[ห้องรับแขก] คุยกับ สุธี ลีละยุทธโยธิน ทายาทผู้สานต่อธุรกิจ กำจัดปลวกและแมลง ของ King Service สู่การเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภค

ถ้าพูดถึงบริการรับ กำจัดปลวกและแมลง หลายคนน่าจะได้ยินชื่อของ King Service บริษัทรับกำจัดปลวกที่ให้บริการชาวไทยมายาวนาน แต่น้อยคนจะทราบว่าผู้ให้บริการกำจัดปลวกเจ้านี้ดำเนินกิจการมาถึงปีที่ 48 แล้ว โดยมีจุดกำเนิดจากที่ คุณสุชาติ ลีละยุทธโยธิน ผู้ก่อตั้ง บริษัท คิงส์ เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (King Service) นำประสบการณ์การทำงานในแผนกควบคุมแมลงรบกวน ในบริษัท บอร์เนียว มาเป็นจุดตั้งต้นก่อนจะไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วสั่งสมประสบการณ์เพิ่มมากขึ้นจากการทำงานที่บริษัทกำจัดแมลงในเมือง Los Angeles และกลับมาเมืองไทยด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัทกำจัดปลวกและแมลงรบกวนที่ได้มาตรฐานสากลเป็นรายแรกของไทย ภายใต้อุดมการณ์ PQRS – Punctuality ความตรงต่อเวลา, Quality คุณภาพงานบริการ, Reliability ความไว้วางใจ และ Sincerity ความจริงใจ

จากตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน การบริหารงานได้ส่งต่อมาสู่ทายาท คือ คุณสุธี ลีละยุทธโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงส์ เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งคลุกคลีกับบรรยากาศการทำงานในบริษัทของคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วมาเข้ามาหาวิทยาลัยที่ไทย ก็ได้ซึบซับและเรียนรู้การทำงานภายในบริษัทตั้งแต่ตอนนั้น กระทั่งเรียนจบ คุณสุธี มีโอกาสไปทำงานหาประสบการณ์ตามสายงานด้านคอมพิเตอร์ที่ร่ำเรียนมา ก่อนจะกลับมาบริหารงานในบริษัทของครอบครัวจนถึงปัจจุบัน โดยมีคุณพ่อเป็นทั้งผู้ถ่ายทอดด้านงานบริหาร และเป็นทั้งที่ปรึกษาทางการทำธุรกิจ โดยมีหัวใจหลักคือการบริการเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

บทบาท การเริ่มต้น และการพิสูจน์ตนเอง

คุณสุธี เล่าว่า หลังจากเรียนจบปริญาตรีและโท เขาไปทำงานที่ IBM Thailand อยู่ประมาณ 2 ปี ทางครอบครัวได้ขอให้กลับมาทำงานในบริษัทครอบครัว ตอนนั้นเขาเองก็ยังสนุกกับงาน แต่การกลับมาทำงานที่ King Service ไม่ได้เป็นการฝืนใจหรือรู้สึกเป็นภาระที่ต้องรับช่วงต่อเพราะ “รู้ว่าสักวันหนึ่งเราต้องมาทำงานตรงนี้” ดังนั้นจึงใช้ประสบการณ์ที่ได้รับมาพัฒนาองค์กรต่อไป

ซึ่งในช่วงนั้น King Service ยังรับงานบริการ กำจัดปลวกและแมลง ให้กับบ้านและที่อยู่อาศัยเป็นหลัก เขาจึงเห็นโอกาสที่จะขยายการดำเนินธุรกิจไปสู่การให้บริการที่กว้างขวางขึ้น และหาโอกาสที่ท้าทายมากขึ้น ด้วยการเปิดตลาดสู่ลูกค้าในองค์กรใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สถานที่ราชการ และสนามบิน

“ตอนนั้นผมเพิ่มเรียนจบมาไม่นาน มีความไฟแรง อยากพิสูจน์ตัวเอง ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ผมก็ได้เรียนรู้เรื่องของงานขาย อย่าง ช่วยทำกราฟิกง่ายๆ ทำพรีเซนต์ให้เซลนำไปเสนอลูกค้า ดูแลการออกบูธของบริษัท พอกลับมาดูแลงานบริษัทแบบเต็มตัว ก็มาเรียนรู้งานบริการมากขึ้น ในตอนนั้นสำหรับเด็กอายุ 26-27 ปี การได้ออกไปหาลูกค้าเอง แล้วได้ดูแลห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ อย่าง สยามพารากอน, สยามดิสคัฟเวอร์รี่, มาบุญครอง ก็รู้สึกว่าเราแน่เหมือนกันนะเนี่ย”

