โฮมสตูดิโอสี่ชั้น ที่เล่าถึงความเป็น Resort Wear ผ่านงานออกแบบ - บ้านและสวน
home-studio-mitr

โฮมสตูดิโอสี่ชั้น ของนักออกแบบเสื้อผ้า ที่นำกลิ่นอายรีสอร์ตมาเป็นวัตถุดิบหลักสร้างสรรค์ผลงาน

“Mitr Headquarters” โฮมสตูดิโอสี่ชั้น สีนุ่มละมุน แทรกด้วยของสะสม Midcentury สีสดใส ซึ่งเปลี่ยนมุมสร้างสรรค์งานอย่างได้ไม่รู้เบื่อ พ่วงด้วยกำลังใจชั้นดีจากน้องๆ สี่ขาขนฟูที่มาช่วยเติมพลังทั้งวัน

Design Directory : PHTAA Living Design โดยคุณหฤษฎี ลีละยุวพันธ์

เมื่องานที่รักและชีวิตประจำวันแทบจะหลอมรวมเป็นส่วนเดียวกัน การดึงเอาสตูดิโอสร้างสรรค์ผลงาน ห้องประชุมระดมสมอง และมุมทำงานของคนในทีมมาอยู่ใกล้ตัว ดูจะเป็นทางเลือกที่สะดวกรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน มุมพักผ่อนส่วนตัวสำหรับพักสมองในวันที่เหนื่อยล้า ตัดขาดจากงานได้บางเวลาก็เป็นสิ่งจำเป็น ทำให้ คุณอิ๋ม มิลิน วินทะไชย นักออกแบบและเจ้าของแบรนด์ Mitr และคุณโบ้ – กรธนกฤต ตั้งสมบูรณ์ ติดต่อ คุณพลอย – หฤษฎี ลีละยุวพันธ์ มัณฑนากรแห่ง PHTAA Living Design ให้เข้ามาจัดสรรความต้องการที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้องค์ประกอบอาคาร ที่สื่อถึงความเป็น “Mitr” ออกมาได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

คุณโบ้ คุณอิ๋ม กะทิ และมะลิ

            “เรากำลังหาพื้นที่ประมาณ 500 – 600 ตารางเมตร ไว้สำหรับทำออฟฟิศพร้อมที่พักผ่อนของตัวเองค่ะ ที่นี่เป็นบ้านโครงการซึ่งทำมาไม่กี่หลัง  แล้วเราชอบดีไซน์เดิมของบ้านที่มีความเป็นกริด มีกลิ่นอาย Mid-century นิดๆ ที่ฟาซาด และเส้นสายก็เรียบร้อย ดู Timeless เราเลยซื้อบ้านเปล่ามา แล้วก็ให้ทาง PHTAA ลองดูว่าจะทำอะไรกับบ้านได้บ้าง”

            คุณอิ๋มเริ่มต้นตั้งโจทย์ด้วยไอเดียที่สื่อถึงแบรนด์ “Mitr เป็นแบรนด์ Resort Wear เสื้อผ้าผู้หญิงที่ให้อารมณ์ของวันหยุดสบายๆ เราเลยอยากให้ส่วนกลางที่ทุกคนมาทำงานดู Cozy มีกลิ่นอายแบบรีสอร์ต โดยเฉพาะชั้นล่าง แทนที่จะให้รู้สึกถึงความเป็นออฟฟิศ ก็อยากให้รู้สึกเหมือนเป็นล็อบบี้โรงแรม”

จากไอเดียตั้งต้น สถาปนิกแปลงสู่องค์ประกอบสถาปัตยกรรมแทรกเข้าไปอยู่กับเส้นสายเรียบง่ายของบ้าน ส่วนพื้นที่ภายในก็บิดแปลงดีไซน์ให้เป็นบรรยากาศใหม่ที่เปลี่ยนอารมณ์ของการทำงานไปโดยสิ้นเชิง

