Setouchi Triennale 2019 เทศกาลศิลปะที่คืนชีพให้ชุมชน

มาญี่ปุ่นก็หลายครั้ง ทั้งเที่ยวส่วนตัวและมาเพราะเรื่องงาน  แต่ผมกลับไม่เคยรู้จักจังหวัดคางาวะมาก่อนเลย ครั้งนี้ได้มาที่นี่ตามคำเชิญของสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดคางาวะ

ซึ่งส่งผ่านมาทาง คุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปินงานดินเผาแห่งเถ้าฮงไถ่ จังหวัดราชบุรี พี่ชายซึ่งเป็นแขกประจำของการท่องเที่ยวจังหวัดคางาวะ เหตุเพราะว่าจังหวัดนี้ ใช้งานเทศกาลศิลปะเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวและทำให้ชุมชนมีชีวิตชีวาแบบที่จังหวัดราชบุรีพยายามทำอยู่

ชมวิดีโอได้ที่นี่

คางาวะเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะชิโคขุ ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมไปถึงหมู่เกาะเล็กๆหลายเกาะ เมืองหลวงของคางาวะคือทากามาทสึ มีสนามบินนานาชาติเล็กๆ และสถานีรถไฟ การเดินทางมาจึงไม่ยาก เหมาะสำหรับคนที่ไปเที่ยวเมืองใหญ่ในญี่ปุ่นมาหมดแล้ว และอยากเที่ยวเมืองเล็กๆและชนบทที่มีเสน่ห์บ้าง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ อุด้งเส้นอวบอ้วนเหนียวนุ่มมาก ไก่ย่างก็รสชาติดีมาก เหมาะจะกินพร้อมเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ และที่พลาดไม่ได้คือ วัวและปลาฮามาจิที่เลี้ยงด้วยอาหารผสมมะกอก จนเป็นเนื้อที่เรียกว่า “Olive Beef” และ “Olive Hamachi” นุ่มละมุน จะย่างหรือต้มชาบูก็อร่อย

ในอดีตจังหวัดคางาวะเคยประสบปัญหาประชากรลดลง เพราะคนย้ายออกจากชุมชนเล็กๆ บนเกาะต่างๆไปอยู่ในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่งที่คนรักงานศิลปะจากทั่วโลกต้องเดินทางมาดู และในทุกสามปีจะมีการจัดงานใหญ่ที่มีชื่อว่า Setouchi Triennale” เป็นงานที่มีศิลปินดังจากหลายประเทศทั่วโลกมาจัดแสดงผลงานกระจายไปทั่วจังหวัด โดยเฉพาะบริเวณใกล้ๆ ท่าเรือของทุกเกาะ ทำให้เศรษฐกิจและรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดดีขึ้นมาได้ ที่สำคัญมีการย้ายเข้ามาใหม่ของคนที่ชอบวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนใครของจังหวัดนี้

การเดินทางมาดูงานศิลปะตามเกาะด้วยเรือเฟอร์รี่อาจฟังดูลำบากยุ่งยาก แต่การบริหารจัดการแบบคนญี่ปุ่นทำให้ทุกอย่างราบรื่นมากๆ เรือออกตรงเวลาและสะดวกสบายมาก เมื่อถึงเกาะคุณสามารถเดินดูงาน เช่ารถจักรยาน หรือเช่ารถจิ๋วๆ ขับดูงานทั่วเกาะได้ ภูมิอากาศและภูมิประเทศของเกาะต่างๆจะคล้ายๆ กับโซนเมดิเตอร์เรเนียน เช่น อิตาลี กรีซ คือมีลมทะเล มีภูเขา มีฝนแต่ตกไม่หนักมาก จึงเป็นเหตุให้มีการนำพันธุ์มะกอกจากยุโรปและอเมริกามาปลูกจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของที่นี่  มีสินค้าแปรรูปจากมะกอก ใครมาแล้วไม่ได้น้ำมันมะกอกของคางาวะติดมือกลับบ้านถือว่าพลาด แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าให้ลองเนื้อวัวและปลาฮามาจิมะกอกให้ได้

นอกจากนี้บนเกาะโชโดะชิมะจะมีโรงหมักโชยุเก่าแก่หลายโรง ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเหมือนเดินอยู่ในครัวญี่ปุ่นกลางแจ้ง โชยุที่หมักในถังไม้ของที่นี่มีกลิ่นหอมหวนกว่าโชยุที่เราซื้อกันตามซูเปอร์มาร์เก็ตมากๆ ถ้าน้ำหนักกระเป๋าของคุณยังรับได้อีกหลังจากได้น้ำมันมะกอกมาแล้ว โชยุแบบคลาสสิกจากโชโดะชิมะคือสิ่งที่บ้านคุณควรมีไว้สักขวด

