สุขภาพดี เริ่มที่ห้องครัว

สุขภาพดี เริ่มที่ห้องครัว

ในยุคกระแสที่คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ หรือ Wellness กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย กินอาหารเพื่อสุขภาพ หรือดูแลการเป็นอยู่ให้ดีขึ้น วันนี้ บ้านและสวน จะมาชวนคุยถึงจุดเริ่มต้นของ สุขภาพดี ทั้งด้านสุขภาพกาย ไปจนถึงสุขภาพใจ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของทุกคน ทุกบ้าน เพราะหนึ่งในหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีนั้น เริ่มต้นขึ้นได้ง่าย ๆ ที่ “ห้องครัว” ในบ้านของเรา

สุขภาพดี ที่ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ 

หากเราลองสังเกต คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการดูแลสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ชั่วคราว แต่กลับแทรกซึม หลอมรวมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนยุคใหม่ โดยมีหลากหลายสถิติที่สะท้อนว่า อาหารการกินเป็นส่วนสำคัญที่เราจะพัฒนาและรักษาสุขภาพที่ดีให้ตัวเองได้

ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตขึ้นของตลาดอาหารสุขภาพ หรือวัตถุดิบเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่มีสูตรลดน้ำตาล Low Sodium เพิ่มโปรตีน หรืออาหารออแกนิก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจที่มากขึ้นของผู้บริโภคที่มีต่อมื้ออาหารที่รับประทานในแต่ละวัน ประกอบกับการตระหนักรู้เกี่ยวกับอาหารแปรรูป หรือ Ultra-Processed Food ที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อร่างกาย รวมกับพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไปหลังช่วงกักตัว ทำให้หลาย ๆ ครอบครัวหันมาทำอาหารทานเองที่บ้านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาการควบคุมคุณภาพ คุณค่าทางโภชนาการอาหาร และเพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่าย การทำอาหารทานเองจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และทำให้ผู้คนลงทุนในอุปกรณ์ครัวเพื่อสุขภาพ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่น หม้อทอดไร้น้ำมัน, เครื่องปั่นสมูทตี้, เตากริลหินลาวา หรือเครื่องคั้นน้ำผลไม้ สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำอาหารเพื่อสุขภาพด้วยตัวเอง

ทำไมสุขภาพดี ถึงเริ่มที่ ห้องครัว ?

กองทัพเดินด้วยท้อง วลีตำนานที่ยังใช้ได้ในทุกยุคสมัย แน่นอนว่าก่อนเริ่มต้นวันเราต้องการเติมพลังงาน มื้ออาหารในแต่ละวัน จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลตรงกับสุขภาพที่ดีของคนในบ้าน และห้องครัวจึงไม่ได้เป็นพื้นที่สำหรับทำอาหาร แต่เป็นดั่งศูนย์ดูแลสุขภาพของเราด้วย โดยข้อดีของการทำอาหารรับประทานเองในครัวของเรามีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

  1. ควบคุมคุณภาพอาหารได้ 

เพราะการทำอาหารเองในบ้าน สามารถควบคุมและเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ สะอาด มีคุณภาพได้ด้วยตัวเอง รวมถึงควบคุมปริมาณน้ำมัน เกลือ น้ำตาล และสารปรุงแต่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ต่างจากการทานอาหารนอกบ้านที่มักจะมีปริมาณโซเดียมและไขมันสูงโดยไม่รู้ตัว

  1. ส่งเสริมการทานอาหารหลากหลายและสมดุล

การมีครัวที่พร้อมใช้งานจะช่วยให้เราสามารถทดลองทำเมนูใหม่ ๆ ได้หลากหลาย ทั้งผัก ผลไม้ โปรตีน และธัญพืช ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ไม่จำเจ ดีต่อร่างกาย

  1. สร้างสุขภาวะทางใจ

การทำอาหารเองไม่ใช่เพียงดีต่อร่างกาย แต่การได้ใช้เวลาในครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับตัวเองและคนที่คุณรัก ยังเป็นกิจกรรมที่ดีต่อจิตใจ ช่วยผ่อนคลายความเครียด สร้างความเพลิดเพลิน และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวได้ในทุก ๆ วัน

