บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน

บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวนของ ป้าจิ๊ – อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ

บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน
บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน

บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน ที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นผสมกับแบบไทย ภายในเน้นความเรียบโล่ง เพราะเจ้าของบ้านไม่ชอบของรกๆ ท่ามกลางบรรยากาศของสวนสวยที่ออกแบบได้สอดรับกันกับตัวบ้าน

บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน

บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน หลังนี้เป็นของ ป้าจิ๊ – คุณอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ นักแสดงมากความสามารถ ผู้มีพลังอย่างล้นเหลือ เพราะเธอเป็นทั้งครูสอนโยคะ นักวิปัสสนา และยังคอยช่วยเหลือเหล่าเด็กน้อยด้อยโอกาส ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ป้าจิ๊ทำด้วยหัวใจที่พร้อมจะเผื่อแผ่แก่คนรอบข้าง ซึ่งฉันเชื่อว่านั่นทำให้เธอมีความสุขอยู่เสมอ

ป้าจิ๊พาฉันเดินดูรอบบ้าน พื้นที่หลังบ้านนั้นอยู่ติดท้องนาของชาวบ้านในละแวกนั้น บ้านบนพื้นที่กว่า 5 ไร่หลังนี้จึงมีธรรมชาติเป็นเพื่อน มีคู่หูเป็นนกน้อยนานาชนิด มีการขุดบ่อบัวไว้ 2 บ่อสำหรับพายเรือเล่น บ่อแรกอยู่หน้า เรือนหลังเก่า ส่วนอีกบ่ออยู่ในสวนกว้างบริเวณเรือนหลังใหม่ สำหรับตัวบ้านนั้นสร้างเป็นสามเรือน ได้แก่ เรือนใหญ่ เรือนหลังใหม่ และเรือนรับแขก ซึ่งป้าจิ๊บอกว่ามาเกือบทุกอาทิตย์ และได้สลับใช้งานตลอด

บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน
ภาพของเรือนใหญ่และเรือนหลังใหม่ซึ่งมีธรรมชาติรอบๆเป็นตัวเชื่อมบรรยากาศ
บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน
ระเบียงเชื่อมจากเรือนหลังใหม่ไปยังเรือนรับแขก มองจากมุมนี้จะเห็นนาข้าวเขียวขจี ป้าจิ๊บอกว่าบ้านนี้จะเปลี่ยนอารมณ์ไปทุกฤดู เพราะธรรมชาติโดยรอบเปลี่ยนไป จากสีเขียวเป็นสีทองตามสีของท้องทุ่งนา
บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน
ระเบียงทางเดินที่เชื่อมต่อบ้านหลังใหม่กับเรือนรับแขกซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ในยามเย็นจะเห็นแสงเงาของเสาบ้านที่ทาบเงาบนพื้นอย่างสวยงาม
บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน
เสาไม้และโคมไฟทรงสี่เหลี่ยม ช่วยให้บ้านไม้ทั้งหลังดูโมเดิร์นขึ้น
ชานไม้
ลานไม้หน้าบ้านซึ่งป้าจิ๊บอกว่าเป็นมุมมาสเตอร์พีซ  เพราะมองเห็นบรรยากาศรอบบ้านได้ทั้งหมด ฉะนั้นเวลามีแขกมาก็ต้องมานั่งมุมนี้ คุณมณฑลยังตั้งใจให้เป็นลานอเนกประสงค์ สำหรับนั่งวิปัสสนา หรือฝึกโยคะใกล้สวนสวยด้วย

“ชอบอยู่ที่เรือนหลังใหม่ เพราะหยิบของใช้ต่างๆได้ง่าย แต่ก็สลับไปนอนที่เรือนใหญ่บ้าง ตั้งใจจะยกหลังนี้ให้การกุศลด้วยเมื่อป้าไม่อยู่แล้ว คนที่ได้บ้านนี้ไปก็จะได้มีความสุขที่ได้อยู่ในบ้านสวยๆ”   