หากคุณตั้งใจไปดูงานศิลปะเป็นหลัก ก่อนไปผมแนะนำให้โหลดแอพพลิเคชั่นของงานนี้ไว้ในมือถือ (ค้นหาแอพ Art Setouchi ได้ทั้งในระบบ Android และ iOS ) เพราะสามารถหาข้อมูลของผลงานทุกชิ้น ศิลปินทุกคน ตำแหน่งที่ตั้งของทุกงาน และหาข้อมูลการเดินทางได้อย่างง่ายมาก ไม่ต้องพกหนังสือเที่ยวงานเล่มโตอีกต่อไป

อีกอย่างที่เป็นเรื่องต้องวางแผนก่อนไปงานนี้ก็คือ ไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงสนามบินทากามาทสึของจังหวัดนี้ จะต้องไปแวะไต้หวันหรือบินไปที่สนามบินเมืองอื่นของญี่ปุ่นก่อน และนั่งรถไฟมาที่เมืองทากามาทสึ แต่ถึงจะไม่มีเที่ยวบินตรงจากเมืองไทย ผมก็ยังได้พบเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินที่พยายามพูดภาษาไทยกับผมได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นความประทับใจตั้งแต่นาทีแรกที่ก้าวลงบนเกาะนี้

นอกจากงานศิลปะชิ้นเด็ดดังจากศิลปินระดับโลกที่มาจัดแสดงในช่วงเวลาเทศกาลแล้ว ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายที่คุณสามารถไปเยือนได้ตลอดปี เช่น สวนริทสึรินในเมืองทากามาทสึ งานศิลปะ Red Pumpkin และ Pumpkin ประติมากรรมฟักทองลายจุดของศิลปินชื่อดัง Yayoi Kusama บนเกาะนาโอชิมะ สำหรับสายสถาปัตยกรรมก็ต้องไม่พลาดผลงานการออกแบบของ Tadao Ando สถาปนิกระดับตำนานของญี่ปุ่น เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Chichu Art Museum และ Ando Museum บนเกาะนาโอชิมะ หรือ Teshima Art Museum บนเกาะเทชิมะ และพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านภาพยนตร์บนเกาะโชโดะชิมะ

ส่วนนิทรรศการศิลปะที่ผมประทับใจที่สุดคือ  Art House Project  เป็นโปรเจ็คท์ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1998 ประกอบด้วยบ้านที่เคยร้าง 7 หลัง แต่ละหลังได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่และตัวบ้านเองคืองานศิลปะที่เราเดินเข้าไปข้างในได้ มีการจัดงานศิลปะจัดวางในห้องต่างๆของบ้านเพื่อดึงความทรงจำเก่าๆของชุมชนได้อย่างสร้างสรรค์มากๆ การแสดงมีการปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ มาแล้วก็มาเยือนอีกได้

งาน Setouchi Triennale 2019 จะจัดเป็นสามช่วงฤดู ช่วงแรกเรียกว่า “Spring Encounters” จัดระหว่างวันที่ 26 เมษายน ถึงวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ต่อมาก็เป็นช่วง “Summer Gathering” ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม ถึงวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา จากนั้นก็มีต่อในวันที่ 28 กันยายน ถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ในช่วงที่เรียกว่า “Fall Expansions” ทัศนียภาพของภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาคือเสน่ห์ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น นอกจากสีสันของฤดูกาลจะเปลี่ยน การแสดงศิลปะหลายชิ้นก็มีการเปลี่ยนและเพิ่มเติมเข้ามาด้วย ผมโชคดีที่ได้ไปชมเทศกาลศิลปะหลายแห่งทั่วโลก บอกเลยว่าที่นี่เป็นเทศกาลศิลปะข้ามฤดู ข้ามเกาะ ข้ามเวลาในแบบที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

เมื่อศิลปะเป็นมากกว่าสิ่งสวยงาม แต่กลายเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นตัวเชื่อมให้คนบนเกาะได้พบกับผู้มาเยือนมากมายจากทั่วโลก เป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาสัมผัสเสน่ห์ของคางาวะ เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับชุมชนเก่าในการเก็บรักษาอัตลักษณ์และต่อยอดอย่างสร้างสรรค์  การเดินทางมาคางาวะเป็นครั้งแรกของผมจะไม่เป็นครั้งเดียวอย่างแน่นอน ยังมีอะไรอีกมากมายให้กลับมาค้นหา

ขอขอบคุณสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคางาวะ และบริษัทโคริ แพลนนิ่ง จำกัด ที่เชิญมาและอำนวยความสะดวกอย่างดีเยี่ยมในครั้งนี้

ชมภาพบรรยากาศเพิ่มเติม

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนการเดินทาง


ตามไปชม Singapore Design Week 2019

NYCxDESIGN : Celebrating a world of design