เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้คน

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าสามย่านมิตรทาวน์สีลมเอจ, FYI Center, Park Venture Ecoplex, Sathorn Square, W HotelBangkok มีผู้บริหารเดียวกันคือ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ซึ่งยังเป็นผู้พัฒนาบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมคุณภาพภายใต้แบรนด์ที่ขึ้นต้นด้วย Goldenอีกหลายโครงการ ขณะเดียวกัน ยังให้บริการโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าแบบสำเร็จรูป (Ready-Builtและแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit)

เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของไทยที่รวม3 กลุ่มธุรกิจไว้ด้วยกัน ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย (Residential) อุตสาหกรรม(Industrial)และพาณิชยกรรม(Commercial)

หากย้อนกลับไปถึงที่มาของของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยนั้น เดิมเป็นที่รู้จักในชื่อบริษัท ไทคอน               อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อนที่ในปี 2562ได้เปลี่ยนชื่อและชื่อย่อสัญลักษณ์สำหรับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มาเป็น บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT โดยบริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด บริษัทข้ามชาติจากสิงคโปร์ที่มีการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรใน 22ประเทศทั่วโลก

ถัดมาในปี 2563ได้มีการควบรวมธุรกิจกับบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือที่คุ้นหูกันในชื่อแบรนด์ Goldenlandผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบและพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยได้จัดทัพองค์กรกันใหม่และก้าวขึ้นเป็น “แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย”

คุณธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) 
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

คุณธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็น Strategic Locationสำคัญของกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งพอร์ตโฟลิโอของแต่ละกลุ่มธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคง  

ธุรกิจแรก อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย พัฒนาบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมจำนวน 74โครงการ มูลค่ารวมกว่า 96,000ล้านบาท ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยตอนนี้มีกลยุทธ์เน้นไปที่การพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ The Grand, Alpinaและแบรนด์ใหม่อย่าง The Royal Residence

สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ต้องบอกว่า เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เป็นผู้นำตลาด ด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 3.4 ล้านตารางเมตรในทำเลยุทธศาสตร์ 50 แห่งทั่วประเทศไทย พร้อมขยายการลงทุนไปยังเวียดนามและอินโดนีเซีย

ส่วนอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม มีตั้งแต่อาคารสำนักงานให้เช่าและรีเทลรวมพื้นที่ถึง 240,000ตารางเมตร และโรงแรม 5 แห่งรวม 1,100 ห้อง ซึ่งมีโลเคชันตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ

รวม 3 ธุรกิจสร้างคุณภาพของรายได้อย่างยั่งยืน

            หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ปีนี้เป็นปีที่เห็นภาคธุรกิจฟื้นตัวกันอย่างเต็มที่ การเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาคึกคัก รวมถึงมีกระแสการลงทุนจากต่างชาติเข้ามามากกว่าเดิม แต่ยังมีความท้าทายอยู่ด้วย ทั้งประเด็นอัตราเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย การแข่งขันในตลาดที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามากขึ้น ดังนั้น หากจะก้าวต่อไปก็ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง

            “ถ้าเราทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่มีความยืดหยุ่นพอกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป” คุณธนพลกล่าวและเสริมว่าการที่เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรจึงกลายเป็นผู้ได้เปรียบในตลาด เพราะมีทั้งธุรกิจที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป รวมถึงธุรกิจให้เช่าโรงงานและคลังสินค้าและธุรกิจพาณิชยกรรมที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ โดยตั้งเป้าการเติบโตอย่างมั่นคงอยู่ที่ปีละ 15%

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้

Inspiring experiences, creating places for good. 

ข้อมูลข้างต้นคือภาพรวมธุรกิจของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ซึ่งเมื่อเจาะลึกลงไปแล้วพบว่าพวกเขาทำมากกว่าการสร้างบ้าน ให้เช่าคลังสินค้า หรืออาคารสำนักงานให้เช่า คุณธนพล บอกถึงเจตจำนง (Purposeของธุรกิจว่า คือ การสร้างสรรค์พื้นที่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้คน

เรา Creating places for good โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและความต้องการของลูกค้า หมายถึงการทำโปรเจคต่าง ๆ ให้ออกมาดี ในแง่ของคุณภาพ การใช้วัสดุ และการสร้างประสบการณ์ 

เราไม่ได้แค่สร้างบ้าน เรามีความเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ รู้ว่าจะทำอย่างไรให้บ้านน่าหลงใหล เสาร์-อาทิตย์ก็อยากอยู่บ้าน จึงให้รายละเอียดกับฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ  เช่น ห้องพระ ห้องซักล้าง สวน สระว่ายน้ำภายในบ้าน คือเราไม่ได้สร้างแค่บ้านที่มีฟังก์ชันเป็นกล่อง ๆ แต่เราสร้างให้คนที่อยู่แล้วรู้สึกว่าได้รับประสบการณ์ที่ดี

เราไม่ได้ให้บริการแค่พื้นที่โรงงานและคลังสินค้า แต่ยังมองว่าจะทำอย่างไรให้คนทำงานอยู่ในอาคารของเราแล้วมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดี พร้อมด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

และเราคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกอยากไปทำงานในออฟฟิศ แล้วเขาจะมีความสุขหรือมีพลังได้อย่างไร นี่เป็นการสร้างประสบการณ์ที่จะทำให้คนที่มาใช้บริการในโครงการของเราเกิดความประทับใจ”

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้

แผนการเป็น Real Estate as a Service Brand

            เมื่อมีเจตจำนงที่ชัดเจนจึงเป็นที่มาของการผลักดัน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เป็น Real Estate as a Service Brand ให้เกิดขึ้นในปี 2568 คุณธนพลกล่าวว่า“คนที่ซื้อโครงการของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ไม่ใช่แค่ได้พื้นที่ ไม่ได้แค่บ้าน แต่ได้บริการอื่น ๆ ที่เราคิดให้เรียบร้อย” 

            หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องของเทคโนโลยี เช่น มีการใช้ระบบจดจำใบหน้า (Face Recognitionในการเข้า-ออกพื้นที่ ระบบอำนวยความสะดวกด้านการควบคุมยานยนต์เข้า-ออกพื้นที่ ตลอดจนติดตามการจราจรและระดับมลภาวะภายในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือทำระบบ Building Automation Systems ควบคุมการเปิด-ปิดแอร์และไฟผ่านคอมพิวเตอร์ 

โดยในธุรกิจที่อยู่อาศัยมีแอปพลิเคชัน Home+ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตลอดกระบวนการขายและบริการได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงมอบบริการเสริมต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรเพื่อดูแลลูกบ้านให้ดียิ่งขึ้น

            นอกจากนี้ มีการพัฒนาอาคารของโรงงานและคลังสินค้าตามมาตรฐานอาคารเขียว (LEED)ซึ่งได้รับแรงผลักดันเรื่องนี้มาจากลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG (Environment, Social, Governance) จึงเลือกผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการดำเนินธุรกิจตามแนวทางESG และการพัฒนาอาคารเขียว ที่ทำความเข้าใจกระบวนการทำงานทั้งหมด รวมถึงให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต จึงใส่ใจเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งการออกแบบให้อากาศถ่ายเท คำนึงถึง Universal Design และปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่สีเขียว มีพื้นที่ออกกำลังกาย เป็นต้น

โดยเตรียมการให้บริการคลังสินค้าแบบใช้ร่วมกัน (Co-Warehousing) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องใช้บริการรายครั้ง (Pay-Per-Useหรือต้องการจัดเก็บสินค้าภายในคลังสินค้าตามจำนวนพาเลท (Pay-Per-Pallet) รวมถึงตอบสนองความต้องการใช้พื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีที่เป็นของส่วนกลางโดยจ่ายค่าบริการตามจำนวนการใช้งาน

            ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับรูปแบบการใช้งานออฟฟิศของคนยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง จึงเกิดเป็นนวัตกรรมการบริการในธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าภายใต้คอนเซ็ปต์ Core & Flex ที่มีทั้งพื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐาน และแบบยืดหยุ่น มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน โดยมีค่าใช้จ่ายตามประเภทการบริการหรือระยะเวลาที่ต้องใช้งาน 

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้

ทั้งหมดนี้เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ Inspiring experiences, creating places for good. หรือ สร้างสรรค์พื้นที่ ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ ด้วยความมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงที่เปี่ยมไปด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าและผู้ใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ให้เป็นที่จดจำในแง่ของแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ในที่สุด