บ้านศาลา ที่โอบล้อมด้วยบึง และแมกไม้สีเขียว ในกลิ่นอายบ้านสวน - บ้านและสวน

บ้านศาลาหนองจอก เชื่อมโยงวิถีชีวิตในวันวาน ผ่านพื้นที่ศาลาและใต้ถุน

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: Pomelo Studio โดยคุณนันทพงศ์ เลิศมณีทวีทรัพย์ และคุณปรียชนัน สายสาคเรศ

“เราเติบโตขึ้นในบรรยากาศบ้านสวน เลยได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งว่ายน้ำเล่นในคลอง ตกปลา เก็บผลไม้มากิน เป็นความทรงจำที่มีความสุขมาก เราจึงอยากได้บ้านที่พาย้อนวันวานเมื่อสมัย อยู่บ้านสวน” คุณทัศนีย์ อรุณพูลทรัพย์ เล่าถึงความตั้งใจในการสร้างบ้านหลังนี้ โดยหยิบยกองค์ ประกอบจากความทรงจำในวันวาน นั่นคือบ้านที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน หย่อนใจจากภาระการงานที่หนักอึ้ง และหลีกหนีความวุ่นวายของวิถีชีวิตประจำวัน จึงกลายเป็นที่มาของ “บ้านศาลาหนองจอก” ที่โอบล้อมด้วยบึงและแมกไม้สีเขียว โดยได้สถาปนิกจาก Pomelo Studio คุณเก๋งนันทพงศ์ เลิศมณีทวีทรัพย์ และคุณปรียชนัน สายสาคเรศ มาช่วยถ่ายทอดวิถีชีวิตในวันเก่า ให้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ได้อย่างลงตัว

บ้านศาลาทรงจั่ว (ลดรูป) แรงบันดาลใจจากบ้านที่คุ้นเคยในวัยเยาว์

“บ้านสมัยเด็กเราเป็นบ้านไม้ มีใต้ถุน หลังคาทรงจั่วง่ายๆ  ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย แต่กลับรู้สึก อบอุ่นใจ จึงอยากให้บ้านหลังนี้มีกลิ่นอายของบ้านเดิม คือเป็นบ้านที่มีใต้ถุน และมีศาลานั่งเล่นเช่นกัน” คุณทัศนีย์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจที่ส่งต่อให้สถาปนิก และหยิบยกมาเป็นไอเดียหลัก ในงานออกแบบ โดยนำลักษณะของบ้านพื้นถิ่นไทย หรือบ้านทรงไทยธรรมดาที่เราคุ้นเคย มาปรับให้เข้า กับวิถีชีวิตในปัจจุบันของคุณทัศนีย์และครอบครัว ซึ่งสถาปนิกก็สามารถนำมาตีความหมายใหม่ได้อย่างน่าสนใจ

“เราหยิบยกไอเดียจากใต้ถุนมาออกแบบเป็นพื้นที่ส่วนกลางหรือ ใจบ้าน ที่ครอบครัวมาใช้เวลา อยู่ร่วมกัน และได้อิงกายใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด เปรียบเสมือนหัวใจของบ้านหลังนี้” คุณเก๋ง สถาปนิกผู้ออกแบบอธิบายถึงการออกแบบบ้านให้ตัวบ้านในชั้นล่างมีลักษณะเหมือนกับใต้ถุน แต่บรรจุฟังก์ชันที่ร่วมสมัยมากขึ้นอย่างห้องครัวที่เปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารและนั่งเล่นต่อ เนื่องกันในแนวยาว โดยพื้นที่โอเพ่นแปลนดังกล่าวเปิดหน้าต่างต้อนรับลมและบรรยากาศธรรมชาติ ในทั้งสองฝั่ง

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยหวนคืนวันวานให้บ้านหลังนี้นั่นคือการออกแบบเรือนศาลา ทว่าสถาปนิกได้ตีความรูปแบบใหม่ ศาลาดังกล่าวจึงไม่ได้แยกตัวออกมาจากตัวบ้านหลักแต่อย่างใด แต่ก่อเกิดเป็นไอเดียการลดทอนรูปทรงจั่วของศาลาให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งและรวมเข้ากับพื้นที่ใต้ถุนบ้าน ทำหน้าที่คล้ายกับระเบียงบ้านที่ยาวต่อเนื่องตลอดแนว สามารถออกมานั่งเล่น พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย และยังคงเชื่อมต่อกับส่วนกลางของบ้านอีกด้วย ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์ในเรื่องของฟังก์ชันแล้ว การลดรูปของศาลายังเป็นการเอื้อพื้นที่ในไซต์ที่เหลือให้ธรรมชาติอย่างเต็มที่ ตัวบ้านจึงล้อมไปด้วยน้ำ และพื้นที่สีเขียวสร้างความร่มรื่น ได้กลิ่นอายบรรยากาศบ้านสวน ประจวบเหมาะกับบริบทโดยรอบเป็น พื้นที่โล่งกว้าง รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เพื่อนบ้านแต่ละหลังค่อนข้างอยู่ห่างกัน และอาคารแต่ละ หลังก็เป็นหลังคาทรงจั่วแบบไทยด้วยเช่นกัน ยิ่งทำให้บ้านหลังนี้แลดูถ่อมตน ไม่แปลกแยก หรือกล่าวคือ เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงบริบท ไม่ละทิ้งสภาพแวดล้อมโดยรอบไป