“เรียกว่าเป็นการแยกออกมาจากทำธุรกิจหลักของ King Service ที่ตั้งแต่เปิดมา 30 กว่าปีดูแลบ้านคนหรือที่พักอาศัยเป็นหลัก ยังไม่เน้นตลาดองค์กรสักเท่าไหร่ เลยเหมือนเป็นการเปิดศักราชใหม่ของบริษัทให้ได้ทดลองสิ่งใหม่ และเป็นสนามให้เด็กไฟแรงคนหนึ่งได้ลองปล่อยพลัง”

ด้วยอายุที่ยังน้อย ประสบการณ์ทำงานในงานด้านนี้ยังไม่มาก บวกกับการต้องพิสูจน์ตัวเองให้พนักงานเชื่อมั่น สิ่งที่คุณสุธีริเริ่มหลังจากเข้ามาช่วยบริหารบริษัท จึงไม่เพียงเปิดตลาดใหม่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการ “ลงมือทำ” เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเอาจริง และไม่มีสิ่งไหนที่ทำไม่ได้

“ตอนที่พนักงานรู้ว่าเราต้องไปทำงานสเกลใหญ่ระดับแสนตารางเมตร หลายคนกังวลว่าจะทำได้เหรอ เพราะเราไม่เคยรับงานขนาดนั้นมาก่อน สิ่งที่ผมทำคือต้องทำให้เขาเชื่อว่าเราทำได้ ผมวางแผนงานและพาเดินฉีดเองเลย ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่เคยมีคำถามเลยว่าทำไม่ได้ เพราะว่าเราทำให้เขาดูแล้ว”

ความท้าทาย การบริหารการเปลี่ยนแปลง และหลักการดำเนินธุรกิจ

หากมองถึงความท้าทายในการบริหารธุรกิจ คุณสุธี จะแบ่งออกเป็น 3 ข้อ คือ การสืบทอดธุรกิจ การบริหารจัดการคน และความท้าทายในตลาดกำจัดแมลง

ความท้าทายแรก – การแข่งขันในธุรกิจที่ “เปิดง่าย แต่อยู่ยาก”
“เริ่มจากความท้าทายแรก สิ่งที่ผมพยายามต่อสู้มาตลอด 20 กว่าปีของการบริหารคือการผลักดันมาตรฐานการบริการ กำจัดปลวกและแมลง ให้สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องตรึงราคาให้ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ เพราะธุรกิจนี้ “เปิดง่าย แต่อยู่ยาก” ทำให้เกิดการแข่งขันตัดราคา และสร้างความเชื่อที่ผิด ๆ ในตลาด เช่น ผู้ให้บริการไม่บรรจุน้ำยาตามปริมาณที่กำหนดในฉลากบรรจุภัณฑ์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดผลเสียตามมาคือถ้าใช้ในปริมาณน้อยการกำจัดก็ไม่ได้ผล หรือมากเกินไปก็ทำให้สารพิษตกค้าง เกิดอันตรายต่อผู้รับบริการ ซึ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความอยู่รอดของตลาดโดยรวม

“ยกตัวอย่างในประเทศสิงคโปร์ ถ้าคุณจะทําธุรกิจกําจัดแมลง หรือทำธุรกิจร้านอาหาร คุณต้องถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐ ว่าคุณใช้บริการกําจัดแมลงที่มีมาตรฐานไหม คุณมีแมลงสาบเดินป้วนเปี้ยนในร้านหรือเปล่า ถ้าเขาตรวจแล้วเจอถึงจะตัวเล็ก ๆ ร้านอาหารของคุณโดนปิดบริการได้เลย และบริษัทกำจัดแมลงก็จะมีความผิดด้วย มันเลยทำให้เกิดความรับผิดรับชอบในกระบวนการทั้งหมด” และทําให้ตลาดเขามูลค่าสูงกว่าเราหลายเท่า ทั้ง ๆ ที่ประเทศเขาเล็กกว่าเราอีก”

