Siwa House บ้านรีโนเวตที่เปลี่ยนข้อจำกัดสู่ดีไซน์สวย

เจ้าของ-ออกแบบ : SIWA Interior

การรีโนเวตบ้านของสองดีไซเนอร์แห่ง SIWA Interior ที่ทำให้บ้านเป็นทั้งมุมพักผ่อนแสนอบอุ่น และสนามทดลองแมททีเรียลที่ชื่นชอบแต่ไม่มีโอกาสได้เลือกใช้ในงานจริง

ชั่วขณะหนึ่งใต้แสงแดดยามเช้ากลางสวนเล็กๆ ของบ้าน Siwa House ทำให้นึกไปถึงวันพักผ่อนในหมู่บ้านตากอากาศสักแห่ง แม้ความวุ่นวายของเมืองยังคงอยู่ที่ปากซอยห่างออกไปไม่ไกล แต่บรรยากาศก็ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

เดิมบ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลกันนักกับโฮมออฟฟิศของคุณเอ้-รัชนีกร นาครินทร์ และคุณเสก-ศิวะเสกข์ ลอยเดือนฉาย สองนักออกแบบจาก SIWA Interior ทั้งคู่เล่าถึงการใช้ชีวิตทั้งในและนอกเวลาในโฮมออฟฟิศ ที่เป็นแรงจูงใจสำคัญในการตามหาบ้านใหม่ “เรารู้สึกว่า พอบ้านกับออฟฟิศอยู่ใกล้กัน ทำให้เราไม่สามารถตัดขาดจากงานได้” จึงมองหาที่อยู่ใหม่ในย่านที่คุ้นเคยเพื่อทำเป็นบ้านที่ปล่อยใจจากงานได้อย่างเต็มที่ จนมาพบกับบ้านเก่า 2 ชั้นในที่ดิน 95 ตารางวากำลังประกาศขาย ซึ่งพอดีทั้งขนาดและทำเลเงียบสงบ จึงตัดสินใจซื้อและรีโนเวตใหม่ โดยมีโจทย์ใหญ่คือการทำให้บ้านเป็นที่พักผ่อนอยู่สบายสำหรับสองคนและแมวสองตัว

เมื่อเข้ามาภายในจะพบส่วนต้อนรับที่แปลงมาจากเฉลียงหน้าบ้านเดิม ทำให้เมื่อนั่งเล่นอยุ่ภายในบ้านก็รู้สึกว่าได้ใกล้ชิดสวน

สำหรับคุณเอ้แล้ว โซฟาที่ถูกใจอาจไม่ได้มีดีไซน์หวือหวามาก แต่ต้องสร้างความรู้สึกได้ตามที่ต้องการ “เราอยากได้โซฟาที่ให้ความรู้สึกว่าจมลงไปแล้วยังรู้สึกสบาย”

เติมหลากจริตของการพักผ่อนไว้ในมุมบ้าน Siwa House

เมื่อต้องการที่พักผ่อนที่ได้ยืดเหยียดและสูดลมหายใจ สิ่งที่ต้องทำก่อนรีโนเวตคือการรื้อผนังบ้านที่เคยกั้นห้องแยกสัดส่วน เลาะฝ้าที่เคยบังความสูงเพดานจริงออกเหลือไว้แต่โครงเสาคานที่ยังแข็งแรงแล้วออกแบบผังใหม่ให้เหมาะกับการใช้งาน ชั้นล่างเน้นผังที่เชื่อมต่อกัน สร้างบรรยากาศโล่งสบายแบบโอเพ่นแปลน โดยผสมผสานหลากฟังก์ชันไว้ในห้องเดียวเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่ห้องนั่งเล่นที่รวมแพนทรี่ โต๊ะรับแขก มุมโซฟาเข้าด้วยกัน และครัวฝั่งด้านหลังที่พ่วงโต๊ะรับประทานอาหารกลายเป็นสเปซกว้างที่ทำให้ทั้งคนเตรียมอาหารและผู้ร่วมโต๊ะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันได้ นอกจากนี้ การหลอมรวมหลายห้องเข้าด้วยกันและเปิดมุมมองออกไปยังสองสวนที่มีอยู่เดิมทั้งฝั่งหน้าหลัง ก็ทำให้ทุกส่วนในบ้านต่างได้รับวิวสีเขียวและแสงธรรมชาติที่ช่วยเติมความละมุนให้บ้านได้ไม่น้อย

