บ้านไทยโมเดิร์นใจกลางเมือง
บ้านไทยโมเดิร์นใจกลางเมือง หลังนี้ไม่ใช่แค่บ้านเก่าที่ถูกปรับปรุงใหม่ แต่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตบทใหม่ที่อบอุ่นและยืดหยุ่นสำหรับครอบครัว
Design Directory : Design in Motion





บ้านไทยโมเดิร์นใจกลางเมือง หลังนี้ไม่ได้เป็นเพียงการพลิกโฉมบ้านเก่าอายุหลายสิบปี แต่คือการสร้างสรรค์พื้นที่แห่งใหม่ที่เติมเต็มความอบอุ่นและความยืดหยุ่นให้กับการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ของครอบครัว ด้วยการออกแบบที่ผสานความต่อเนื่องของพื้นที่ใช้สอยเข้ากับฟังก์ชันที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการเติบโตของลูก ๆ พร้อมทั้งสอดแทรกกลิ่นอายแบบไทยร่วมสมัยผ่านรายละเอียดงานไม้และการจัดวางช่องแสงอย่างชาญฉลาด ทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็นที่พักใจที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงอย่างยั่งยืน
การมีลูกทำให้ คุณกระเป๋า และคุณคริส เริ่มมองหาพื้นที่ที่ตอบโจทย์ครอบครัวมากกว่าคอนโดมิเนียมเดิม และบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนใจกลางสุขุมวิทก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตบทใหม่ ความฝันถึงบ้านไม้ที่เปิดรับแสงธรรมชาติ อบอุ่น และพร้อมสำหรับการเลี้ยงลูกจึงค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น ท่ามกลางโจทย์พื้นที่ขนาดไม่ใหญ่มาก โครงสร้างเดิมที่เป็นครึ่งไม้ครึ่งปูน และความต้องการพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมหลากหลายภายในบ้าน คุณโจ้ – นรินทร์ บุญจุน สถาปนิกจาก Design in Motion จึงออกแบบพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามจังหวะชีวิต พร้อมจัดวางฟังก์ชันให้สัมพันธ์กับแสงธรรมชาติ ความต่อเนื่องของพื้นที่ใช้สอย และบรรยากาศแบบไทยร่วมสมัย
ปรับพื้นที่ให้สอดรับกับวิถีชีวิตในทำเลเดิม
บ้านเดิมก่อนรีโนเวตเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้อายุหลายสิบปี มีพื้นที่ขนาด 190 ตารางเมตร เดิมเป็นบ้านแฝดแต่ฝั่งหนึ่งถูกรื้อไปแล้ว จึงเหลือเฉพาะครึ่งที่ยังอยู่พร้อมพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลัง แม้พื้นที่ไม่มากนักแต่เจ้าของบ้านมองเห็นศักยภาพในการปรับให้สอดคล้องกับแผนชีวิตระยะยาว โดยเฉพาะการเตรียมตัวมีลูกหลายคน บางห้องในปัจจุบันจึงออกแบบให้เป็นพื้นที่ใช้งานอเนกประสงค์ เช่น ห้องเล่นของเด็กที่สามารถปรับเป็นห้องทำงานในอนาคต เจ้าของบ้านตั้งใจให้ห้องน้ำบางส่วนสามารถใช้ร่วมกันได้ ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในส่วนอื่น ๆ โดยยังคงรองรับความสะดวกสบายของสมาชิกในบ้านได้ครบถ้วน
สถาปนิกออกแบบชั้นล่างของบ้านให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบโอเพ่นแปลนเพื่อรวมฟังก์ชันหลักของครอบครัวไว้ด้วยกัน ทั้งโซฟานั่งเล่น โต๊ะกินข้าว แพนทรี่ เคาน์เตอร์ไอส์แลนด์ รวมถึงมุมอ่านนิทานของเด็กๆ ที่ยกสูงจากระดับพื้นและอยู่ต่อเนื่องไปยังห้องเล่นของเด็ก โดยวางให้แต่ละฟังก์ชันเชื่อมโยงกันทั้งทางกายภาพและทางสายตา พ่อแม่สามารถนั่งกินข้าวหรือทำอาหารพร้อมกับมองเห็นลูก ๆ ที่กำลังเล่นอยู่ในห้องกระจกด้านข้างได้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย
เนื่องจากโครงสร้างบ้านเดิมมีพื้นที่ไม่มากนัก และมีบางส่วนที่ต่อเติมมาอยู่แล้ว สถาปนิกจึงออกแบบให้ต่อเนื่องโดยการไล่ระดับพื้นขึ้นจากหน้าบ้านทีละขั้น ความสูงในแต่ละส่วนต่างกันประมาณ 60 เซนติเมตร ไปจนถึงระดับที่ยกสูงถึง 1.20 เมตร การเล่นระดับนี้ยังช่วยซ่อนพื้นที่เก็บของ งานระบบ และสร้างความหลากหลายของประสบการณ์ใช้งาน
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของบ้านคือ การวางตำแหน่งบันไดให้สอดคล้องกับแสงธรรมชาติ และออกแบบช่องเปิดกรุกระจกใสหลายจุด ช่วยให้ภายในบ้านสว่างขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งแสงไฟในเวลากลางวันมากนัก และยังใช้ตำแหน่งนี้เป็นศูนย์กลางในการกระจายการเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่น เช่น ห้องเด็กเล่น โถงกิจกรรม หรือแม้แต่บันไดที่ต่อเนื่องขึ้นไปยังดาดฟ้าสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อน พื้นที่ทั้งหมดจึงเกิดขึ้นจากการเรียงร้อยใหม่ของพื้นที่เดิมที่มีอยู่ ค่อย ๆ ปรับ เติม ยก และเปิดออกให้ตอบสนองกับวิถีชีวิตของเจ้าของบ้านได้อย่างยืดหยุ่น






