มะเดื่อฝรั่ง ให้ผลดก ราคาดี

มะเดื่อฝรั่ง หรือ Figs ผลไม้ในอนาคตที่ให้ผลผลิตมากและราคาดี ยังเป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังมีหลายสายพันธุ์ที่เหมาะกับอากาศเมืองไทย และเหมาะกับการปลูกเชิงพาณิชย์

มะเดื่อฝรั่ง

ะเดื่อฝรั่ง คุณเกียรติ – ดำรงค์เกียรติ ทองโสภณ ประกอบอาชีพหลักเป็นพนักงานบริษัท และมีอาชีพรองเป็นเจ้าของสวนมะเดื่อฝรั่ง (Figs) เฟิร์ส&เฟรนด์ คุณเกียรติ เล่าด้วยรอยยิ้มถึงที่มาที่ไปของการตกหลุมรักมะเดื่อฝรั่งว่า “ เริ่มต้นจากการเห็นภาพในหลวงรัชการที่9 ถือผลมะเดื่อฝรั่งอยู่ จึงสงสัยว่าคือผลไม้อะไร จากนั้นเลยเริ่มทำการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล และได้รู้ว่าคือผลของมะเดื่อฝรั่ง ที่ในหลวงท่านได้นำมาปลูกไว้ที่โครงการหลวง จึงเกิดความสนใจและเริ่มหาต้นพันธุ์จากกลุ่มเฟสบุ๊ก คนรักต้นมะเดื่อฝรั่ง (Figs) เริ่มปลูกสะสมมาเรื่อยๆ ปัจจุบันมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ และยังสะสมเพิ่มเรื่อยๆ สายพันธุ์ใหม่ๆก็รับกิ่งสดมาทดลองเสียบยอด หรือชำไปเรื่อยๆ ”

มะเดื่อฝรั่ง
มะเดื่อฝรั่ง

เมื่อพูดคุยถึงแต่ละสายพันธุ์ของมะเดื่อฝรั่ง คุณเกียรติ บอกว่า “ สายพันธุ์พื้นฐานดั้งเดิมที่นิยมปลูกกัน คือ กลุ่ม BTM6 , บราวน์ตุรกรี (Brown Turkey) , ออสเตรเลีย (Australia) กลุ่มเหล่านี้คือที่นิยมปลูกกันใหม่ๆเลย ซึ่งที่โครงการหลวงก็จะเน้นพวกสายพันธุ์นี้เป็นหลัก ส่วนสายพันธุ์อื่นๆที่อร่อยๆหน่อยก็จะเป็นพวกตระกูล BM ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชามะเดื่ออยู่แล้ว โดยที่เนื้อจะมีความอร่อยแต่ว่าเขาจะไม่เหมือนสายพันธุ์ทั่วๆไป คือสายพันธุ์ทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ผลก็สุกแล้ว แต่ตระกูล BM จะใช้ระยะเวลากว่าจะสุกประมาณ 5-6 เดือน รสชาติก็ค่อนข้างที่จะเข้มข้น เนื้อจะหวานเป็นแยมเลย นอกจากนี้ก็มีสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่เวิร์ด (Strawberry​ verte​) รสชาติจะออกติดแนวเบอร์รี่ สำหรับใครที่ไม่ชอบหวานโดดก็ต้องตัวนี้เลย แต่ใครสายหวานต้องกลุ่มตระกูลไวท์ เช่น อิตาเลียนไวท์ (Italian White) ลองกระดุ้ก (longue d’aout) และจะมีช่วงหนึ่งที่พันธุ์ อิรักกี้ (Iraqi) เป็นกระแส หาง่าย และปลูกไม่ยาก พันธุ์นี้ผลจะมีผิวเป็นขนๆ บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ส่วนมากผมจะปลูกไว้เพื่อใช้เป็นต้นตออย่างเดียว เพราะมีลักษณะที่ทนต่อสภาพแวดล้อม โตไว ระบบรากหากินเก่ง จึงเหมาะกับการใช้เป็นต้นตอที่ดีมากครับ ”