ในขณะที่ชั้นล่างเน้นรวมห้องเข้าด้วยกัน ชั้นสองกลับแยกฟังก์ชันจากกันเพื่อเน้นการพักผ่อน คัดเฟอร์นิเจอร์ให้เหลือน้อยชิ้นเพื่ออาศัยความสบายตาช่วยกล่อมใจให้สงบสบาย ห้องนั่งเล่นจึงออกแบบให้แยกส่วนจากห้องนอน และบริเวณเตียงนอนก็ให้มีเพียงโคมไฟนวลตาและม่านกันแสงสีขรึม เว้นแต่ห้องน้ำส่วนตัวเท่านั้นที่ทำเป็นห้องกว้าง เชื่อมส่วนแต่งตัว ส่วนอาบน้ำ และมุมอ่างอาบน้ำแสงสวยเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การอาบน้ำแต่งตัวเป็นการพักผ่อนอีกรูปแบบที่เจ้าของบ้านสามารถใช้เวลาปรนนิบัติร่างกายได้เต็มที่

Walk-in Closet ขนาดกะทัดรัดที่เชื่อมรวมกันกับห้องน้ำ ทำให้ภาพรวมห้องดูโล่งกว้าง และทำให้ห้องน้ำเป็นสเปซสำหรับการปรนนิบัติร่างกายที่จบในที่เดียว

แม้จะปรับฟังก์ชันเพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ แต่บ้านนี้ก็ไร้ซึ่งมุมนั่งทำงานโดยเฉพาะ อาจเป็นเพราะโจทย์ที่ชัดเจนในการออกแบบบ้านที่ตั้งใจให้เป็นพื้นที่ใช้ชีวิตอีกบทบาทหนึ่งนอกเหนือจากงานประจำ แน่นอนว่าฟังก์ชันบ้านที่ยืดหยุ่นทำให้สามารถกางโน๊ตบุคแล้วปรับโหมดให้จริงจังได้ทุกห้อง แต่บรรยากาศนุ่มๆ ในบ้านก็ชวนให้ใจผ่อนช้า สร้างอารมณ์การทำงานอีกรูปแบบที่หาจากออฟฟิศไม่ได้

**เชื่อมภายใน-ภายนอกด้วยสีสัน** ของบานตู้ที่ดูกลมกลืนไปกับแนวไม้ภายนอก เสริมความรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาติแม้อยู่ภายในอาคาร

ห้องครัวดูสวยเด่นด้วยเคาน์หินแกรนิต Green Picasso และการตกแต่งโทนสีเขียว ด้านหนึ่งกรุผนังไม้สีเข้มซึ่งได้มาจากการรื้อบ้าน นำมาเพลาะและทำสีใหม่ให้สวย

เปลี่ยนข้อจำกัดบ้านให้เป็นมุมสวย

ด้วยสไตล์การออกแบบบ้านสมัยก่อนมีรูปแบบแตกต่างจากบ้านในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นท้องพื้นและท้องคานที่ไม่สูงนัก สเปซกะทัดรัดที่เมื่อทะลายออกเพื่อจัดผังใหม่ก็ได้เสาตั้งอยู่กลา่งบ้าน หรือทางเชื่อมเล็กๆ ที่ไม่สามารถใช้ร่วมกับช่องเปิดมาตรฐานที่มีอยู่ตามท้องตลาดได้ ทำให้ต้องอาศัยเทคนิคปรับแต่งส่วนตัวเพื่อให้เข้ากับการใช้งาน ซึ่งเมื่อผ่านมือเจ้าของบ้านที่เป็นอินทีเรียดีไซเนอร์แล้ว มุมที่เคยเป็นจุดบอดก็กลายเป็นดีเทลสวย ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ห้องโดยที่ยังดูเข้ากันได้ดีกับภาพรวมบ้าน เมื่อมองผ่านก็ดูกลมกลืน และเมื่อใครสังเกตเห็น ก็เป็นบทสนทนาที่เล่าถึงบ้าน Siwa House ได้อย่างน่าสนใจ

