หากกล่าวถึงอาร์ตทอยตุ๊กตา Crybaby เด็กร้องไห้ทว่าเต็มไปด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู หลายคนคงจะพอนึกออกว่าหมายถึง “Crybaby” ตัวแทนของหยดน้ำตาที่มาในรูปแบบของความเศร้าเสียใจ ความปิติยินดี ความเหงา หรือความอ่อนแอ แล้วแต่ใครจะตีความ
ซึ่ง Crybaby เคยถูกจัดแสดงเป็นนิทรรศการมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2565 ในครั้งนั้นก็ได้รับความนิยมและเสียงตอบรับอย่างท้วมท้นจนได้ฐานแฟนคลับกลับมาอย่างล้นหลาม ชนิดที่เรียกว่าผลงานขายหมดทุกชิ้น การกลับมาในครั้งนี้จึงบอกว่าต้องใหญ่กว่าเดิม หลากหลายกว่าเดิม ให้สมกับการรอคอยกับเวลาหนึ่งปีที่ศิลปินสาวได้ทุ่มเทอยู่กับน้อง Crybaby คนนี้ในการรังสรรค์ผลงานที่ลึกซึ้งมากขึ้น
วันนี้บ้านและสวนเลยขอมาทำความรู้จักกับเจ้าของผลงาน ผู้ให้กำเนิด Crybaby อย่าง คุณมด-นิสา ศรีคำดี หรือที่เรารู้จักเธอในนาม Crybaby Molly ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกับการจัดนิทรรศการที่กินพื้นที่การจัดงานกว่าพันตารางเมตร ว่าการกลับมาครั้งนี้มีความพิเศษอย่างไรแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงขั้นที่คนยอมมาต่อคิวเข้างานตั้งแต่วันแรก และของที่ระลึกขายหมดทุกชิ้นตั้งแต่วันแรกๆ ของงานนิทรรศการ
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit4-1.jpg)
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit2.jpg)
เพราะใครๆ ก็ “ร้องไห้” ได้
“นิทรรศการในครั้งนี้ เราใช้ชื่อว่า Everybody/Cries/Sometimes อย่างครั้งแรกเราอยากบอกว่าฉันร้องไห้ แต่ครั้งนี้เราต้องการพูดถึงเรื่องที่มันใหญ่กว่านั้น คือไม่ใช่แค่ฉันร้องไห้นะ เธอก็ร้องไห้ แล้วก็พวกเราทุกคนก็เช่นกัน ก็คือใครๆ ก็เคยร้องไห้อยู่แล้ว
เราต้องการจะสื่อสาร จะส่งข้อความออกไปให้เห็นว่า เรื่องการร้องไห้มันเป็นอารมณ์ธรรมดาสามัญของมนุษย์ ที่ผ่านมากรอบสังคมถูกตั้งกฎเกณฑ์ไว้ว่า เราไม่ควรจะแสดงความอ่อนแอหรือความอ่อนไหวของเราให้ใครเห็น เหมือนเราควรจะโชว์ด้านที่เรามีความสุขแล้ว เข้มแข็งเท่านั้น เราก็เลยเหมือน มีคําถามอยู่ในใจตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วว่า ทําไมเวลาที่เราร้องไห้ ผู้ใหญ่ถึงต้องบอกให้หยุด อย่าร้องไห้ ให้นิ่ง ให้เงียบอะไรอย่างนี้
แล้วก็ยิ่งโตขึ้นทุกวันน่ะค่ะ เรื่องอารมณ์ของเรามันเริ่มซับซ้อนกว่าตอนที่เราเป็นเด็ก คือตอนเป็นเด็ก เราร้องไห้เพราะเราแค่เสียใจ แต่พอโตขึ้น มันมีการร้องไห้ อารมณ์มันแบบท่วมท้นมากกว่านั้น มันซับซ้อนกว่านั้น เราอาจจะร้องไห้เพราะเราเสียใจมากๆ เราอาจจะร้องไห้เพราะเรารู้สึกอึดอัด กังวลใจ หรือเราอาจจะร้องไห้ในวันที่เรารู้สึกปิติยินดีด้วย
เรารู้สึกว่ามีความหลงใหลกับเรื่องของน้ำตา เลยเอาประเด็นนี้มาเป็น message สื่อสารกับผู้คนว่า การร้องไห้มันโอเคนะ ที่ในบางครั้งเราอยากจะเหมือนหยุดใช้เวลาทําความรู้สึก ทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองนะคะ แล้วก็ปล่อยให้ตัวเองได้ระบายมันออกมาบ้าง ร้องไห้ได้บ้างก็ดี เหมือนว่าเราจะได้ยกอะไรที่มันหนักอยู่ในใจเราออกไป