ด้านหน้าบ้านคงดีไซน์ของบ้านเดิมไว้เกือบทั้งหมด ฉาบกลิ่นอายของ Mitr ไว้บางๆ ด้วยผิวผนังสีนวลละมุนและแพตเทิร์นกระเบื้องที่จัดเรียงด้วยโทนสีใกล้เคียงกัน
ผืนผนังสีเบจ ไม้ธรรมชาติสีนวลตา พื้นผิวพ่นทราย กระเบื้อง หินทราเวอร์ทีน ด้วยสีสันของวัสดุที่กลมกลืน ทำให้ภาพรวมบ้านดูละมุนตา
เก็บรายละเอียดเหลี่ยมมุมกระเบื้องเพื่อให้ดูสบายตา เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งต้องอาศัยความแม่นยำในการวัดขนาดตั้งแต่เริ่มต้น
แสงไฟนุ่มนวลที่อวลอยู่ในโถงทางเข้าเล็กๆ สร้างบรรยากาศการต้อนรับที่เป็นมิตร
โถงทางเข้าแจกจ่ายไปยังลิฟต์และบันไดที่นำขึ้นสู่ชั้นบน รวมถึงออฟฟิศชั้นล่างที่สว่างไสวด้วย แสงธรรมชาติที่ปลายตา
เหลี่ยมมุมโค้งมนภายในอาคารช่วยขับมิติของผิวผนังให้ชัดเจน อีกทั้งยังช่วยให้พื้นที่เล็กๆ ดูกว้างมากขึ้น ได้ในเวลาเดียวกัน

มิติที่โดดเด่นด้วยเส้นสายและวัสดุ

 “บ้านหลังนี้มีความเป็นกล่อง เหมือนเป็นสเปซที่ซ้อนอยู่ในสเปซ เราเลยทำให้มันชัดเจนขึ้น”

นักออกแบบเล่าถึงดีไซน์เดิมของ โฮมสตูดิโอสี่ชั้น ที่มีผืนผนังกั้นสัดส่วนดูคล้ายกับกล่องที่ซ้อนอยู่ภายในบ้าน จึงเสริมมิติ ภายในให้โดดเด่นด้วยการทลายผนังทึบ กั้นด้วยกระจกใสเพื่อให้มุมมองจากส่วนต่างๆ ของบ้านเชื่อมถึง กัน ขับเน้นเส้นสายให้ชัดด้วยเหลี่ยมมุมและระนาบโค้งที่ เป็นส่วนหนึ่งของรูปทรง เรขาคณิต จึงทำให้ฟังก์ชันต่างๆ มีขอบเขตชัดเจนในขณะที่ยังคงดูเบาลอย

“เราทำให้บ้านหลังนี้มีฟาซาดทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังบ้าน เพราะด้านหลังบ้านนี้มีพื้นที่เอาต์ดอร์ที่มองเข้ามาในตัวบ้านได้ ซึ่งเราก็มองว่าเป็นหน้าบ้านได้เหมือนกัน”
เติมความกระปรี้กระเปร่าให้มุมทำงานด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสนุก ซึ่งเชื่อมมุมมองผ่านสเปซสูงออกไปยัง สระว่ายน้ำ สร้างบรรยากาศกึ่งภายนอกที่ผ่อนคลายแม้จะอยู่ในอาคาร

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยเสริมมิติภายในให้เด่นชัด คือผิววัสดุสีโมโนโทนที่เลือกสรรจากความเป็น Resort Wear ของ Mitr อย่างผืนผนังสีเบจ ไม้ธรรมชาติสีนวลตา พื้นผิวพ่นทราย กระเบื้อง หินทราเวอร์ทีน ด้วยสีสันของวัสดุที่กลมกลืน ทำให้ภาพรวมภายในบ้านดูละมุนตา ทว่าแพตเทิร์นหลาก รูแบบที่ฉายชัดเมื่อกระทบกับแสงเงาช่วยเน้นเส้นสายสถาปัตกรรมให้เด่นชัด คล้ายกับประติกรรม ชิ้นใหญ่แทรกผสานกันอยู่ภายในบ้าน

ห้องน้ำขนาดกะทัดรัดสะท้อนแสงนวลสบายตา ออกแบบให้ดูกว้างด้วยผิวผนังลายสะอาดและกระจกเงาบานกว้างแผ่เต็มผืนผนัง