เติมกลิ่นไทยร่วมสมัย ด้วยวัสดุ แสง และองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
แม้ผังบ้านโดยรวมจะมีลักษณะเรียบง่ายตามแบบฉบับยุคโมเดิร์น สถาปนิกได้สอดแทรกรายละเอียดแบบไทยร่วมสมัยลงไปในหลายจุดของบ้าน โดยเฉพาะการเก็บรักษาส่วนที่มีคุณค่าทางอารมณ์ เช่น พื้นไม้และตงไม้ของชั้น 2 ซึ่งนำมาเปิดให้เห็นจากชั้นล่างในลักษณะฝ้าเปลือย ให้กลายเป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่มีเรื่องราว และช่วยเติมบรรยากาศคล้ายใต้ถุนบ้านไทยในแบบที่ร่วมสมัยมากขึ้น
บ้านหลังคาทรงจั่วของเดิมยังคงไว้เป็นเอกลักษณ์ ผนังบางส่วนกรุด้วยไม้เทียมตีแนวนอนแบบชิดแผ่น เสริมด้วยแนวโครงคร่าวไม้ตีครอบในแนวตั้งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ช่วยสร้างมิติให้พื้นผิวผนัง และให้อารมณ์ใกล้เคียงบ้านไทยในแบบที่ร่วมสมัยขึ้น แม้จะใช้วัสดุสมัยใหม่ แต่การจัดวางแนวไม้และโครงคร่าวยังคงความละเมียดแบบงานช่างไทย เมื่อนำมาจับคู่กับบานหน้าต่างกรอบไม้เรียบ กระจกใส หรือบานลูกฟักบางจุด ก็ทำให้ภาพรวมของบ้านดูต่อเนื่องและสมดุล วัสดุหลากหลายแต่สัมพันธ์กันทั้งในด้านสี พื้นผิว และเส้นสาย





ในส่วนของช่องเปิดและการรับแสงแทนที่จะเปิดบ้านทุกด้าน แต่สถาปนิกเลือกวางตำแหน่งช่องแสงให้สัมพันธ์กับการใช้งานจริง เช่น ด้านที่แดดแรงจัดมีชายคายื่นออกมาช่วยบังแสง ในขณะที่ด้านที่ร่มกว่าจะเปิดรับแสงเข้าเต็มที่ โดยมีการคำนึงถึงทิศทางแสงและการใช้งานในแต่ละช่วงของวัน เพื่อให้ภายในบ้านมีแสงธรรมชาติที่นุ่มนวลตลอดทั้งวันโดยไม่ร้อนเกินไป วัสดุและสีที่ใช้ในบ้านหลังนี้ยังช่วยเสริมบรรยากาศให้มีความเป็นธรรมชาติในขณะที่ยังคงดูเรียบสะอาด ผนังปูนฉาบเรียบสีขาวจับคู่กับงานไม้สีน้ำตาลอ่อน และกรอบเหล็กสีเทาเข้ม ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างความอบอุ่นกับความเรียบนิ่งแบบโมเดิร์น นอกจากนั้น องค์ประกอบอย่างฝ้าเพดานไม้แนวตรงบริเวณโรงจอดรถก็ออกแบบให้สอดรับกับภาษาของตงไม้ด้านในบ้าน ทำหน้าที่เชื่อมต่อวัสดุและเส้นสายจากภายนอกเข้าสู่ภายในอย่างแนบเนียน
แนวคิดเรื่องความเป็นไทยในบ้านหลังนี้จึงไม่ปรากฏผ่านลวดลายหรือสัญลักษณ์แบบดั้งเดิมโดยตรง แต่สะท้อนผ่านวิธีคิดเรื่องการอยู่อาศัยในบริบทไทยและภูมิอากาศของไทย เช่น การออกแบบพื้นที่ให้ระบายอากาศได้ดี การยกพื้นเพื่อซ่อนงานระบบและเก็บของ หรือการจัดพื้นที่เก็บของให้เป็นสัดส่วน เรียบง่าย และใช้งานได้จริงตามนิสัยของเจ้าของบ้านที่รักความเป็นระเบียบ รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ทำให้บ้านหลังนี้ยังคงกลิ่นของบ้านไทยแบบร่วมสมัยในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องเน้นที่รูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว
บ้านหลังนี้จึงค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากความตั้งใจเล็ก ๆ ของคนเป็นพ่อแม่ ที่อยากให้ลูกได้เติบโตในพื้นที่ที่อบอุ่น ใช้งานได้หลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับครอบครัว แม้จะเป็นบ้านเก่าที่มีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ทุกมุมก็ผ่านการคิดอย่างเรียบง่ายและใส่ใจ เพื่อให้บ้านหลังนี้กลายเป็นที่พักใจที่ใช้ได้จริงและอยู่ด้วยได้นาน

คุณนรินทร์ บุญจุน สถาปนิก จาก Design in Motion
เจ้าของ : คุณกระเป๋า และคุณคริส
ออกแบบ : Design in Motion โดยคุณนรินทร์ บุญจุน
เรื่อง : ปาราเมศ เมนะเนตร
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล