รีโนเวตตึกแถวเก่า อายุ45ปี ให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศที่มีครบทุกฟังก์ชัน

รีโนเวตตึกแถวเก่าอายุ 45 ปี ให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศที่ครบทุกฟังก์ชัน

รีโนเวตตึกแถวเก่า อายุ45ปี ให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศที่มีครบทุกฟังก์ชัน
รีโนเวตตึกแถวเก่า อายุ45ปี ให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศที่มีครบทุกฟังก์ชัน

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสมาร่วม 10 ปี เมื่อมีโอกาสได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย สิ่งแรกที่คุณโอม-อุปถัมภ์ รัตนสุภา มองหาคือบ้านสไตล์ตึกแถวเก่าสักหลัง ไม่ใช่แค่เพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับเปิดบริษัทออกแบบตกแต่งไปพร้อมกัน

DESIGNER DIRECTORY :
 ออกแบบ: Atelier 53 โดยคุณอุปถัมภ์ รัตนสุภา

บ้านอยู่สบาย LIVING COMFORT

“สมัยเรียนผมเคยอยู่ห้องแถวย่านสามเสนมาก่อน ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ชีวิตก็เลยค่อนข้างชินและชอบการอยู่ตึกแถวมากกว่าคอนโด ประกอบกับตอนนี้ผมมีลูกชายวัย 4 ขวบ ผมก็อยากให้เขาพอมีพื้นที่ในบ้านมากกว่าไปอยู่บนตึกสูงที่อาจไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่ช่วงแรกที่กลับมาไม่มีคอนเน็กชั่นอะไรที่นี่เลย ตอนนั้นผมพักอยู่กับน้องสาวก่อน จนมาเดินผ่านตึกแถวตรงเชิงสะพานพระรามแปด เห็นเขาประกาศขายก็สนใจ จริงๆ ซื้อไว้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่กว่าจะได้เริ่มปรับปรุงตกแต่งจริงจังก็ช่วงนี้เอง” รีโนเวตตึกแถวเก่า

ภายใต้หลังคาทรงจั่วที่ต่อเติมมาแบบไม่ปิดฝ้าทำให้พื้นที่ชั้น 3 มีระดับความสูงแบบดับเบิลสเปซช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดโปร่งและอารมณ์ของห้องสไตล์ลอฟต์ให้มุมนั่งเล่นนี้ พร้อมกับช่องหน้าต่างที่เปิดให้ลมธรรมชาติได้เข้าและออกทำให้อากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี
รีโนเวทตึกแถว
ชั้นล่างของอาคารเน้นผนังให้เป็นบานกระจกโปร่งทั้งหมดเพื่อเปิดมุมมองถึงพื้นที่ด้านใน โดยคุณโอมตั้งใจทำให้รองรับกิจกรรมของชุมชนซึ่งมีทั้งนิทรรศการ งานศิลปะ และมุมสอนหนังสือ

เมื่อคุณโอมได้กลับมาทำงานด้านสถาปนิกอีกครั้ง ทั้งเป็นอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรและก่อตั้งบริษัทออกแบบตกแต่งของตัวเองในชื่อ  Atelier 53 เขาจึงต้องการพื้นที่สำหรับทำงานอย่างจริงจัง

คุณโอมเล่าว่าตึกแถวเก่านี้ปัจจุบันมีอายุ 45 ปี หน้ากว้าง 4 เมตร ยาว 12 เมตร ลักษณะดั้งเดิมเป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูนแบบสมัยใหม่ขนาด 2 ชั้น ชุมชนในละแวกนี้เป็นกลุ่มคนเก่าแก่ จากปลายสมัยอยุธยาที่ตั้งหลักปักฐานอยู่อาศัยกันมาร่วมสองร้อยกว่าปีแล้ว และมีศาลาการเปรียญที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เคยใช้เป็นที่แสดงธรรมมาก่อน

หนึ่งในมุมโปรดของคุณโอมคือห้องหนังสือ ซึ่งเกิดจากพื้นที่ต่อเติมออกไปจนสุดแนวอาคารด้านหลัง โดยลงทุนลงเสาเข็มเป็นรากฐานให้มั่นคงแข็งแรง ไว้ทั้งเพื่อรองรับน้ำหนักหนังสือได้ดีรวมถึงงานต่อเติมที่ยาวขึ้นไปจนถึงชั้นดาดฟ้าด้านบน
คุณโอมบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดการจัดวางศิลปะตามสเปซต่างๆ ของศิลปินชาวฝรั่งเศส จึงนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดวางงานศิลปะไว้ตามมุมต่างๆ ของบ้าน สร้างมุมมองที่จรรโลงใจ
คุณโอมใช้เฟอร์นิเจอร์จากบ้านหลังเดิมมาจัดวางผสมผสาน โดยเน้นโทนสีเรียบธรรมชาติและความดิบของวัสดุที่ใช้อย่างตรงไปตรงมา เติมความสดชื่นด้วยต้นไม้ในกระถางซึ่งจัดวางในมุมที่แสงส่องถึง