  1. ลดการบริโภคอาหารแปรรูป

การทำอาหารเองช่วยลดการพึ่งพาอาหารแปรรูปหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งมักมีปริมาณเกลือ น้ำตาล และไขมันทรานส์สูง ที่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ในปัจจุบันทำให้อาหารที่ทำเองช่วยดูแลสุขภาพในระยะยาวได้ดี การมีห้องครัวที่ดี พร้อมสำหรับทำอาหารประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลายจึงเป็นเรื่องสำคัญที่แต่ละบ้านควรใส่ใจ

ออกแบบห้องครัว ให้เป็นจุดเริ่มต้นของ สุขภาพดี

เมื่อพูดถึงห้องครัวที่เน้นเรื่องสุขภาพที่ดี แน่นอนว่าต้องออกแบบให้ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ต้องคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งาน สุขอนามัย และการส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ดีด้วย โดยมีแนวทางที่แบ่งออกเป็น 5 หัวข้อหลักดังนี้

1. การจัดสรรพื้นที่และผังครัว Layout & Zoning

  • เตา, ซิงค์, ตู้เย็น หรืออุปกรณ์สำคัญควรวางอยู่ในระยะที่เหมาะสม ไม่ไกลหรือชิดกันเกินไป เพื่อให้เราเคลื่อนไหวสะดวก ทำอาหารเร็วขึ้น และอยากเข้าครัวบ่อยขึ้น
  • พื้นที่เตรียมอาหาร ควรจะมีพื้นที่เคาน์เตอร์เพียงพอ โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับวางผัก ผลไม้ แยกจากเนื้อสัตว์ เพื่อสุขอนามัยที่ดี ไม่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคที่เป็นอันตราย
  • จัดวางอาหารเพื่อสุขภาพ การจัดสรรพื้นที่เก็บของ ให้วางผัก ผลไม้สดไว้ในที่ที่มองเห็นและหยิบง่ายในตู้เย็น เพื่อกระตุ้นให้เลือกทานสิ่งดี ๆ ก่อน เป็นต้น

2. วัสดุที่สะอาด ปลอดภัย และทนทาน (Material Selection)

  • พื้นผิวที่ทำความสะอาดง่ายและถูกสุขอนามัย โดยแบ่งเป็นพื้นที่หลัก ๆ ได้ 2 ส่วนคือ
    • เคาน์เตอร์และผนัง เลือกวัสดุผิวเรียบ ทำความสะอาดง่าย เช่น สเตนเลส หินควอตซ์ หรือกระเบื้องเรียบ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและคราบสกปรก
    • พื้นห้องครัว ควรเป็นวัสดุที่ทนทานต่อความชื้น ทำความสะอาดง่าย แต่ไม่ลื่น และไม่ดูดซับสิ่งสกปรก เช่น กระเบื้องแกรนิตโต้

อีกเรื่องที่ควรจะพิจารณาเพิ่มเติมคือการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัย และปลอดสารพิษ (Non-toxic) ปลอดสารก่อภูมิแพ้เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

3. แสงสว่างและการระบายอากาศ (Lighting & Ventilation)

  • แสงธรรมชาติ การเติมแสงธรรมชาติในห้องครัว จะช่วยเพิ่มสว่างที่ทำให้ผ่อนคลาย ที่ทำให้ห้องครัวดูสะอาด โปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น โดยควรกำหนดสัดส่วนให้ไม่ต้องรับแสงมากจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดความร้อนมากเกินได้ 
  • ไฟเฉพาะจุด (Task Lighting) การติดตั้งไฟเหนือเคาน์เตอร์และซิงค์ หรือมุมที่อับแสงไฟ ช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการทำอาหารหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในครัวได้
  • การระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ นอกจากความสว่างแล้วห้องครัวต้องคำนึงถึงการหมุนเวียนของอากาศ เนื่องจากการประกอบอาหารจะทำให้เกิดความร้อน เขม่าควัน ไอน้ำ ไอน้ำมัน ไปจนถึงกลิ่นต่าง ๆ 

ในห้องครัวจึงควรมีหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศที่สามารถเปิดระบายให้อากาศถ่ายเทสะดวก ลดความอับชื้น หรือเครื่องดูดควันที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยกำจัดกลิ่น ควัน และไอน้ำมันจากการทำอาหารได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันการสะสมของไขมันในพื้นที่บ้าน

4. อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (Appliances & Equipment)