ออกแบบให้ใช้งานได้ทุกมุม

ฟังก์ชันภายในแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักๆ โดยชั้นล่างสุดเป็นออฟฟิศทำงาน ถัดขึ้นมาบนชั้นลอยเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับประชุม สตูดิโอออกแบบ และชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณอิ๋มและคุณโบ้ ซึ่งรวมทุกฟังก์ชันสำหรับการพักผ่อนเข้าไว้ด้วยกัน โดยส่วนที่ใช้งานมากที่สุดจะเป็นชั้นลอย ซึ่งออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนมาใช้พื้นที่ร่วมกันได้ ทั้งนั่งเล่น รับประทานอาหาร ประชุมงาน หรือเปลี่ยน อิริยาบถจากโต๊ะทำงานในมุมประจำที่ชั้นล่างมาเอกเขนกที่ชั้นลอยให้ไอเดียลื่นไหล

“พื้นที่ส่วนกลางจะมีคนเวียนมาทำงานตลอด อย่างทีมครีเอทีฟไม่ค่อยชอบนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเอง เาก็ขึ้นมาที่ชั้นลอย นั่งทำงานกันบนบีนแบ็ก

ชั้นลอยเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมแพนทรี่ โต๊ะอเนกประสงค์ และมุมทำงานเข้าด้วยกัน ทำให้ใช้งานได้ อย่างยืดหยุ่น แต่ก็ยังดูเป็นสัดส่วนด้วยผิววัสดุและลูกเล่นฝ้าเพดานทรงโค้ง
ชั้นลอยเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมแพนทรี่ โต๊ะอเนกประสงค์ และมุมทำงานเข้าด้วยกัน ทำให้ใช้งานได้ อย่างยืดหยุ่น แต่ก็ยังดูเป็นสัดส่วนด้วยผิววัสดุและลูกเล่นฝ้าเพดานทรงโค้ง
ถัดจากพื้นที่ส่วนกลางไปไม่ไกล เป็นมุมที่คุณอิ๋มมานั่งทำงานอยู่บ่อยๆ ทั้งสองฝั่งกรุกระจกใส ทำให้ มองเห็นได้ทั้งชั้นล่างและชั้นลอย แต่ก็ยังคงความเป็นมุมสงบด้วยบานเลื่อนกระจกใสที่เปิด-ปิด ได้เมื่อต้องการความเป็นส่วนตัว
อีกหนึ่งมุมทำงานเมื่อต้องการยืดเส้นยืดสาย ในบางเวลาก็จะมีกะทิและมะลิ น้องหมาประจำออฟฟิศ คอยแวะเวียนมาให้กำลังใจด้วย

นอกจากความยืดหยุ่นของสเปซจะทำให้เกิดพื้นที่ทำงานที่หลากหลายแล้ว วัสดุที่เลือกใช้ก็ทำให้แต่ละมุมสามารถแปลงเป็นสตูดิโอถ่ายแบบในยามจำเป็นได้ โดยเฉพาะพื้นที่แบบดับเบิลวอลุ่มบริเวณชั้นล่างที่ออกแบบให้คล้ายกับหน้าบ้านฝั่งที่เป็นส่วนตัว โดยกรุผนังกระจกเปิดรับแสงธรรมชาติให้พาดทับ ลงบนผนังสีนวลตา จึงเป็นมุมแสงสวยที่สามารถขึงฉาก ตั้งกล้องถ่ายสินค้าได้อย่างสบาย หรือในเวลาที่ทีม ต้องการทำคอนเทนต์ ก็เลือกใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดในบ้านสำหรับถ่ายทำได้ ซึ่งแพตเทิร์นที่จัดเรียงไว้ตามพื้น ผนัง ก็ช่วยสร้างบรรยากาศแตกต่าง เป็นมุมถ่ายภาพที่หลากหลายโดยไม่ต้องไปเช่าสถานที่ถ่ายทำ หรือเตรียมอุปกรณ์ประกอบฉากมากนัก

สระว่ายน้ำก็เป็นอีกหนึ่งมุมที่สร้างอารมณ์แตกต่างให้บ้านได้เช่นกัน
มุมแสงสวยด้านหนึ่งตั้งใจปล่อยให้ว่าง ฉาบผิวสีขาวเรียบสำหรับใช้เป็นมุมถ่ายสินค้า ทำคอนเทนต์ หรือแปลงเป็นพื้นที่กิจกรรมได้ตามต้องการ