ทริคเล็กๆ ข้อหนึ่งของการปรับแปลงดีเทลเฉพาะจุดให้ยังดูเป็นภาษาเดียวกันทั้งห้อง คือเริ่มด้วยการแก้ปัญหา จากนั้นจึง “หาเพื่อน” ให้ดีไซน์นั้นๆ ไม่โดดเดี่ยว อย่างเช่นเส้นโค้งที่นำมาปรับแต่งเสากลางบ้านก็นำไปใช้กับทุกเสาคานในห้อง นอกจากนี้ยังเติมไว้กับเส้นสายฝ้าเพดาน เล่นกับรูปทรงเคาน์เตอร์บาร์ และเพิ่มในลวดลายราวกันตก จึงทำให้การตกแต่งทั้งห้องดูกลมกลืนเป็นดีไซน์เดียวกัน

**เล่นระดับฝ้าเพียงเล็กน้อย** ก็ช่วยลวงตาให้เพดานดูสูงขึ้นได้ในห้องที่มีระดับเพดานจำกัด

เติมมิติด้วยลูกเล่นวัสดุ

กลิ่นอายความเป็นบ้านมาจากส่วนผสมของวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติกับสีสันเรียบน้อยแบบ Tone-on-Tone (การตกแต่งโดยใช้สีเดียวแต่นำมาเข้าคู่ด้วยเฉดเข้ม-อ่อนที่แตกต่าง) อย่างผนังสีเบจ ลวดลายหินธรรมชาติ ไม้โชว์ผิวสว่างตา และแสงสว่างสีอบอุ่น ทว่าที่แฝงอยู่กับบรรยากาศเรียบนุ่มก็คือจริตดีไซเนอร์ซึ่งเติมชีวิตชีวาให้บ้านผ่านผิวสัมผัสหลากหลาย สีสันคอนทราสต์ในสัดส่วนพอดิบพอดี รวมถึงลวดลายเป็นเอกลักษณ์บนผืนผ้าที่เลือกสรรมาจากความชื่นชอบของคุณเอ้ สื่อนัยยะกลายๆ ว่าการออกแบบพื้นที่พักผ่อนไม่ได้เพียงเพื่อให้ได้นอนหลับในบรรยากาศเงียบสงบ แต่เพื่อให้ได้เติมพลังผ่านตัวตนเจ้าของที่ฝากไว้กับบ้านด้วย

ก่อนถึงห้องนอนบนชั้นสองจะพบห้องนั่งเล่นเล็กๆ ที่ใช้เป็นทั้งมุมนั่งเล่นส่วนตัว เป็นส่วนเปลี่ยนผ่านเพื่อปรับอารมณ์ก่อนถึงห้องนอน และยังเป็นสเปซกั้นกลายๆ ที่ช่วยสร้างความสงบให้การนอนหลับสมบูรณ์แบบขึ้น

ห้องนอนมีเพียงเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นในคู่สีเข้มขรึม แต่ในบรรยากาศเรียบสงบก็แฝงจริตดีไซเนอร์ไว้ด้วยดีไซน์หัวเตียงอ่อนช้อยและแพตเทิร์นผ้าลายเก๋

เพราะมิติของความเป็นบ้านไม่สามารถสมบูรณ์ได้ด้วยวัสดุกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องประกอบกับเรื่องราวและการใช้งานจริง การออกแบบบ้านจากดีไซเนอร์ที่เข้าใจโจทย์ดีที่สุดซึ่งคือตัวเจ้าของบ้านจึงเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่ทำให้เส้นสายเฉียบคมและรายละเอียดรุ่มรวยทั้งหลายยังเจือไว้ด้วยความเป็นกันเอง ที่เมื่อใครผ่านมาก็ยังสัมผัสและเชื่อมความรู้สึกไปถึงบ้านที่อบอุ่นในแบบฉบับของตัวเองได้