ก่อนหน้านี้ป้าจิ๊ได้ยกเรือนไทยหลังเก่าให้เป็นสถานปฏิบัติธรรม โดยยกเฉพาะตัวเรือนไป แล้วจึงสร้างเรือนหลังใหม่บนที่ดินเดียวกับเรือนไทยหลังเก่าเป็น บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน โดยตกแต่งแบบโมเดิร์นผสมกับแบบไทย และสร้างเรือนรับแขกไว้ใกล้กัน สำหรับใช้ต้อนรับเพื่อนๆหรือแขกที่มาเยี่ยมเยือน ส่วนสวนสวยที่ดูรับกับตัวบ้านนั้นก็ได้สถาปนิก คุณบุญเลิศ เหมวิจิตรพันธ์ และคุณมณฑล  จิโรภาส เป็นผู้ออกแบบและดูแลสวนให้

“ทั้งสองคนนี้ถือเป็นผู้มีพระคุณของป้าเลยนะ เขาจะคอยช่วยคิด อย่างคุณมณฑลบอกให้ขยับบ้านไปทางนี้หน่อยสวนจะสวย คุณบุญเลิศก็เห็นดีด้วย และช่วยออกแบบภายในบ้านให้เป็นตัวตนของป้า เช่น ป้าชอบบ้านเรียบๆ ต้องซ่อนของไว้ให้หมด เพราะไม่ชอบของรกๆ นอกจากนี้เขาทั้งคู่ยังเป็นคนแสนดี พอรู้ว่าป้าจะยกบ้านนี้ให้การกุศล  ก็ช่วยป้าด้วยความเต็มใจ ค่าออกแบบก็รับไปนิดเดียว ให้อีกก็ไม่เอา บอกว่าได้ทำบ้านให้ป้าก็เป็นเกียรติแล้ว เงินที่ให้ก็ฝากไปทำบุญทั้งหมด  คุณมณฑลเองทำสวนเสร็จก็ดูแลสวนให้ คาดว่าจะดูแลไปตลอดชีวิต ทั้งยังเป็นขุนพลคู่ใจช่วยป้าคิดเรื่องต่างๆในชีวิต”

ส่วนรับประทานอาหาร
นอกหน้าต่างไม้บานใหญ่เป็นภาพของสวนสวย ให้ความสุขใจขณะนั่งรับประทานอาหาร โต๊ะอาหารทำจากหินอ่อน ซ่อนไฟไว้ด้านล่าง เพื่อให้มีแสงนวลตาเข้ากับเพดานด้านบน เก้าอี้เป็นไม้เก่าซึ่งขัดสีให้อ่อนลง
ผนังบ้านกรุไม้ลายแนวนอน ส่วนตู้เก็บของใช้ลายแนวตั้ง แต่เป็นสีเดียวกัน จึงดูมีเสน่ห์แบบธรรมชาติ บานเลื่อนของตู้สามารถซ่อนเก็บได้กลมกลืนกับผนัง จึงดูเรียบร้อย เพราะป้าจิ๊ไม่ชอบให้มีของรกตา
ห้องรับแขก
ห้องนั่งเล่นสไตล์โมเดิร์นวางเฟอร์นิเจอร์ให้น้อยชิ้นที่สุด แต่ทุกชิ้นใช้งานได้จริง และโยกย้ายเก็บได้สะดวกสำหรับเวลาที่จะปรับเป็นที่นั่งวิปัสสนา เก้าอี้และหีบไม้เป็นของเก่าของป้าจิ๊ นำมาขัดสีไม้ให้อ่อนลง เพดานสูงออกแบบให้เห็นโครงสร้างหลังคาที่สวยงามและดูโปร่งตา
 
ห้องนอน
หัวเตียงในห้องนอนใหญ่ใช้บานประตูไม้เก่าสีเข้ม ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดูเข้ากับบ้านได้อย่างไม่ขัดเขิน
ห้องนอน
ห้องนอนแขกแบบเรียบง่ายในโทนสีขาว-สีไม้ มีประตูหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับลมจากท้องทุ่งได้อย่างเต็มที่
โซฟาเบด
ที่นอนเล็กๆที่อยู่ระหว่างห้องนอนแขกกับห้องรับแขก สองพื้นที่นี้สามารถเชื่อมต่อกันได้
ห้องน้ำ
ห้องน้ำสีขาวแบบเรียบง่าย แต่ดูสวยด้วยวัสดุไม้และหินอ่อน มีช่องแสงที่เปิดรับแสงจากภายนอก และช่วยในการระบายอากาศ