“ผมชอบทำเลนี้นะ และยิ่งเห็นตึกเก่านี้ก็ยิ่งสนใจ มันไม่ใช่การออกแบบใหม่ สำหรับสถาปนิกต้องเรียกว่ากัดฟันทำตลอด เพราะต้องประนีประนอมกับโครงสร้างเดิมเยอะเลย สิ่งแรกที่ผมนำมาคิดคือเรื่องฟังก์ชันการใช้งานตามที่ต้องการ ซึ่งก็คือที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ และห้องเก็บหนังสือรวมถึงมุมให้ผมได้เล่นดนตรีตามที่ผมรัก ความงามเป็นเรื่องที่ตามมาทีหลัง จริงๆ ผมอยากทาสีด้านนอกให้เป็นสีดำทั้งตึกแล้วทำไม้เลื้อยเขียวๆ เกาะไปตามผนัง แต่พอดีผมไปทำงานที่เวียดนามระหว่างที่ช่างกำลังทาสีบ้าน แม่ผมเลยจัดการทาสีขาวไปเรียบร้อย ก็ต้องเลยตามเลยครับ มาจัดการเรื่องเพิ่มพื้นที่ใช้งานแทน ซึ่งผมมีความฝันในวัยเด็กว่าอยากมีห้องใต้หลังคา ก็เลยต่อเติมดาดฟ้าชั้น 3 เดิมขึ้นมาให้เป็นโถงสูงติดหลังคาจั่ว พร้อมกับเติมดาดฟ้าใหม่เข้าไป และเพื่อโครงสร้างที่แข็งแรงผมยอมลงทุนลงเสาเข็มฐานรากเพิ่ม ส่วนโครงจั่วที่ต่อเติมเป็นโครงสร้างเหล็กที่มีน้ำหนักไม่มากและสามารถรื้อถอนได้ เผื่ออนาคตต้องการปรับเปลี่ยนอีก”

พื้นที่หลักบริเวณชั้น 2 เป็นห้องทำงานออกแบบของบริษัท Atelier 53 ซึ่งคุณโอมเปิดโอกาสให้นักศึกษาด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และนักศึกษาจากไต้หวันได้มาฝึกงานด้วย โดยใช้แผ่นไม้ต่อขาเหล็กทำเป็นโต๊ะทำงานที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้
คุณโอมกำลังสอนน้องฮานอย ลูกชายวัย 4 ขวบเล่นดนตรี
อีกมุมหนึ่งที่ต่อเติมออกไปจากแนวพื้นที่เดิม โดยใช้เหล็กเป็นโครงสร้างทาด้วยสีดำจึงดูคล้ายเป็นกรอบภาพเล็กๆ ในโทนสงบนิ่ง ช่วยเบรกความรู้สึกจากพื้นที่ทำงานบริเวณชั้นสอง

จากอาคารดั้งเดิม 2 ชั้นจึงมาสู่พื้นที่ใช้งานเกือบ 4 ชั้น ชั้นล่างคุณโอมตั้งใจแน่วแน่จะปันพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับกิจกรรมเพื่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นที่จัดนิทรรรศการ งานศิลปะ หรือที่สอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ในชุมชน อีกมุมหนึ่งเป็นพื้นที่ขายเสื้อยืดแบรนด์ Bangkoker ที่เขาสกรีนลายขายเองมาตั้งแต่สมัยเรียนจนมีกลุ่มแฟนที่ตามซื้อสินค้าอยู่อย่างเหนียวแน่น ผนังเกือบรอบด้านของชั้นล่างจึงเน้นให้เป็นบานกระจกโปร่ง ที่สามารถมองผ่านได้ง่ายหรือจะเปิดโล่งเพื่อให้สะดวกต่อการขนของต่างๆ

ขณะที่ชั้น 2 เป็นพื้นที่ทำงานของบริษัท Atelier53 ซึ่งมีห้องทำงานส่วนตัวของคุณโอมพร้อมกับมุมเล่นดนตรี และที่เขารักมากคือห้องหนังสือซึ่งสะสมหนังสือเก่าด้านศิลปะ สถาปัตย์ และเรื่องสั้นๆ ต่างไว้มากมาย คุมด้วยโทนสีขาวและดำเท่ๆ แบบสถาปนิก ส่วนชั้น 3 เป็นห้องนั่งเล่นพักผ่อนพร้อมกับห้องนอน โดยคุณโอมต่อเติมห้องน้ำเพิ่มขึ้นมาในชั้นนี้ รวมถึงออกแบบบันไดเหล็กวน 2 ด้าน ด้านหนึ่งเพื่อเดินขึ้นห้องใต้หลังคาไว้และอีกด้านเพื่อเดินขึ้นดาดฟ้าโดยตรง

ผนังเบาที่ใช้สำหรับกั้นเป็นห้องนอนเพิ่มบริเวณชั้น 3 ตกแต่งด้วยสีขาวให้กลมกลืนไปกับบานประตูไม้เก่า รวมถึงผนังอีกด้านที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีขาว
ช่องทางเดินเล็กๆ จากห้องนอนไปสู่ทางขึ้นด้านฟ้าก็ยังมีการเจาะช่องหน้าต่างเล็กๆ ไว้เพื่อเปิดรับแสงและลมเข้ามาภายใน
เมื่อกั้นผนังใหม่เพื่อแยกส่วนห้องนอนทำให้มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่สีขาวก็ช่วยให้ห้องดูโปร่งและกว้างขึ้น โดยเลือกใช้เตียงนอนแบบมีที่นอนเสริมเลื่อนออกมาได้ เป็นฟังก์ชันต่อขยายที่เหมาะสำหรับห้องขนาดจำกัด

บริเวณชั้นล่างที่แบ่งพื้นที่เป็นมุมขายเสื้อยืดสกรีนลายเองในแบรนด์ Bangkoker

“ทำงาน รีโนเวตตึกแถวเก่า ที่นี่ได้ความรู้หน้างานเยอะครับ ผมเชิญหัวหน้าสำนักงานเขตมาดูด้วยเพื่อความถูกต้องทางกฎหมาย และต้องขอไฟเพิ่มอีกเพราะผมเพิ่มพื้นที่ใช้งาน ซึ่งต้องอาศัยช่างไฟแต่ไม่ใช่ช่างไฟธรรมดานะต้องอ่านค่าไฟเป็นด้วย ต้องวางระบบสายดินให้เรียบร้อย  ส่วนที่พลาดก็มีเพราะผมต้องเดินทางเลยไม่ได้อยู่คุมตลอด อย่างเรื่องการทำหลังคาจั่วนี่แหละที่ทำให้เกิดช่องฝนปรอยเข้ามาในบ้าน หรือเรื่องการต่อรางน้ำฝนติดกับผนังเพื่อนบ้านซึ่งเราหวังดี เอามาไว้ในบ้านตัวเองแต่พอทำเฟลชชิ่งปิดไม่ได้ก็เกิดปัญหารั่วได้เหมือนกัน”

แม้การสร้างบ้านใหม่ดูจะง่ายกว่า แต่งานรีโนเวตตึกเก่าก็กลายเป็นเรื่องท้าทายของสถาปนิกอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อต้องการคุมงบประมาณและสร้างงานออกแบบที่ไม่ขัดแย้งกับบริบท ซึ่งคุณโอมก็ยังมีแนวคิดนอกกรอบที่อยากลองอยู่อีกมากและอาจนำมาปรับเปลี่ยนฟังก์ชันต่อไปในอนาคต แถมทิ้งท้ายไว้ว่าหากใครสนใจอยากสนทนาหรือหาข้อมูลเรื่องการรีโนเวตตึกแถวเก่า เขาก็ยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลเพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคมต่อไป

พื้นที่ซึ่งคุณโอมตั้งใจกั้นไว้สำหรับให้ชุมชนได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งจัดงานนิทรรศการ งานศิลปะ และเป็นมุมสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ โดยเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวน้ำหนักเบาเพื่อสามารถยกย้ายเปลี่ยนไปตามกิจกรรมที่เกิดขึ้น
มุมผ่อนคลายเล็กๆ บนดาดฟ้าที่เปิดโล่งรับลมและเห็นวิวสวยๆ ของสะพานพระรามแปด

Redesigned Home  พื้นที่เติมสุขของสถาปนิก (บ้านสวย ส.ค.62)
เจ้าของ : คุณอุปถัมภ์ รัตนสุภา
สถาปนิก: Atelier 53 โดยคุณอุปถัมภ์ รัตนสุภา โทรศัพท์ 0-2408-9286   Atelier 53 Bangkok

เรื่อง: ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ: อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม


เรื่องที่น่าสนใจ