงนุ่มในตอนกลางวัน และสร้างบรรยากาศอบอุ่นเมื่อมีแสงสว่างจากภายนอกในช่วงค่ำ

เลือกไฟให้ตอบโจทย์ทั้งกลางวัน–กลางคืน

-โคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้น ควรเลือกแบบปรับระดับแสงได้ (Dimmable)

-ปรับบรรยากาศด้วยโทนแสง โดยใช้แสง Daylight (5000K) ในตอนกลางวันซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงาน และเปลี่ยนเป็น Warm White (2700–3000K) ในช่วงเย็นเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย

สร้างบรรยากาศด้วยต้นไม้และของตกแต่ง

-ต้นไม้เล็ก ๆ วางบนโต๊ะหรือพื้น เช่น เฟิน หรือ ลิ้นมังกร ช่วยเพิ่มชีวิตชีวา

-ของตกแต่งที่เคลื่อนย้ายง่าย เช่น หมอนอิง ผ้าคลุมโต๊ะ กรอบรูป ปรับเปลี่ยนอารมณ์ตามฤดูกาล

-ติดรางม่านยาวกว่ากรอบหน้าต่างข้างละ 20–30 เซนติเมตร เพื่อเปิดม่านได้เต็มที่ รับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น

-วางโคมไฟห่างจากเก้าอี้ประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อปรับแสงได้สะดวก และไม่ขวางทางเดิน

3. เพิ่มฟังก์ชันซ่อนอยู่ในดีไซน์

อีกวิธีในการออกแบบคือการซ่อนการใช้งานไว้ในดีไซน์ที่เรียบง่าย เช่น ตู้เก็บของที่พับเป็นเตียงได้ โต๊ะทำงานที่ซ่อนอยู่หลังบานบานตู้ หรือผนังที่เลื่อนเปิดออกเป็นชั้นวางของ การออกแบบที่ใช้ไอเดียแบบซ่อนไว้ก่อนนี้ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่งแต่เต็มไปด้วยฟังก์ชัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบความเรียบร้อยแต่ก็ยังต้องการการใช้งานที่ครบครัน

-เฟอร์นิเจอร์แปลงร่างได้ เพื่อให้ใช้งานได้หลายฟังก์ชันในพื้นที่เดียว ประหยัดพื้นที่และตอบโจทย์ความยืดหยุ่น

-เลือกดีไซน์เรียบและสีอ่อน ช่วยให้ห้องดูกว้าง โล่ง สบายตา โดยเฉพาะเมื่อพับเก็บทุกอย่างแล้ว

-ตู้เก็บของแบบซ่อนโต๊ะ กว้าง 80–100 เซนติเมตร ลึก 35–40 เซนติเมตร สูง 180–200 เซนติเมตร ขนาดพอเหมาะสำหรับวางของ พร้อมซ่อนโต๊ะพับโดยไม่กินพื้นที่มาก

-ชั้นวางของซ่อนในผนัง ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร เป็นขนาดที่ใช้งานได้จริง วางของจำเป็นได้โดยไม่รุกล้ำพื้นที่ใช้สอย

-เตียงพับติดผนัง เผื่อพื้นที่วางเตียงเมื่อกางออกประมาณ 90–100 x 190–200 เซนติเมตร (สำหรับขนาด 3.5 ฟุต) ขนาดมาตรฐานที่นอนเดี่ยว กางใช้งานสบาย พับเก็บง่ายเมื่อไม่ใช้

4. เปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามช่วงชีวิต

บางพื้นที่อาจเริ่มต้นด้วยการเป็นห้องนอนสำหรับลูกเล็ก แต่เมื่อโตขึ้นก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ หรือห้องสำหรับดูแลพ่อแม่ผู้สูงอายุได้ในอนาคต การออกแบบที่คิดเผื่อแบบนี้ต้องอาศัยการวางแผนที่ดี เช่น การเลือกใช้ผนังเบาที่สามารถรื้อหรือย้ายตำแหน่งได้ง่าย การใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวแทนบิลต์อินถาวร หรือการเตรียมปลั๊กไฟและจุดแสงสว่างให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ในอนาคต

-เลือกใช้ผนังโครงสร้างเบา เช่น ผนังยิปซัมหรือระบบผนังสำเร็จรูป เพราะสามารถรื้อเปลี่ยนตำแหน่งง่าย รองรับการปรับสเปซในอนาคต                                                                                                                                      

-วางจุดปลั๊กไว้หลายตำแหน่ง เพราะใช้งานสะดวกเมื่อต้องย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือเปลี่ยนฟังก์ชันห้อง                                  

 -ใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวแทนบิลต์อินถาวร เพื่อให้ขยับหรือหมุนฟังก์ชันได้ตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา

-ประตูควรเผื่อความกว้างประมาณ 90 เซนติเมตร เพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุหรืออุปกรณ์ช่วยพยุงในอนาคต                                                                  

-ถ้าใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ควรเผื่อทางเดินรอบตัวอย่างน้อย 60–80 เซนติเมตร


เรื่อง : Pakaho

ภาพประกอบ : ยอด ถนนตก

ห้องนอนสวยๆ หลายสไตล์ รวมมาให้เอาใจสายพักผ่อน

จัดห้องนอนไม่ให้เป็นแหล่งสะสมฝุ่น ป้องกันการเกิดภูมิแพ้

ติดตามบ้านและสวน