ซึ่งการผลักดันให้เกิดมาตรฐานของการบริการกำจัดแมลง จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งการตรวจสอบและมาตรการควบคุมอย่างจริงจังของภาครัฐ ดังนั้นสิ่งที่ King Service พอจะทำได้ในฐานะผู้ให้บริการ คือการรักษามาตรฐาน และพัฒนาคุณภาพการบริการให้ดีขึ้น ในราคาที่สมเหตุสมผล

“ต้องยอมรับว่าแค่เราคนเดียวคงไม่มีอํานาจขับเคลื่อนมากพอที่จะไปเปลี่ยนแปลงทั้งตลาดได้ สิ่งที่เราทําได้ก็คือพยายามพัฒนาคุณภาพของเราให้ดีขึ้น ตลอดการทำธุรกิจเรายังยึดมั่นในหลักการนี้ จริง ๆ ในช่วงใน 5 – 10 ปีมานี้ เราเริ่มเห็นเทรนด์ที่ลูกค้าหันมาใส่ใจเรื่องคุณภาพมากขึ้น ซึ่งน่าชื่นใจนะครับ ผมเชื่อว่าเมื่อใดที่สังคมไทยให้คุณค่ากับคุณภาพมากกว่าราคา มาตรฐานการบริการก็จะตามมา”

ความท้าทายต่อมา – บริหารความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น  
หลังจากวันที่ คุณสุธี เข้ามารับช่วงต่อจนถึงปัจจุบัน ความท้าทายในฐานะผู้บริหารคือการหลอมรวมความเห็นที่แตกต่างของคนต่างวัย และนับว่าเป็นโชคดีที่เขากับคุณพ่อมักมีความเห็นไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องทิศทางหลักของบริษัท ซึ่งส่งผลดีต่อองค์กรและการบริการ

“ผมมองว่าการกลับมาสานต่อธุรกิจเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการพัฒนา ผมกับคุณพ่อก็มีการถกเถียงกันบ่อย แต่เมื่อเป็นการให้คุณค่าและความสำคัญหลักของบริษัท เราค่อนข้างจะมีความคิดเห็นที่ตรงกัน คือการบริการให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด นั่นคือสิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาสู่การได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า การเติบโตของพนักงาน และองค์กรในทิศทางที่ดี ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเรามาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะสัดส่วนของลูกค้าที่มาจากการแนะนำต่อเยอะมาก รวมถึงรีวิวออนไลน์ใน Google ที่ได้คะแนนสูงถึง 4.8 ดาว”

ในด้านการสืบทอดธุรกิจ คุณสุธี เล่าว่า เป็นธรรมดาที่เมื่อมีแนวคิดใหม่ ๆ เข้ามาย่อมมีการต่อต้านเกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและส่งต่อได้คือ “ความไม่หยุดนิ่ง” เพราะฉะนั้นจึงต้องพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมทั้งการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานทำงานแบบมืออาชีพมากขึ้น

“เราเป็นธุรกิจบริการที่ทำงานกับคนหลายร้อยคน ทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานเปลี่ยนแปลงและมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ความท้าทายอีกอย่างในการบริหารงานของผมคือสร้างความสมดุลระหว่างคนหลายรุ่น ในบริษัทเราตอนนี้มีพนักงาน 300 กว่าคน มีตั้งแต่อายุ 20 กว่าที่เป็นเจอนเรชันที่เรียกว่า AI Native ไปจนถึงพนักงานอายุ 60 ปี จะทำยังไงให้พนักงานรุ่นใหม่มีโอกาสพัฒนาตัวเอง และยังคงรักษาพนักงานรุ่นบุกเบิก ทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น มุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

“ซึ่งทุกการเติบโต จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง จากเดิมสมัยคุณพ่อจะเน้นการทำงานแบบครอบครัว แต่ผมต้องการสร้างบรรยากาศการทำงานแบบมืออาชีพ ทุกคนเคารพกันและกัน สำหรับผมมองว่าการบริหารแบบครอบครัวทำให้เกิดความอะลุ่มอล่วย มีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ชัดเจน และใช้ความรู้สึกมากเกินไป ผมจึงพยายามปรับให้องค์กรมีกระบวนการทำงานชัดเจน มี KPI และมีการวัดผลที่โปร่งใส