รายละเอียดการออกแบบที่ซ่อนอยู่ในบรรยากาศ

ลูกเล่นของวัสดุและระนาบในบางจุดแผ่ล้ำไปจนถึงฝ้าเพดาน นัยหนึ่งคือการสร้างความรู้สึกโอบล้อมที่ไร้ผนังกั้น แต่หน้าที่สำคัญคือการซ่อนงานระบบให้พ้นสายตา เพื่อให้บรรยากาศกึ่งพักผ่อนที่อวลอยู่ในสเปซทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ  ซึ่งหากไม่ได้ตั้งใจสังเกต อาจไม่เห็นเส้นการเดินระบบ ปรับอากาศที่สร้างสภาวะสบายไปทั่วทั้งบ้าน

ซ่อนระบบปรับอากาศ ด้วยการออกแบบฝ้าให้มีช่องงานระบบเล็กๆ ในมุมหลบสายตา ทั้งนี้ควรพิจารณา คู่กับตำแหน่งที่อากาศจะต้องไหลเวียนได้อย่างทั่วถึงด้วย
Stretch Ceiling ไม่จำเป็นต้องแผ่กว้างเต็มฝ้าเพดาน เพียงการเจาะช่องเล็กๆ ขนาดพอเหมาะ ก็สร้างบรยากาศในห้องให้เหมือนมีสกายไลต์ แม้ฝ้าเพดานจะไม่ได้อยู่ใกล้ท้องฟ้า

เช่นเดียวกับความสว่างนวลตาจากแสงแบบ Indirect Light ทั้งการซ่อนไฟไว้ตามหลืบฝ้า เล่นจังหวะไปกับระยะพื้น เจาะคว้านผืนผนังเพื่อสะท้อนแสงไฟ ส่วนหนึ่งของการออกแบบแสงที่ดู กลืนไปกับสถาปัตยกรรมมาจากความชอบเจ้าของบ้านที่ถูกจริตกับแสงสว่างที่ช่วยขับเน้นบรรยากาศเป็นพิเศษ

“เราชอบไฟที่มีความเป็น Ambient Light เป็นโคมไฟแขวน โคมไฟผนัง หรือไฟซ่อน เพราะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายกว่าไฟดาวน์ไลท์ที่ส่องสว่างแบบตรงๆ”

แทบทุกห้องจึงตกแต่งด้วยไฟที่ซ่อนดวงโคมจนเหลือเพียงแสงสว่างนวลตา หรือในบริเวณ ที่ติดตั้งโคมไฟ ก็เลือกใช้ดวงโคมที่ดูคล้ายประติมากรรมและการจัดวางให้ดูเป็นส่วนหนึ่งของงานตกแต่ง โดยสถาปนิกเสริมว่ามีเพียงโซนทำงานที่ใช้ไฟดาวน์ไลต์เพื่อให้ทำงานได้สะดวก โดยเฉพาะสตูดิโอชั้นล่าง สุดยังคงรูปแบบฝ้าเพดานเมื่อครั้งซื้อบ้านไว้ดังเดิม โดยเสริมความสว่างตามมุมเล็กมุมน้อยด้วยระบบไฟ ที่ซ่อนใน Stretch Ceiling ฝ้าเพดานที่ขึงตึงด้วยผ้าบารีซอล (Barrisol) ซึ่งให้แสงสว่างแผ่เต็มผืน ดูเป็น ธรรมชาติคล้ายสกายไลต์ เติมบรรยากาศที่เป็นมิตรให้พื้นที่ทำงาน

แพนทรี่เล็กๆ ไร้ประตูกั้นที่เชื่อมต่อเป็นพื้นที่เดียวกันกับส่วนกลาง แต่ดูเป็นสัดส่วนด้วยผิวผนังสีสะอาด
ขยายขนาดทางความรู้สึกของแพนทรี่ให้สว่างโล่งกว่าเดิมด้วย Stretch Ceiling ขึงเป็นฝ้าโค้งแผ่เต็มพื้นที่