ระเบียงหรือศาลาทรงจั่วที่ลดทอนหลังคารูปทรงจั่วให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง
สร้างร่มเงาให้พื้นที่นั่งเล่นกึ่งเอาต์ดอร์ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางในบ้านและธรรมชาติภายนอกบ้านได้อย่างดี


default

เมื่อใจความสำคัญคือบ้านที่เหมาะแก่การพักผ่อน ได้สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ การออกแบบบ้าน หลังนี้จึงไม่ลืมที่จะคำนึงถึงภาวะน่าสบาย ตั้งแต่การวางผังในแนวยาวที่เปิดรับฝั่งระเบียง (ศาลาลดรูป) ในทางทิศเหนือ ทำให้บริเวณใจบ้านได้รับลมที่ไหลเวียนพัดผ่านเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ส่วนในฝั่งทิศตะวันตก ก็ถูกจับจองพื้นที่ด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ คอยสร้างร่มเงา กรองแสงแดดและความร้อน ก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน ได้อย่างดี

Sequence of Nature ลำดับการเข้าถึงธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับการฟื้นฟูพลังกายและจิตใจ

“เราตั้งใจออกแบบให้บ้านหลังนี้เป็นพื้นที่ฟื้นฟูพลังกายพลังใจจากวันที่เหนื่อยล้า โจทย์สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เรายังคงรู้สึกได้รับการปลอบประโลมทุกครั้งเมื่อกลับบ้าน นำไปสู่การออกแบบ Sequence หรือลำดับในการเข้าถึงพื้นที่ จึงเป็นที่มาว่าทำไมเมื่อย่างก้าวประตูรั้วบ้านเข้ามา เราจึงต้องพบกับผนังอิฐผืนใหญ่และซุ้มประตูก่อน เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการดึงสติให้อยู่กับตัว ก่อนที่จะเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งภายใต้กำแพงอิฐผืนใหญ่ที่ซุกซ่อนธรรมชาติที่สวยงามไว้ภายใน”

ซุ้มประตูทางเข้าบ้านออกแบบมาเพื่อลำดับประสบการณ์ของการเข้าถึงพื้นที่
เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวบ้านสิ่งแรกที่เราพบคือกำแพงอิฐซึ่งซ่อนมุมมองของธรรมชาติอันสวยงามไว้ภายใน

เมื่อก้าวผ่านซุ้มประตูเข้ามาเราเหมือนถูกโอบล้อมด้วยบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่อุดมสมบูรณ์พร้อมทั้งต้นไม้ใบหญ้า สิ่งมีชีวิตเป็นระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบในบ้าน ที่สำคัญคือ Sense of Place ที่ช่วยสร้างความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนเราอยู่ในบ้านสวนจริงๆ ทั้งเสียงน้ำ เสียงลม เสียงนก เสียงใบไม้ไหว กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า เป็นบทพิสูจน์ว่าสถาปัตยกรรมช่วยลำดับพฤติกรรมของเรา และสร้าง อารมณ์ความรู้สึกได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งเมื่อได้มาลองนั่งบริเวณใจบ้านและระเบียงก็พอเข้าใจได้ว่า การออกแบบบ้านนอกจากจะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว ในอีกทางหนึ่งพื้นที่ที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อ ครอบครัวก็เอื้อให้สมาชิกในบ้านอยากมาใช้พื้นที่ใจบ้านตรงนี้ร่วมกัน ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีใน ครอบครัวอีกด้วย

ฝั่งทิศเหนือที่เปรียบเสมือนหน้าบ้าน ออกแบบเป็นระเบียงเปิดรับมุมมองธรรมชาติยาวตลอดแนว จะเห็นได้ว่าตัวบ้านแบ่งออกเป็นสองส่วนคั่นกลางด้วยพื้นที่โถงบันไดกึ่งเอาต์ดอร์ที่ภายในเป็นคอร์ตต้นไม้คอยให้ร่มเงา ส่วนชั้นบนเป็นพื้นที่ของห้องนอนทั้งหมด
พื้นระเบียงภายนอกเกิดจากการนำไม้เก่ามาใช้ซ้ำในโทนสีเข้ม
และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอย่างชุด โต๊ะ เก้าอี้หวาย เปลไกว สร้างบรรยากาศพักผ่อนในสไตล์บ้านสวน