“ก็ยอมรับว่าช่วงนั้นมีพนักงานลาออกไปเยอะเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราจะอยู่รอดและส่งต่อสู่คนรุ่นต่อไปได้ เราจำเป็นต้องทำสิ่งนี้ เพราะการไม่เปลี่ยนแปลงจะทำให้บริษัทเสียโอกาสในการเติบโต และผมเชื่อว่าเป็นจุดอ่อนของบริษัทที่บริหารแบบครอบครัวนะ เพราะถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนดักแด้จากครอบครัวไปเป็นผีเสื้อ ซึ่งก็คือบริษัทที่เป็นมืออาชีพได้ จะทำให้เราไม่สามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำงานได้

“อีกข้อหนึ่งคือ เราไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่ ฉะนั้นเราเลยไม่มีความชะล่าใจว่าจะอยู่นิ่งๆได้ วันนี้เรามีความฮึด ก็ยังต้องผลักดันให้ต้องพัฒนา ต้องเติบโตไปเรื่อย ๆ ครับ แล้วเราก็ยังมีลูกค้าที่ชื่นชอบในบริการ มีลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเรามาเกือบห้าสิบปี ก็เป็นสิ่งขับเคลื่อนให้เรายังสู้ต่อ ยังไม่มีความคิดที่จะหยุดพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของบริการ เทคโนโลยี หรือด้านบุคคล”

ความท้าทายข้อสุดท้าย – รักษาหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
“สิ่งที่ผมยึดมั่นและส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคือ ความรับผิดชอบต่อลูกค้า ซึ่งถูกซึมซับมาตั้งแต่เด็กจากหลายเหตุการณ์ มีครั้งหนึ่งผมเคยไปบ้านลูกค้ากับคุณพ่อ ด้วยความที่เมื่อก่อนประมาณ 30 ปีที่แล้ว สมัยนั้นการใช้เคมีกำจัดปลวกค่อนข้างอันตราย แล้วเกิดเหตุการณ์ที่น้องหมาบ้านลูกค้ามารับเคมีโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเสียชีวิต ผมกับคุณพ่อก็ไปซื้อน้องหมาพันธุ์เดียวกันไปมอบให้ลูกค้า เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งเหตุการณ์นี้เขาก็ไม่น่าจะได้เล่าที่ไหน แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะจํา แต่มันจําได้ ก็เลยเกิดการส่งต่อมาว่าเราจะต้องดูแลลูกค้า และรับผิดชอบลูกค้าให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

“เหมือนเป็น DNA ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งทุกวันนี้เวลาผมคุยกับน้อง ๆ รุ่นใหม่ ๆ ก็ยังถูกส่งต่อไปครับ สิ่งนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เรายังรับผิดชอบลูกค้าอย่างเต็มที่ที่เราจะทําได้พยายามให้บริการที่ดีที่สุดกับลูกค้าอยู่เหมือนเดิมครับ”

นวัตกรรม สุขภาวะที่ดี และวิสัยทัศน์ในอนาคต

จุดเด่นของ King Service คือการพัฒนานวัตกรรมมานำเสนอผู้บริโภคเพื่อการบริการที่ช่วยแก้ไขปัญหาแมลงและสัตว์รบกวนภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ปลวก แมลงสาบ และหนู ที่มักมาก่อกวน และสร้างความเสียหายให้กับที่อยู่อาศัย รวมทั้งธุรกิจในหลายภาคส่วน ดังนั้นในฐานะผู้บริหาร การหาโซลูชันมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างตรงจุดมากที่สุด จึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่คุณสุธีให้ความสำคัญ นั่นจึงเป็นที่มาของการนำเทคโนโลยียุคใหม่มาช่วยพัฒนานวัตกรรมและบริการ

KingFoam – นวัตกรรมสำหรับบริการกำจัดปลวก
โดยเป็นการฉีดเคมีในรูปแบบโฟมแทนการฉีดน้ำยาที่เป็นของเหลว ซึ่งข้อดีคือมีการกระจายตัวได้ทั่วถึงทุกทิศทาง ด้วยหลักการทำงานที่ใช้ร่วมกับเครื่อง KiiS ซึ่งเป็นเครื่องคำนวนการใช้น้ำยาให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ ก่อนจะฉีดไปใต้พื้นบ้านด้วยการเจาะพื้นเพียงจุดเดียวต่อห้อง จึงไม่ทำลายพื้นบ้าน ฉีดเสร็จแล้วสามารถใช้งานพื้นที่ได้เลย ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และปลอดภัยต่อผู้อาศัย รวมทั้งสัตว์เลี้ยง