โฮมสตูดิโอสี่ชั้น ที่เป็นเหมือน โฮม มากกว่า สตูดิโอ

รายละเอียดที่เติมเข้าไปในตัวบ้านให้ผลเป็นความรู้สึกของการทำงานที่เปลี่ยนไป คุณอิ๋มเล่าถึง ความรู้สึกครั้งแรกเห็นซึ่งยังจำได้ดีว่า “มันต่างกันมากเลย เวลาเราไปเยี่ยมออฟฟิศเพื่อนที่อยู่บนตึก ความรู้สึกจะดูจริงจังมากๆ แต่พอเป็นที่นี่ เมื่อเข้ามาครั้งแรกคือเซอร์ไพรส์มาก ดูไม่เป็นออฟฟิศเลย จะทำงานได้ไหมนะ แต่พอมาใช้งานจริงๆ ก็รู้สึกว่าตอบโจทย์ เพราะในออฟฟิศมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เหมาะสมกับความเป็นแบรนด์ Resort Wear ไม่เหมือนออฟฟิศอื่นๆ ที่เคยไปมา แต่ก็ยังดูมีฟังก์ชัน ยังทำงานได้โดยที่ก็ยังรู้สึกถึงความเป็นบ้าน และความเป็นรีสอร์ต

ชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณอิ๋มและคุณโบ้ ออกแบบผังเป็นโอเพ่นแปลนโล่งกว้างเพื่อให้ใช้งาน ได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งชุดครัว Bulthaup B2 แปลงมุมสงบให้เป็นพื้นสังสรรค์กับเพื่อนสนิท
ออกแบบช่องเจาะมาเพื่อฝังดวงไฟสำหรับส่องทางเดินโดยเฉพาะ ทำให้ลักษณะแสง ที่ส่องออกมาสว่างสบายตา โดยที่ยังช่วยนำทางเดินได้อย่างปลอดภัย

จากที่ถามน้องๆ ในสตูดิโอ เาก็ชอบกันนะ เพราะปกติแล้วถ้าทำงานในออฟฟิศ ทีมก็จะอยู่ ในที่ของตัวเอง นั่งทำงานอยู่แต่ตรงนั้น แต่พอมาเป็นที่นี่ เขาจะย้ายขึ้นมาทำงานที่ชั้นบนก็ได้ หรือเขาจะไปทำงานกับเพื่อนเขาก็ได้ เวลาที่ Collaborate ก็ไม่จำเป็นต้องเจอกันแต่ในห้องประชุม อย่างเดียว” เมื่อช่วงเวลาแห่งการทำงานคือโมงยามที่เป็นสุข สุขนั้นจะเจืออยู่ในบรรยากาศที่ไม่ว่าใคร ผ่านเข้ามาก็จะสัมผัสได้

ย้อมทั้งห้องให้สดใสด้วย Stretch Ceiling ซ่อนระบบ Smart Light ที่สั่งการผ่านโทรศัพท์ ปรับบุคลิกของห้องได้อย่างหลากหลาย
ทรงฝ้าโค้งเว้าช่วยเพิ่มปริมาตรสเปซภายในห้องให้ดูโล่งสบายตา ในขณะเดียวกันก็ล้อรับไปกับรูปทรง ของเฟอร์นิเจอร์ Mid-century Modern ซึ่งเป็นของสะสมของคุณอิ๋มได้อย่างลงตัว
ฝ้าเพดานซ้อนเหลื่อมระนาบ เกิดเป็นช่องให้แสงธรรมชาติเติมความสว่างให้ห้องในปริมาณที่พอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป

เจ้าของ-ตกแต่ง : คุณมิลิน วินทะไชย และคุณกรธนกฤต ตั้งสมบูรณ์

ออกแบบ :  PHTAA Living Design โดยคุณหฤษฎี ลีละยุวพันธ์

เรื่อง : ณัฐวรา ธวบุรี

ภาพ : ณัฐวรรธน์  ไทยเสน

สไตล์ : Suntreeya


โฮมสตูดิโอเชียงใหม่ อบอุ่นใจด้วยแสงแดดและสองแมว

แต่งโฮมสตูดิโอ ของศิลปินวาดภาพ ให้เหมือนมีชีวิต

DES IDEE’S ARCHITECTS โฮม สตูดิโอสถาปนิก เปี่ยมความสุขสมถะกลางธรรมชาติ