มะเดื่อฝรั่ง

สำหรับมือใหม่ ผมแนะนำสายพันธุ์บราวน์ตุรกรี (Brown Turkey) , ออสเตรเลีย (Australia) , อิรักกี้ (Iraqi) กลุ่มนี้เขาจะค่อนข้างโตไวและทน ซึ่งพันธุ์บราวน์ตุรกรี จะทนและผลค่อนข้างใหญ่ ถ้าจะปลูกเชิงพาณิชย์ก็แนะนำสายพันธุ์นี้ครับ เพราะค่อนข้างโตเร็ว ลักษณะใบเป็นใบแฉก ผลจะออกสีแดง เนื้อด้านในก็มีสีแดงเช่นกัน และอีกสายพันธุ์ที่แนะนำคือ BTM6 ที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากพันธุ์บราวน์ตุรกรี ก็มีรสชาติคล้ายกัน แต่ลักษณะผลจะค่อนข้างใหญ่กว่า และทนต่อสภาพอากาศได้ดีกว่า”

สายพันธุ์บราวน์ตุรกรี (Brown Turkey)
มะเดื่อฝรั่ง
Kuromitsu พันธุ์นีก็ดีครับ จะมีความหวานคล้ายเบอร์รี่นิดๆรสชาติค่อนข้างโดดเด่น แต่จะหวานไม่สู้ไวท์อิสราเอล ผลมีสีดำ สำหรับมือใหม่หัดปลูกพันธุ์นี้ก็เป็นอีกสายพันธุ์ที่แนะนำครับ ค่อนข้างทน ปลูกไม่ยากมาก

นอกจากนี้เมื่อเราเริ่มเกิดการเรียนรู้และเข้าใจในการปลูกเลี้ยงมะเดื่อฝรั่งมากขึ้นแล้ว เราก็ต้องลองสายพันธุ์ที่มีความยากขึ้นมาอีกขั้น ซึ่งคุณเกียรติ ก็ได้แนะนำถึงมะเดื่อฝรั่งที่เป็นกลุ่มปลูกยากระดับกลางๆ พร้อมเทคนิคการดูแลง่ายๆไว้ว่า “สำหรับกลุ่มที่ปลูกเลี้ยงยากระดับกลาง ก็จะได้แก่พวกสายพันธุ์ลองกระดุ้ก (longue d’aout) พันธุ์นี้จะผลใหญ่และมีรสชาติหวานนำ ปลูกเชิงพาณิชย์ได้ แต่มีข้อเสียคือเปลือกบาง ใบแฉกคล้ายใบมะละกอ แต่บางต้นก็จะมีทั้งใบโพธิ์และใบแฉกในต้นเดียว ผลจะมีลักษณะคล้ายหยดยน้ำยาวๆ สีน้ำตาลอมเขียว ส่วนมากที่สวนจะออกเขียวๆ อย่างที่บอกว่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย บางทีแต่ละฤดูก็สีไม่เหมือนกัน ส่วนเนื้อด้านในก็จะออกน้ำตาล”

พันธุ์ Socorrow Black ลักษณะลูกจะมีความแป้น
พันธุ์ Jin Ao Fan

แล้วคุณเกียรติ ก็ได้แนะนำถึงสายพันธุ์ระดับเทพที่การปลูกเลี้ยง การดูแลก็มีความยากมากขึ้น “สายพันธุ์ที่ถือว่าเป็นระดับเทพนี้ การดูแลต้องอาศัยความรักความเอาใจใส่ค่อนข้างสูง ซึ่งการเลี้ยงดูที่ยากก็แลกมาด้วยรสชาติที่อร่อยและคุ้มค่าอย่างเช่น พันธุ์​ Bordissort Negra Rimada (BNR) ที่มีราคาที่สูง และรสชาติค่อนข้างดี ใช้ระยะเวลาในการสุกนาน ในกลุ่มปลูกเราจะเรียกกันสนุกๆว่า บี้เอ็นอ้า เพราะตระกูลนี้กลุ่มนี้ถ้าได้น้ำมากเกินผิวจะแต่งตึงและแตก ต่อมาคือ ตระกูล Black Madeira (BM) ซึ่งปัจจุบันแตกสายพันธุ์ย่อยไปหลากหลายมาก เช่น BMKK รสชาติจะหวานเข้มข้นมาก เนื้อเป็นแยม ระยะเวลาการสุกค่อนข้างจะนาน ถ้าได้น้ำเยอะผลจะแตกเช่นกัน เพราะผิวจะหนากว่าสายพันธุ์ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ก็ยังมีตระกูลColl de​ dame (CDD), พันธุ์ Jolly Tiger, พันธุ์ Chicago Hardy และ พันธุ์คาวาเลีย ที่จัดอยู่ในกลุ่มระดับเทพซึ่งต้องระเอียดในการดูแลมากพอสมควรครับ”