“นวัตกรรมนี้ King Service พัฒนาขึ้นมาเองเลย เกิดจากการนั่งคุยกันกับคุณพ่อถึงปัญหาที่เราพบว่าเวลาเราไปฉีดน้ำยาที่บ้านลูกค้าเราจะต้องเจาะพื้นเป็นรูหลายสิบรูเลย เพื่อฉีดน้ำยาลงไป อย่างผู้อ่านบ้านและสวนน่าจะเข้าใจความรู้สึกว่าบ้านเราสวย ๆ แล้วต้องถูกเจาะรูที่พื้นเต็มไปหมดเลย จะเกิดความรู้สึกเศร้าขนาดไหน คนรักบ้านทำใจไม่ได้หรอก เลยทำให้ลูกค้าบางส่วนไม่เลือกใช้บริการกับเราเพราะปัญหานี้ ก็เลยเกิดการคุยกันว่าจะเป็นไปได้มั้ยว่าเราจะทำให้น้ำยาที่ฉีดออกมาเป็นรูปแบบโฟม ซึ่งกระจายตัวได้ดีกว่า

“เรื่องโฟมจริง ๆ เราคุยกันมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่เคยกล้าคิดถึงขนาดว่าเจาะรูเดียวแล้วไปได้ทั่ว เราก็มาคิดต่อว่าจะทำยังไงให้เราทำงานได้ดีขึ้น เร็วขึ้น ลูกค้ามีความสุขมากขึ้น เราเลยมาลองเริ่มโปรเจ็กค์นี้กัน ก็ใช้เวลาพัฒนาร่วมกับทีมนักวิจัยภายในของเราอยู่ประมาณ 2 ปี ก็ได้ KingForm ออกมา”

Application CY ศูนย์เก็บข้อมูลการบริการแบบเรียลไทม์

อีกนวัตกรรมหนึ่ง ก็คือ แอพลิเคชัน CY (ไซ) ใช้ในการบริหารจัดการงานบริการ เพื่อเก็บข้อมูลรูปแบบดิจิทัลการทำงานของพนักงานที่เข้าให้บริการหน้างาน มีประโยชน์เพื่อเก็บข้อมูลย้อนหลังของลูกค้า การแจ้ง และติดตามปัญหาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งออกแบบบริการพิเศษให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อควบคุมการทำงานให้ถูกต้องตามขั้นตอน และตรวจสอบได้ตลอดเวลา

“คำว่า “ไซ” มาจากชื่อของคุณพ่อนะ อันนี้ผมเป็นคนตั้งเอง ถ้าในภาษาจีนจะแปลว่าสิงโต แอพลิเคชันนี้เกิดจากการที่ช่วงหลังเรารับงานฉีดแมลงเยอะขึ้น ทั้งในร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วพอจํานวนเริ่มเยอะขึ้น การนำรายงานที่เขียนด้วยมือมาทำรายงานเพื่อเอามาวิเคราะห์ส่งลูกค้าทำได้ยาก บางทีก็มีความผิดพลาดค่อนข้างเยอะ ด้วยตัวผมเองที่จบด้านคอมพิวเตอร์มาเลยคุยกับฝ่ายไอทีของบริษัทว่าเราต้องทำแอพลิเคชันสักตัวนึงขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้แล้วล่ะ”

หลักการทำงานของแอพลิเคชันนี้ จะเริ่มตั้งแต่การเช็คอินเข้าให้บริการของพนักงาน การติดตามผลของคนก่อนหน้า การดำเนินงานทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งรายงานปัญหาที่พบเพื่อให้ติดตามปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง ลูกค้าสามารถดูรายงานผลได้แบบเรียลไทม์ โดยจะเป็นรายงานเฉพาะของลูกค้าท่านนั้น ๆ เลย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้ามาดูการทำงานได้ เรามองว่าสิ่งนี้จะสร้างความแตกต่าง ทำให้เรากลายเป็นบริษัทกําจัดปลวกรายแรกให้ที่บริการด้วยความโปร่งใส พิสูจน์การดำเนินงานได้ตลอดกระบวนการ”