จากครั้งแรกที่จะพูดถึงตัวเราคนเดียว แต่ครั้งนี้มันพูดถึงเรื่องของคนทุกคนแบบ So do I.So do you.So do we. พูดถึงว่าใครๆ ต่างก็เคยร้องไห้เช่นกัน เราอยากส่งพลังให้ทุกคนรู้ว่า คุณไม่ได้ร้องไห้คนเดียวนะ คือใครๆ เขาก็ร้องไห้ มันควรจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ธรรมดา และใช้ความเข้าใจ ให้กําลังใจซึ่งกันและกัน”
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/molly-3.jpg)
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit.jpg)
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit11.jpg)
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit8.jpg)
แบ่งอารมณ์ตามสี
“จากคราวที่แล้วที่มีแค่โซนสีขาว คราวนี้คือมีสีสันชัดเจนขึ้น เพิ่มจากโซนแรกเมื่อเดินเข้ามาในงาน เลือกใช้สีที่เรียบง่ายที่สุดอย่างสีขาว ข้อหนึ่งคือเราอยากให้รู้สึกว่าเห็นแล้วมันโอเค มันเบา มันนิ่งก่อน ถ้าสมมติคุณรู้สึกอะไรหนักๆ มา ก็พักตรงนี้ก่อน เหมือนหยุดตรงนี้ก่อน แล้วพอเดินเข้ามาในงานจะเป็นสีเหลืองส้มสดใส เหมือนเราช่วยให้มันสดชื่นขึ้นนิดหนึ่ง ที่เราเลือกใช้สีเหลือง มันมาจากที่ว่าเราเคยได้ยินว่าสีเหลืองมันเป็นตัวแทนของความหวัง แต่ในอีกแง่หนึ่ง ความหวังบางครั้งก็ทําให้คนเราเจ็บปวด คือเราก็พูดไปถึงด้านนั้นด้วย แล้วพอจะจบจากนิทรรศการ เราก็เลยเหมือนดรอปด้วยสีเทาเข้ม ปรับอารมณ์ให้นิ่งแล้ว ค่อยทิ้งอะไรที่ไม่ค่อยดี ความเจ็บปวด ความรู้สึกลบต่างๆ ไว้ข้างหลัง อยากให้ทุกคนก้าวต่อไป”
หลายวัสดุ หลากเทคนิค
“สำหรับนิทรรศการครั้งนี้ เราตั้งใจครั้งใหญ่มาก อย่างที่บอกว่ามันพูดถึงคนทุกคน เราก็เลยเตรียมรูปแบบนิทรรศการบนขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นหลายเท่ามากเลยค่ะ ครั้งนี้จัดบนพื้นที่เกินหนึ่งพันตารางเมตร
เรามี Painting เยอะขึ้น ประมาณยี่สิบกว่าชิ้นนะคะ มี Painting เป็นสีน้ำมัน นอกจากนี้เรายังมี Sculpture คือรอบที่แล้วก็มี แต่คราวนี้ตัว Sculpture เราจะมีหลายวัสดุมากยิ่งขึ้น มีทั้งตัวที่เป็นบรอนซ์แล้วมีตัวที่เป็นสเตนเลสสตีล ตัวที่เป็นไม้ มีเรซิ่น คือมีทุกอย่างผสมกันเยอะเลย
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit15.jpg)
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit14.jpg)
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit16.jpg)
นอกจากนั้นยังมีภาพพิมพ์ ส่วนของภาพพิมพ์เองก็มีอีกหลายเทคนิคด้วย อย่างอันแรกๆ ก็เป็น Screen Print คือเป็นไดคัทด้วยนะคะ ไม่ได้เป็นแค่สี่เหลี่ยม แล้วก็มีตัวที่สกรีนหลายสีมากเลย มันก็สามสิบกว่าสี ซึ่งก็ยากเหมือนกัน แล้วก็มี Mezzotint เป็นภาพพิมพ์ที่เหมือนการเขียนบนเพลทเหล็ก แล้วเราก็เอาไปขึ้นแท่นพิมพ์ ซึ่งน้อยคนมากเลยที่รู้จักวิธีการนี้ มีพรมด้วยนะคะ ก็คือเราพยายามทําอะไรหลายๆ อย่าง คนจะได้เหมือนรู้สึกว่าเรื่องเล่ารอบนี้มันใหญ่ เพราะเราพูดถึงเรื่องที่มันใหญ่ขึ้นและหลากหลายมากขึ้น”