  • เครื่องมือประกอบอาหาร การทำอาหารเพื่อสุขภาพ เราควรจะมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น เตาย่าง เตาเทปันยากิ หม้อทอดไร้น้ำมัน ที่จะทำให้ลดไขมันในมื้ออาหารได้ ไปจนถึงการเลือกใช้มีดและเขียงให้เหมาะสม มีการแยกกันระหว่างเนื้อสัตว์ ผักผลไม้ และของแห้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดี
  • อุปกรณ์จัดเก็บอาหาร ภาชนะแก้วสุญญากาศสำหรับเก็บอาหารที่ปรุงสุกแล้ว หรือเก็บวัตถุดิบ เพื่อรักษาความสดใหม่และลดการใช้วัสดุพลาสติก และช่วยลดความเสี่ยงในการบริโภคไมโครพลาสติก (Micro-Plastic) ได้

5.  จัดระเบียบและสร้างแรงบันดาลใจ (Organization & Inspiration)

  • ลิ้นชักจัดระเบียบ การจัดเก็บอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบ หยิบใช้สะดวก เช็กสต็อกได้ง่าย สะอาด เรียบร้อย จะช่วยส่งเสริมการใช้งานห้องครัวให้มีความสุขเต็มพิกัดมากขึ้น
  • บรรยากาศสร้างแรงบันดาลใจ การเลือกตกแต่ง ด้วยสีสัน วัสดุ จะช่วยกระตุ้นพลังงานที่ดีให้ผู้ใช้งาน ซึ่งหากเริ่มต้นมื้อเช้าที่ห้องครัว เริ่มต้นวันด้วยพลังงานที่ดี ก็หมายความว่าห้องครัวที่ดีจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้งานได้ในทุก ๆ วัน

โดยตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าสนใจอย่างยิ่งคือการออกแบบห้องครัวคือ “ครัวสเตนเลส” เพราะตอบโจทย์ สามารถปรับแต่งให้ตรงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างดีด้วยคุณสมบัติ ดังนี้

  • สุขอนามัย สเตนเลสเป็นวัสดุที่ไม่มีรูพรุน ไม่ดูดซับน้ำ กลิ่น หรือคราบสกปรก ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ยากต่อการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรค เพียงเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ก็สะอาดเงางาม เหมาะสำหรับครัวที่ต้องการมาตรฐานสุขอนามัยสูง
  • ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน สเตนเลสเป็นวัสดุที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน สนิม ความร้อน ทำให้มั่นใจได้ว่าห้องครัวของเราจะใช้งานได้คงทน ยาวนาน 
  • ดีไซน์ทันสมัย เรียบง่าย การออกแบบห้องครัวด้วยวัสดุสเตนเลส จะช่วยปรับความรู้สึกให้ทันสมัย มินิมัล และดูเป็นมืออาชีพ เข้ากับการตกแต่งบ้านได้หลากหลายสไตล์ สามารถผสมผสานกับวัสดุอื่น ๆ เช่น ไม้ หรือหินอ่อน เพื่อลูกเล่นในการออกแบบได้ตรงกับไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้าน 
  • ความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สเตนเลสเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100%  และเป็นวัสดุที่ควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าวัสดุบางชนิด ทำให้สอดคล้องกับแนวคิดการการดูแลโลกในปัจจุบัน

หากใครที่อยากเริ่มต้น สุขภาพดี ได้ง่าย ๆ ที่ ห้องครัว ของตัวเอง ด้วยการใส่ใจในการเลือกวัตถุดิบ การออกแบบพื้นที่ให้ใช้งานง่าย ถูกสุขลักษณะ และเลือกใช้วัสดุที่ตอบโจทย์อย่าง “ครัวสเตนเลส” จะช่วยให้การปรุงอาหาร สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลของชุดครัวสเตนเลสคุณภาพสูงได้ที่ HOOTH ผู้เชี่ยวชาญด้านชุดครัวสเตนเลส เพื่อออกแบบห้องครัวเพื่อสุขภาพที่ดี ตั้งแต่การเลือกวัสดุไปจนถึงฟังก์ชันการใช้งาน

โดยแฟน ๆ บ้านและสวนทุกคน สามารถมาทดลองสัมผัสผลิตภัณฑ์จริงได้ที่โชว์รูม HOOTH ทุกสาขา ทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น. 

  • พระราม 9 : 0-2136-5841-2
  • CDC : 0-2102-2191 
  • กาญจนาภิเษก บางแค : 0-2865-4173-4

หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

Line official : @HOOTH 

Website : www.HOOTH.co.th