ซึ่ง คุณสุธี บอกว่าการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ เป็นหนึ่งในเป้าหมายของ King Service ที่ต้องการขยายการบริการให้มากกว่าการกำจัดปลวกและแมลง แต่ก้าวไปสู่การเป็น “ผู้ดูแลเรื่องที่ปัญหาที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร” เพื่อดูแลลูกค้าให้พึงพอใจตั้งแต่ตอนที่เข้าไปให้บริการ และหลังจากที่ให้บริการเสร็จสิ้นแล้วยังมีเทคโนโลยีช่วยดูแลอย่างต่อเนื่อง

“เป้าหมายจากนี้ในระยะ 5-10 ปี คือการเป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภค ผมอยากให้เมื่อไหร่ก็ตามที่นึกถึงปัญหาแมลงหรือปลวก ชื่อ King Service จะเป็นอันดับแรก ๆ ที่ผู้บริโภคนึกถึง อาจจะเป็นเรื่องที่พูดง่าย ทำยาก แต่เราก็จะพยายามทำให้ได้ ซึ่งการจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นจะต้องพัฒนาบุคลากรควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยลดทำงานที่ซ้ำซ้อน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำงานน้อยลง และอัตราการเพิ่มของพนักงานจะต้องไม่โตมากเกินไป เพราะเราต้องการเป็นบริษัทที่พนักงานมีความสุขในการทำงานด้วย มีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย คำว่ามีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี หมายถึงว่าผลตอบแทนก็ต้องดีด้วย”

การกำจัดปลวกและแมลงสู่กับการสร้างสุขภาวะที่ดี
“ผมมองว่าการใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงถ้าเราใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ มีการรับรองมาตรฐานที่เชื่อถือได้ จะช่วยป้องกันและกำจัดอย่างได้ผลมากกว่า ซึ่งถ้ามองในมุมของบ้านหรือที่อยู่อาศัย ปลวกเป็นปัญหาด้านโครงสร้าง และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ กับสร้างสุขภาวะทางจิตที่ไม่ดี แต่การเลือกใช้บริษัทที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้เคมีอย่างไม่ถูกต้อง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาวะทางร่างกายโดยตรงของลูกค้าในระยะยาวได้”

สำหรับธุรกิจ การใช้บริการกำจัดแมลงและสัตว์พาหะนำโรค เช่น หนู แมลงสาบ ส่งผลโดยตรงต่อพนักงานและสุขภาวะของลูกค้าในร้านอาหาร หากใช้สารเคมีอย่างไม่ถูกต้อง ก็อาจเกิดอันตราย รวมทั้งสารพิษตกค้าง ปนเปื้อนต่อผู้ใช้บริการและพนักงานเช่นกัน ดังนั้น การใช้สารเคมีกำจัดแมลงอาจไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาวะของผู้บริโภคมากเท่ากับการใช้ผู้ให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐาน

ฝากถึงผู้ที่กำลังมองหาโซลูชันดูแลบ้านให้ปลอดปลวกและแมลง

“การเป็นธุรกิจบริการที่อยู่มานานเกือบ 50 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ได้รับการสนับสนุนและการแนะนำบอกต่อจากลูกค้า เราคงไม่เป็น King Service ในทุกวันนี้ ผมขอขอบคุณลูกค้า King Service ทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจมาตลอด 48 ปี

“สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบริษัทกำจัดปลวก ผมอยากนำเสนอให้ลองเข้ามาดูบริการของ King Service ที่มีหลากหลาย เราสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับปัญหาของคุณได้ เพื่อให้การกำจัดปลวกและแมลงในบ้านของคุณเห็นผล มีมาตรฐาน ตรวจสอบได้ รวมทั้งปลอดภัยกับทุกคนในครอบครัว หากสนใจเข้ามาดูบริการผ่านเว็บไซต์ kingservice รวมทั้งปรึกษาเบื้องต้นผ่านช่องทางต่าง ๆ ของเราได้เลยครับ”

ปรึกษาปัญหาปลวกได้ที่ www.kingservice.co.th
Facebook: @kingservicecenter
Line ID: @kingservicecenter
Tiktok : King Service
Lemon8 : King Service