บ้านเล็กในสวนใหญ่ ที่มีลานเล่นสนุกอยู่ใจกลางบ้าน
บ้านเล็กในสวนใหญ่ ของครอบครัวที่ใช้บ้านเป็นทั้งที่ทำงาน โรงเรียนแสนสนุก สนามเด็กเล่นท่ามกลางธรรมชาติ และมีมุมพิเศษ ที่เป็น “บ้านของทุกคนในบ้านจริงๆ”

Designer Directory : สถาปนิก JAI Architect & Interior
ที่แอบอยู่หลังแนวต้นไม้ในสวนป่าร่มรื่น คือ บ้านเล็กในสวนใหญ่ ที่เป็นเหมือนโลกใบย่อมของครอบครัวภูรีศรีศักดิ์ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทั้งคุณอุ๋ม-ภัสสร, คุณมาย- ภิชญะ และ น้องไทนี่-เด็กชายภศิณน์ ภูรีศรีศักดิ์ เด็กชายวัยกำลังซนที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งได้มีบ้านในใจเป็นของตนเอง “เรามองว่าบ้านส่วนใหญ่มีพื้นที่เด็กอยู่น้อย เราเลยอยากเสริมตรงนี้เข้าไปเพื่อให้ลูกรู้สึกว่าเป็นบ้านของเขาด้วย มีสเปซ มีที่อ่านหนังสือ มีที่เรียนรู้ของตัวเขาเองค่ะ” คุณอุ๋มเล่า

เนื่องจากจากทั้งครอบครัวใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบตลอดวัน เพราะคุณมายทำงานที่บ้าน ส่วนคุณอุ๋มก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับน้องไทนี่ ซึ่งเรียนหนังสือแบบโฮมสกูล บ้านที่ทั้งครอบครัวสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างลงตัวจึงเต็มไปด้วยรายละเอียด ทั้งสองตามหานักออกแบบทางเว็บไซต์ต่างๆ โดยดูจากผลงานบ้านที่ชื่นชอบ จนเมื่อเจอกับสถาปนิกที่ตรงใจทั้งในด้านงานออกแบบและวิธีการทำงาน ก็รวบรวมทุกข้อมูลการอยู่อาศัย ลิสต์ทุกรายการเครื่องใช้ในบ้านเตรียมไว้ให้กับ คุณแมน-ศตวรรษ ด้วงช้าง สถาปนิกจาก JAI Architect & Interior ได้ออกแบบบ้านที่จะมี “บ้านของทุกคน” อยู่ภายใน บนที่ดินที่แวดล้อมด้วยญาติมิตรที่อบอุ่นคุ้นเคย


บ้านเล็กในสวนใหญ่ ที่ออกแบบให้ดูแลง่ายสำหรับสมาชิก 3 คน
ที่ดิน 1 ไร่อุทิศพื้นที่เกือบทั้งหมดให้กับสวนและบ่อน้ำธรรมชาติ เจียดมุมเล็กๆ ไว้สำหรับบ้านสองชั้นขนาด 180 ตารางเมตร แม้จะมีที่ดินผืนใหญ่ แต่ความตั้งใจของเจ้าของบ้านกลับอยากให้เป็น บ้านเล็กในสวนใหญ่ สำหรับสมาชิก 3 คนเท่านั้น “อุ๋มขอดูแลบ้านหลังนี้ด้วย 3 คน พ่อแม่ลูกค่ะ ช่วยดูแลกันเองแบบง่ายๆ ไม่ต้องการบ้านหลังใหญ่ ขอเป็นหลังเล็กๆ แต่ฟังก์ชันลงตัว”

ฟังก์ชันที่ลงตัวสำหรับคุณอุ๋มไม่ได้มีเพียงผังห้องที่อยู่สบาย แต่รวมไปถึงฟังก์ชันสำหรับสารพัดข้าวของต่างๆ ก็จะต้องดูกลมกลืนไปกับบ้าน หยิบใช้ง่าย เก็บคืนสะดวก และเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นจะสามารถบรรจุไว้ใบ้านขนาดกะทัดรัดได้ คุณอุ๋มจึงรวบรวมรายชื่อทำเป็นลิสต์อุปกรณ์ที่จะใช้ในบ้าน เป็นข้อมูลให้สถาปนิกได้ออกแบบพื้นที่จัดเก็บไว้อย่างครบถ้วน “บิลท์อินทั้งหมดมาจากการที่อุ๋มลิสต์ของทุกอย่างที่อุ๋มจะนำเข้าบ้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์เบ็ดเตล็ด ทุกย่างต้องมีที่ของมันจริงๆ เพราะอุ๋มตั้งใจว่าจะจัดบ้านเพียงครั้งเดียว
“ช่องนี้สำหรับวางของสำคัญที่มีความหมายในใจ สื่อถึงความสุข ความทรงจำ และการเปลี่ยนแปลง เป็นการต้อนรับกลับบ้านที่อบอุ่น”