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit5.jpg)
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/molly-2.jpg)
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit17.jpg)
นิทรรศการที่เข้าถึงผู้คนอย่างตรงไปตรงมา ผ่านการเลือกวัสดุ
สำหรับไฮไลต์ในครั้งนี้ ที่ถ้าใครไม่ได้ถ่ายด้วยเหมือนมาไม่ถึงคือผลงานชิ้น The Broken One หรือส่วนของหัว Crybaby ขนาดยักษ์ที่ตั้งเอียงอยู่กลางพื้นที่จัดงาน โดยชิ้นส่วนอวัยวะชิ้นอื่นๆ ถูกวางกระจัดกระจายอยู่ในงาน ราวกับร่างที่แหลกสลาย ซึ่งนอกจากขนาดที่ใหญ่กว่าปกติแล้ว การเลือกบุชิ้นส่วนเหล่านี้ด้วยขนเฟอร์ กลับทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้ชวนน่าสัมผัสหรือขอเดินชมไป ลูบไปสักหน่อย ราวกับถูกบำบัดไปโดยไม่รู้ตัว
“สำหรับตัวหัวใหญ่บุขนเฟอร์ในงาน ถ้าเราสังเกตคือลูกตานี่หมุนได้ มีไฟให้คนมาถ่ายรูป แล้วก็มีตัวน้องอีกตัวที่นอนข้างล่างในห้องพิเศษโซน The Imsomniac ซึ่งที่เราทําเลือกทําเป็นขน มันมาจากที่ตัวเราชอบงานคราฟท์ ชอบงานประดิษฐ์ ชอบทําตุ๊กตา ทําของกระจุกกระจิก เราก็อยากให้มีตัวใหญ่ๆ ให้คนรู้สึกว่ามันจับได้ กอดแล้วมันนุ่มนิ่ม มันกอดได้อะไรอย่างนี้ค่ะ ให้คนรู้สึกเข้าถึงง่าย
เพราะว่าโดยปกติแล้วพวกงานชิ้นงานที่เป็นงานศิลปะอย่างงาน Painting หรือ Sculpture มันไม่สามารถจับต้องได้ แต่นิทรรศการครั้งนี้คืออยากให้ข้อความ มันเข้าถึงคนที่มาในงานได้มากที่สุด รู้สึกเป็นกันเอง พยายามแสดงออกง่ายๆ ว่าซื่อตรงและจริงใจ ก็เลยทําตัวพวกนี้มาสําหรับให้ทุกคนสามารถกอดจับ สัมผัสได้เต็มที่”
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit19.jpg)
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit18.jpg)
จุดฮีลกาย ฮีลใจของคนนอนไม่หลับ
“ในส่วนของโซนพิเศษของเทศกาลบริเวณชั้นหนึ่ง เรียกว่า The Insomniac Zone สื่อสารถึงคนนอนไม่หลับ ทำให้เวลาในแต่ละคืนกว่าจะผ่านไปนั้นช่างยาวนาน หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เฝ้าคิดกังวลเวียนไปจนเวลากลางคืน พื้นที่โซนนี้เราเลยสร้างเตียงยักษ์ขนาดใหญ่ ขนาด 8×14 เมตร ที่มีน้อง Crybaby ขนาดความสูง 2.40 เมตร ความยาว 5 เมตรนอนอยู่ตรงกลาง
แล้วก็บุผนังทุกอย่างด้วยขนเฟอร์ คือเป็นโซนที่นุ่มนิ่มทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนได้ใช้เวลา เหมือนนอนบนเบาะนุ่มๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเรามีอะไรที่ซัพพอร์ต ฮีลใจ เหมือนเราผ่านอะไรที่มันหนักๆ มา ได้มาเจออะไรที่มันเบาๆ นุ่มๆ อะไรอย่างนี้ค่ะ ซึ่งแต่ละคนสามารถมีเวลาได้ถึงสี่สิบนาที ไม่ต้องเร่งรีบ ได้นอน ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้ทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้น”
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit12.jpg)
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/molly-4.jpg)
ทุกคนไม่ได้อยู่คนเดียว ทุกคนยังมี Crybaby