พันธุ์ Jolly Tiger
พันธุ์​ Bordissort Negra Rimada (BNR)
พันธุ์​ Bordissort Negra Rimada (BNR)
ตระกูล Black Madeira (BM)
มะเดื่อฝรั่ง
ผลของมะเดื่อฝรั่งที่ได้รับน้ำมากเกินไปทำให้ผลเต่งและแตก
ผลของมะเดื่อฝรั่งที่ถูกศัตรูตัวร้ายคือนกที่คอยเฝ้าเมื่อคุณลืมใส่มุ้งครอบไว้
วิธีป้องกันนกหรือกระรอกง่ายๆด้วยการหุ้มผลมะเดื่อฝรั่งด้วยถุงมุ้ง
มะเดื่อฝรั่ง
กิ่งพันธุ์ที่ตอนไว้นำออกมาไว้กลางแจ้งเพื่อให้พืชเกิดการปรับตัวกับสภาพอากาศ
การตอนกิ่งหุ้มตุ้มตอนด้วยฟอยด์เพื่อล่อรากให้งอกเร็วและมีสีขาวสวย

ต่อมาคุณเกียรติก็ได้พาเรามาชิมรสชาติของมะเดื่อฝรั่งหลังจากที่พึ่งพาเราเดินเก็บจากสวน

พันธุ์ BNR เป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่นในวงการ มีความหวาน หอม อร่อยกลมกล่อม
Cavalier มีรสชาติเปรี้ยวนำ เนื้อมีความหนึบหนับ มีความหวานตามนิดๆ รสเปรี้ยวจะออกแนวเบอร์รี่
มะเดื่อฝรั่ง
Kuromitsu ใส้ด้านในสีน้ำตาลอมส้ม รสชาติไม่หวานมาก หวานระดับกลางแต่มีความฉ่ำและเย็น
LSU gold มีความหวานระดับกลางๆ ไม่โดดเด่นมาก และติดกลิ่นเขียวนิดหน่อย
ไวท์อิสราเอล (White Israel) มีกลิ่นหอมนิดๆแต่ไม่แรงมาก รสชาติหวานแต่ไม่โดดเด่นมากเนื่องจากเป็นผลที่สุกประมาณ 60%
พันธุ์ Zaffiro เป็นสายพันธุ์มาจากอิตาลี รสชาติมีความหวานโดดเด่น และเนื้อมีความหนึบหนับ
พันธุ์สตรอว์เบอร์รี่เวิร์ด (Strawberry​ verte​) มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน แต่ไม่หวานจัด เนื้อสำผัสมีความหนึบ
มะเดื่อฝรั่ง
CDD Gegantina ความหวานอยู่ระดับกลางๆ รสชาติคล้ายสตรอเบอรี่ มีความฉ่ำคล้ายแยม
Socoloblack ลักษณะลูกมีความแป้นๆ มีความหวานหนึบ เมื่อเคี้ยวไปสักพักจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆในตอนท้าย
มะเดื่อฝรั่ง

“ จากจุดเริ่มต้นที่มีเพียงสายพันธุ์พื้นๆ สู่ปัจจุบันที่มีนับร้อยกว่าสายพันธุ์และยังมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความรักความชื่นชอบเราจึงอยากสะสมและเรียนรู้ต่อไปเช่นกัน ”

ขอขอบคุณ : คุณเกียรติ – ดำรงค์เกียรติ ทองโสภณ เจ้าของ สวนมะเดื่อฝรั่ง (Figs) เฟิร์ส&เฟรนด์

ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง

เรื่อง : อธิวัฒน์  ยั่วจิตร


สนใจสั่งซื้อหนังสือ สมุนไพรฝรั่ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรงเรือนต้นไม้ พร้อมแปลน งบไม่เกินแสน

การขยายพันธุ์ กวักมรกต