“เรามักใช้เวลาอยู่ที่ใจบ้าน โดยเฉพาะห้องครัว เพราะเราและลูกชอบทำกับข้าวด้วยกัน จึงกลายเป็นมุมโปรดไปแล้ว เพราะใจบ้านเป็นทั้งพื้นที่รับประทานอาหาร รับแขก นั่งทำงานได้ด้วย สามารถใช้งานได้มัลติฟังก์ชันมากๆ” เจ้าของบ้านกล่าว ไม่เพียงแต่ลำดับการเข้าถึงธรรมชาติเท่านั้น ทุกพื้นที่ภายในบ้านหลังนี้เปิดโอกาสให้ธรรมชาติได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งไม่มากก็น้อย โถงบันไดและ ทางเดินในบ้านจึงออกแบบเป็นพื้นที่กึ่งเอาต์ดอร์ เอื้อให้แสงและลมธรรมชาติเข้ามา บ้านจึงปลอดโปร่ง โล่งสบาย เป็นพื้นที่หายใจได้และไม่อึดอัด ผ่านการดึงองค์ประกอบธรรมชาติเข้ามาในระยะใกล้ตัว อย่างบริเวณโถงบันได อีกหนึ่งพื้นที่ไฮไลต์ในบ้านที่ขาดไปไม่ได้ เพราะโถงบันไดบ้านนี้ปลอดโปร่ง นำทั้งแสงและลมเข้ามาในตัวบ้าน และบรรยากาศดีมากๆ ด้วยการออกแบบความเป็นโถงผนวกเข้ากับ คอร์ตต้นไม้ ซึ่งปลูกต้นที่มีรูปทรงสวยงามคล้ายงานประติมากรรมอย่างหมากเม่า

พื้นที่ใจบ้านซึ่งเป็นส่วนกลางของครอบครัว ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหาร และห้องครัว
จัดเรียงผังแบบโอเพ่นแปลน เปิดมุมมองโล่งทั้งสองฝั่ง โดยใช้บานเฟี้ยมกระจกเพื่อให้ยืดหยุ่นต่อการใช้งาน
ตัวบ้านเน้นใช้วัสดุไม้และปูนเปลือยในสไตล์ลอฟต์ เพื่อให้บ้านดูมีความร่วมสมัยมากขึ้นในขณะเดียวกันก็คงกลิ่นอายอบอุ่นของไม้
อย่างพื้นไม้สักโทนสีเข้มควบคู่ไปกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่สั่งทำขึ้นเพื่อบ้านหลังนี้โดยเฉพาะ
ห้องครัวเปิดมุมมองไปทางโถงบันไดกึ่งเอาต์ดอร์ รับวิวสวยงามของต้นหมากเม่าได้รับทั้งลมและแสงธรรมชาติ จึงช่วยส่งเสริมการระบายอากาศที่ดี
บรรยากาศภายในห้องทำงาน ได้รับแสงธรรมขาติเข้ามาจากทั้งสองฝั่ง
พื้นที่แลดูปลอดโปร่งด้วยการออกแบบฝ้าเพดานทรงจั่วไปตามลักษณะของทรงหลังคา

เมื่อเราเดินขึ้นบันไดจากชั้น 1 สู่ชั้น 2 ร่างกายของเราก็ประชิดกับต้นไม้ในระยะที่มือเอื้อมถึงได้ สิ่งเหล่านี้ผ่านการออกแบบจากสถาปนิกที่ตั้งใจให้ระดับของการสัมผัสธรรมชาติมีทั้งระยะใกล้และไกล สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่หลากหลายอีกด้วย สอดคล้องไปกับการเลือกใช้วัสดุที่เปิดรับธรรมชาติ  อย่างหลังคาพอลิคาร์บอเนตใสที่ครอบคลุมพื้นที่โถงบันไดและทางเดินทั้งหมด ช่วยดึงแสงเข้ามาอย่าง อ่อนโยน ไม่ร้อนจนเกินไป ไม้ที่ใช้ในบ้านก็เป็นไม้จริงผสมไม้เทียม บ้างก็เป็นไม้เก่า ด้วยความชื่นชอบไม้ ของเจ้าของบ้าน จึงรับหน้าที่จัดการดูแลเรื่องวัสดุ และมีช่างทำเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อบ้านหลังนี้โดยเฉพาะ จึงไม่แปลกที่เราจะสัมผัสได้ถึงความสวยงามของเนื้อไม้ และความรู้สึกสบายเท้า เมื่อก้าวเดินในบ้าน และนอกบ้าน