แม้บ้านหลังนี้จะมีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเหมือนบ้านขุนนางในสมัยก่อน แต่ที่นี่ไม่มี“นางทาส” หรือ“ขบวนการคนใช้” หรอกนะ มีแต่คนงานสองคนซึ่งเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกับป้าจิ๊มากกว่า “เวลาป้าจะมาบ้านนี้ ต้องโทร.บอกคนดูแลบ้านและดูแลสวนก่อน เขาจะปัดกวาดเตรียมทุกอย่างไว้รอป้า ถึงป้าไม่ทำกับข้าว ก็ไม่ต้องกลัวอด เพราะเขาก็หาให้ทานตลอด 

ตลอดการพูดคุยกับป้าจิ๊ สิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ก็คืออัธยาศัยไมตรีที่น่ารัก สองมือของป้าจิ๊เปรียบได้กับ “คือหัตถาครองพิภพ” สองมือที่จะทำแต่สิ่งดีๆเพื่อคนรอบตัว ไม่แปลกใจเลยที่ป้าจิ๊มีเพื่อนพ้องที่รักใคร่และคอยห่วงใยกัน สังเกตได้จากของในบ้านหลายชิ้นก็ได้จากคนใกล้ชิด ป้าจิ๊ชี้ให้ฉันดูภาพหนึ่งพร้อมอธิบายว่า

“รูปนี้ คุณเปิ้ล – จารุณี วาดไว้ ตอนมาเที่ยวบ้านป้า เขานั่งวาดเล่นริมน้ำ ป้าเห็นว่าสวยดีเลยนำมาใส่กรอบไว้”  

ภาพวาดฝีมือคุณเปิ้ล – จารุณี สุขสวัสดิ์ วาดไว้เมื่อคราวมาเที่ยวบ้านหลังนี้
ชาน
ชานบ้านยกพื้นสูง จะนอนเล่นกับพื้นยามเย็นก็สบายดี (พิสูจน์มาแล้ว เพราะแอบงีบระหว่างรอแสงสวยๆ) หรือวางเก้าอี้ไม้ขัดสีอ่อนดูสว่างตา ก็เหมาะกับการนั่งอ่านหนังสือ โดยมีทิวทัศน์ของทุ่งนาอยู่เบื้องหน้าและมีเสียงนกร้องคลอให้ได้ยิน
สระบัว
สระบัวกลางสวนสวยซึ่งมีไว้พายเรือเล่นให้เย็นใจ

ฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันที่ บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวน หลังนี้ กระทั่งแสงแฟลชสุดท้ายจากกล้องถ่ายรูปจางหายไปและบรรยากาศรอบๆตัวค่อยๆมืดลง ฉันกับทีมงานจึงช่วยกันเก็บอุปกรณ์การถ่ายภาพ เสร็จแล้วก็กล่าวอำลาป้าจิ๊ในอารมณ์ที่เรียกว่า “ดวงไฟใยไม่ส่องฉัน (ป้าจิ๊)” แต่เหมือนฉันได้เห็นรังสีออร่าแห่งความสุขรายล้อมอยู่รอบตัวผู้หญิงเก่งและจิตใจดีคนนี้ 


เจ้าของ : คุณอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ

สถาปนิก : คุณบุญเลิศ เหมวิจิตรพันธ์

ออกแบบสวน : คุณมณฑล จิโรภาส

นิตยสารบ้านและสวน ฉบับสิงหาคม 2551


เรื่อง: อัจฉรา   จีนคร้าม

ภาพ: ปิยะวุฒิ ศรีสกุล

ผู้ช่วยช่างภาพ: บุญญพงศ์ สื่ออยู่ยง, หัสธสิน สมบูรณ์พูลผล

บ้านไม้แบบไทยในอ้อมกอดธรรมชาติ

รวมแบบบ้านไม้ชั้นเดียวในบรรยากาศเขียวๆแสนสดชื่น