“ข้าวของที่มันรกเกิดจากการไม่มีที่อยู่ที่แน่นอนค่ะ ถ้าเรา ‘วางไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน’ มันจะรกขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าเราจัดที่ให้ทั้งหมด มันก็จะไม่กลับมารกอีก แล้วก็จะช่วยลดงานเราด้วยค่ะ” เมื่อจัดระเบียบของใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ก็จัดการปัญหาบ้านรกได้ในระยะยาว และทำให้งานออกแบบโชว์ความงามของบ้านตามที่ตั้งใจได้อย่างเต็มที่
ชีวิตในบ้าน ที่สัมผัสได้ถึงธรรมชาติ
พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เป็นส่วนผสมเพียงครึ่งของบรรยากาศในบ้าน เพราะอีกส่วนสำคัญคือการออกแบบและเลือกใช้วัสดุเพื่อให้ บ้านเล็กในสวนใหญ่ สัมผัสธรรมชาติได้ทุกช่วงเวลา

“ไม้สะเดาทั้งพื้นและฝ้าเพดานใกล้เคียงกับบ้านสมัยก่อนที่เป็นบ้านไม้ ให้มูดแอนด์โทนที่สงบ อบอุ่น เหมาะแก่การเรียนรู้”


“อุ๋มให้โจทย์คุณแมนว่าขอเป็นวัสดุธรรมชาติทั้งหมดในบ้านเท่าที่เป็นไปได้ค่ะ ให้มีมูดแอนด์โทนที่อบอุ่น มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของวัสดุที่เวลาเก่าสีก็จะซีดลง เราเป็นคนชอบแบบนั้น อุ๋มว่ามันบำบัดจิตใจคนในบ้านได้” ผิวปูนเปลือยเป็นวัสดุตั้งต้นที่มาจากความชื่นชอบในลวดลายตามธรรมชาติ สถาปนิกจึงนำมาผสมผสานเข้ากับไม้สะเดา ทาสีเคลือบใสเพื่อให้เห็นลายไม้ชัดเจนและดูเป็นธรรมชาติ ไม้สะเดาเป็นไม้สีสว่าง ช่วยเติมเต็มบุคลิกบ้านให้ดูอบอุ่นละมุนละไม เมื่อเวลาผ่านไปผิววัสดุก็จะสะสมร่องรอยของกาลเวลา เล่าเรื่องราวบ้านไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ สายลม และแสงแดด

นอกจากนี้สถาปนิกยังเติมแต่งชีวิตชีวาภายในบ้านด้วยมิติของแสงธรรมชาติ ทั้งจากช่องเปิดผืนกว้างที่เปิดให้เห็นวิวสวนเต็มตา และจากช่องแสงเล็กๆ ที่เปิดให้แดดส่องลอดแมกไม้ตกมากระทบผืนผนัง เป็นฉากหลังฉายความงามของแสงเงาแต่ละช่วงเวลา ทำให้บ้านที่รองรับการใช้ชีวิตประจำวันเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมที่ดูกลมกลืนไปกับสวนรอบบ้าน
มุมโปรดส่วนตัวที่ยังอยู่ใกล้กัน
แม้กิจกรรมระหว่างวันของทุกคนจะแตกต่าง สถาปนิกก็เชื่อมฟังก์ชันของของสมาชิกแต่ละคนเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ทำให้ทุกคนได้อยู่ในพื้นที่ของตนเองได้โดยไม่รู้สึกตัดขาดออกจากตัวบ้าน “ผมพยายามให้ทุกจุดของบ้านมีช่องเปิดให้มองเห็นกันภายในบ้านแทบทุกส่วน จากข้างบนก็มองลงมาเห็นสนามเด็กเล่น จากห้องทำงานคุณพ่อก็มองลงมาเห็นห้องนั่งเล่นได้”