ผนังอีกฝั่งของโถงบันไดออกแบบเป็นผนังระแนงเหล็กผสมผสานกับผนังปูนเปลือย ให้ความรู้สึกโมเดิร์น และยังคงไว้ซึ่งสัจจะของวัสดุ
บริเวณโถงทางเดินในชั้น 2 ให้ความรู้สึกโปร่ง ด้วยการออกแบบหลังคาทรงจั่วที่ใช้วัสดุโปร่งใส แทนหลังคาเรียบแบบทั่วไป
แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหลังคาจะตกกระทบบนผนังปูนเปลือย เกิดเงาและแสงที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา
สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา พร้อมออกแบบมุมมองทางสายตาให้โฟกัสไปยังหิ้งพระ สร้างพลังงานที่ดีท่ามกลางประสาทสัมผัสที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ

“บ้านหลังนี้ใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลัก เพราะต้องการขับเน้นกลิ่นอายบ้านๆ ความเป็นพื้นถิ่น แต่ก็ไม่ลืมที่จะผสมผสานวัสดุโมเดิร์นลงไปด้วยอย่างคอนกรีต เหล็ก อะลูมิเนียม ได้กลิ่นอายความเป็น ลอฟต์ เพื่อให้ดูเป็นบ้านพื้นถิ่นที่ร่วมสมัยขึ้น และดูแลรักษาง่ายขึ้น”

โซนอาบน้ำกึ่งเอาต์ดอร์ หลังคาเปิดโล่งให้สามารถมองเห็นดวงเดือนดวงตะวัน วัสดุยังคงเน้นเป็นลวดลายธรรมชาติ
จึงนำอิฐมาจัดวางเป็นแพตเทิร์น เพื่อสร้างบรรยากาศพักผ่อนสไตล์รีสอร์ต
ผนังระแนงเหล็กบริเวณโถงบันไดกึ่งเอาต์ดอร์ นอกจากเปิดรับวิวแล้ว ยังช่วยเพิ่มความโปร่งให้พื้นที่
ได้ทั้งลมและแสงธรรมชาติ นอกจากนี้การใช้เหล็กเข้ากับผนังปูนเปลือยช่วยขับเน้นความโมเดิร์นให้บ้านมากขึ้นอีกด้วย
ชายคาหรือแผ่นกันสาดคอนกรีตเสริมเหล็ก  สำหรับกันแดดบริเวณพื้นที่ระเบียงใต้ถุนหรือใจบ้าน
แผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กติดตั้งวางบนโครงสร้างเสา-คานเหล็ก ช่วยกันแดด ความร้อนและฝนได้อย่างดี ทั้งยังคงสไตล์ความเป็นลอฟต์อีกด้วย
บริเวณโถงบันได ออกแบบใช้ผนังเรียงอิฐเป็นแพตเทิร์นที่มีความโปร่ง ช่วยกรองแสงและระบายอากาศ
พื้นที่นี้อยู่ใต้หลังคาพอลิคาร์บอเนตใส ทำให้บรรยากาศภายในคอร์ตโล่ง โปร่งสบาย และมีการไหลเวียนของอากาศที่ดี

ด้านหลังบ้านปล่อยให้เป็นพื้นที่ของพืชผักสวนครัวที่เจ้าของบ้านมักใช้เวลาในยามเช้าทำสวนเป็น งานอดิเรกเหมือนสมัยเด็ก มีทั้งบวบ ฟัก กะเพรา โหระพา มะนาว พริก กล้วย ถั่วพลู ปลูกไว้สำหรับ ประกอบอาหาร “เราตื่นเช้ามาทำกับข้าว ทำสวน เหมือนได้มาพักผ่อนอยู่รีสอร์ต บรรยากาศผ่อนคลาย ลูกๆ ได้มาว่ายน้ำเล่น ตกปลา ที่สำคัญคือบ้านเย็นมาก แม้ในหน้าร้อนบ้านก็ยังมีลมโกรก เราสามารถ อยู่ได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์เลย” คุณทัศนีย์ กล่าวทิ้งท้ายถึงพื้นที่ความสุขของครอบครัวที่เชื่อมต่อกับ ความทรงจำในวัยเยาว์ภายใต้บ้านศาลาหนองจอกหลังนี้

เจ้าของ : คุณทัศนีย์ อรุณพูลทรัพย์

สถาปนิก : Pomelo Studio โดยคุณนันทพงศ์ เลิศมณีทวีทรัพย์ และคุณปรียชนัน สายสาคเรศ

ผู้รับเหมาก่อสร้าง : คุณประเสริฐ พวงมณี

ช่างไม้ : คุณบังรอน พวงมณี


เรื่อง : Nantagan

ภาพ : อภินัยน์ ทรรศโนภาส, Rungkit Charoenwat

สไตล์ : Suntreeya

ที่ตั้ง : จังหวัดกรุงเทพฯ