“ในฐานะที่เป็นแบบศิลปินคนทําจริง ๆ เรื่องที่จะพูดก็คือเราสร้าง Crybaby ขึ้นมาเพราะว่าเรารู้สึกว่าการร้องไห้ มันเหมือนสัญลักษณ์ของความอ่อนแอใช่ไหมคะ คือเราอยากจะให้มันมาช่วยทําการร้องไห้มันเป็นแง่บวกมากขึ้น คือมองมาในเรื่องของการชําระล้างจิตใจ ปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึก เราก็เลยเหมือนจะให้มันดูน่ารัก สื่อสารกับคนได้อย่างซื่อตรงจริงใจ สิ่งที่เราคาดหวังก็คือเราอยากให้มันเป็นจุดหนึ่งเล็กๆ ที่เหมือนช่วยเปลี่ยนแปลงความรู้สึก
อนาคตเราไม่แน่ใจว่านิทรรศการมันจะใหญ่กว่านี้มั้ยนะ แต่เรามั่นใจว่าเราก็ยังคงจะพูดถึงเรื่องที่ จะพูดเหมือนย้ำซ้ำๆ ว่า เราร้องไห้แล้วมัน โอเค! จะเป็นกําลังใจ เป็นทางเลือกหนึ่งให้ทุกคนรู้สึกว่าเหมือนมีคนร้องไห้ข้างๆ เวลาเขาเสียอกเสียใจ หรือแบบว่ามีเรื่องอึดอัดใจอะไรอย่าง แค่รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ มันก็โอเค ยังอยากทํานิทรรศการที่ให้คนที่ได้มารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่”
![Crybaby](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/carybaby-edit-1.jpg)
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวคิดที่ศิลปินสาวได้ใช้เวลาพูดคุยกับเราในระยะเวลาสั้นๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเต็มเปี่ยม เปี่ยมที่ว่าคืออารมณ์ ความตั้งใจ แรงบันดาลใจ และความหลงใหลในสิ่งที่ทำ เราเลยเชื่อจริงๆ ว่า น้อง Crybaby คือตัวแทนของ Crybaby Molly ที่อยากเป็นเพื่อนกับทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหา คนที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ ที่ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องที่หนักหนา เช่นเดียวกับเธอที่สร้าง Naked Brownหรือ Crybaby สีน้ำตาลตัวออริจินอล ที่ร้องไห้เพราะเธอรู้สึกเจ็บจากการไปสัก ซึ่งรอยสักนั้นเองที่เป็นสัญลักษณ์ของบาดแผลหรือความเจ็บปวดที่ผ่านมา หรือจะเป็นตัวที่เหลือง หรือ Naked Blondeที่แทนฝรั่งที่อาบแดดจนตัวแดง โดยแต่ละตัวก็มีเหตุผลในการร้องไห้ที่แตกต่างกันออกไป
“ระดับความ Deep ของแต่ละอารมณ์มันต่างกัน แต่เราเคารพหมดเลย ไม่ว่าจะทุกความรู้สึกเล็กน้อยไปจนถึงแตกสลาย ทุกความรู้สึกว่ามันสําคัญหมด มันเป็นความรู้สึกที่ควรพูดถึงทั้งหมด”
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปดูนิทรรศการ ยังสามารถไปกันได้ นิทรรศการจัดตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ที่ RCB Galleria 1-3 ชั้น 2 (เข้าชมฟรี) และ RCB Artery ชั้น 1 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก (The Insomniac Zone สุด Exclusive 450 บาท) แล้วมาร่วมกันปลดปล่อยความรู้สึกและอารมณ์ไปด้วยกันนะคะ
![](https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2023/08/molly-.jpg)
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://rivercitybangkok.com/th/everybody-cries-sometimes/ หรือดูได้ที่ Ticket Melon ตามลิ้งค์ด้านล่างได้เลยค่ะ https://www.ticketmelon.com/rivercitybangkok/everybodycriessometimes