การออกแบบภายในบ้านจึงเน้นสร้างการเชื่อมต่อจนรู้สึกคล้ายกับเป็นสเปซเดียวกัน ทว่ายังดูเป็นสัดส่วนด้วยสีสันวัสดุและช่องเปิดที่สามารถกั้นห้องแยกจากกันได้เมื่อจำเป็น โดยชั้นล่างประกอบด้วยพื้นที่ใช้งานระหว่างวันอย่างห้องรับแขก ห้องเรียน ห้องรับประทานอาหาร และครัว ส่วนชั้นสองประกอบด้วยก็ประกอบด้วยฟังก์ชันของการพักผ่อนอย่างห้องนอน และห้องทำงานของคุณพ่อซึ่งทำงานในเวลากลางคืน
“เวลาเราทําอาหาร อยากให้ได้บรรยากาศเหมือนสมัยก่อน ที่มีญาติพี่น้อง ปู่ย่าตายายทําอาหาร เราก็มาช่วย เลยขอให้ครัวนี้เป็นครัวหนักครัวเดียวไปเลย อยู่ในห้องแอร์เพื่อให้ทําแล้วมีความสุข”

ฟังก์ชันทั้งสองชั้นโอบล้อมและเชื่อมมุมมองสู่หัวใจสำคัญของบ้าน คือโถงกลางสูงโล่งจนถึงชั้นสองที่ติดตั้งอุปกรณ์ห้อยโหน มุมโปรดของน้องไทนี่ที่จะได้ปล่อยพลังตามวัย ซึ่งคุณอุ๋มตั้งไว้เป็นหนึ่งใโจทย์ตั้งต้นว่า จะต้องมีพื้นที่ออกกำลังสำหรับลูก “ต้องมียิมให้ลูกค่ะ มีที่ให้เขากระโดดโลดโผน เพราะเรื่องฝุ่น PM 2.5 ทำให้ลูกได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ใหญ่ เขาแทบจะออกไปเล่นข้างนอกไม่ได้เลย มันไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าทุ่งนามีความสุข เราอยากให้เขาได้สร้างกล้ามเนื้อ ไม่อึดอัดเวลาอยู่ในห้องที่มีเครื่องฟอก เราก็เลยบอกคุณแมนว่าอยากให้มีสเปซให้น้องได้ออกกำลังกายในบ้านได้ เป็นสนามเด็กเล่นเล็กๆ ของเขา”

“ลูก” ที่มาของสารพัดไอเดียน่ารัก
สถาปนิกเล่าถึงที่มาของหลากไอเดียในบ้านที่สมาชิกทุกคนใช้งานได้อย่างลงตัวนี้ มีสมาชิกตัวน้อยเป็นต้นทางของงานออกแบบ “ที่ผมเคยเจอมา อย่างบางคนมีลูกก็จริง ฟังก์ชันส่วนใหญ่ก็จะคิดจากพ่อแม่มากกว่า แต่โจทย์ของบ้านนี้ชัดเจนมากว่าทุกอย่างคือลูก พ่อแม่ยอมนอนห้องเล็กๆ ใช้ห้องน้ำเล็ก ห้องนอนลูกใหญ่ พื้นที่เล่นลูกใหญ่”






ทั้งสนามเด็กเล่นกลางบ้านที่ทำให้ลูกได้มีพื้นที่ซุกซนที่ปลอดภัย หิ้งพระเก๋ๆ ในห้องเรียนที่ทำให้การสวดมนต์ไหว้พระเป็นเรื่องที่น่าเรียนรู้ ห้องครัวเปิดกว้างเพื่อให้ลูกมาร่วมทำอาหารได้สะดวก สวนขนาดใหญ่ที่เป็นนิเวศธรรมชาติให้ลูกได้ทำความรู้จัก เมื่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้รับการออกแบบให้เป็นห้องเรียนที่เป็นมิตร ไม่ใช่เพียงลูกเท่านั้นที่จะได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างดี แต่พ่อแม่เองก็ได้เติบโตไปข้างหน้าอย่างดีเช่นกัน อย่างที่คุณอุ๋มเองก็รู้สึกได้ผ่านการทำบ้านและเข้ามาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง “เพราะเรารู้ว่าพวกเราใช้พื้นที่นี้เยอะมาก เราเลยต้องการให้บ้านหลังนี้เป็นหนึ่งในตัวช่วยให้ชีวิตของพวกเรามีสุขภาวะที่ดีขึ้น แล้วเราก็รู้สึกได้ว่าความเครียดลดลง ความวุ่นวายก็ลดลง การทำอะไรก็ดูง่ายขึ้น มันดีขึ้นจริงๆ”


เจ้าของ : คุณภัสสร, คุณภิชญะ และเด็กชายภศิณน์ ภูรีศรีศักดิ์
สถาปนิก : JAI Architect & Interior
เรื่อง : ณัฐวรา ธวบุรี
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล
ผู้ช่วยช่างภาพ : พิมพ์ลดา เลิศศรีวรวัชร
ที่ตั้ง : กรุงเทพมหานคร