ไร่กาลเวลา ผืนดินของพ่อ ในอ้อมกอดของแม่

ออกแบบ :  คุณพิศิษฐ ศรีสุขวงค์ และคุณสฤษฎ์ แดงจันทร์


หลังคุณแม่นิตยา ศรีสุขวงค์จากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อลูกชายค้นเจอสมุดบันทึกของแม่ที่บันทึกทุกเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต รวมถึงความฝันของแม่ ลูก ๆ ที่เคยแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพและสร้างครอบครัวจึงได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อร่วมกันทำตามเจตนารมณ์ของแม่

คุณเอก-พิศิษฐ ศรีสุขวงค์ บุตรชายคนที่สี่ผู้พบสมุดบันทึกและเป็นตัวตั้งตัวตีคนสำคัญในการเริ่มต้นทำในสิ่งที่แม่บันทึกไว้ โดยเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ เมื่อ 6 ปีก่อนตามที่แม่เขียนเล่าไว้ว่า “เคยเป็นลูกจ้างในร้านกาแฟตอนยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำพร้าพ่อแม่ ต้องทำงานดิ้นรนต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง ฝันอยากมีร้านกาแฟร้านขนมเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง” พร้อมตั้งชื่อร้านว่า “ฟาร์มคาเฟ่ เดอ กาลเวลา” เพื่อรวบรวมเรื่องราวของครอบครัว และสานความฝันของแม่ให้เป็นจริง

คุณทอส คุณตุ้ม และคุณเอก กำลังสำคัญของครอบครัว ต่างคนต่างมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวคือสานฝันของคุณแม่นิตยา ศรีสุขวงค์ให้เป็นจริง

จากผืนดินมรดกที่เคยรกร้าง มีไม้ผลต้นใหญ่อยู่มากมาย ทั้งขนุนและมะม่วง ก็ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่บางส่วนมาปลูกผักพื้นบ้านและแปลงผักสลัด

“ไร่นี้เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า มีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ อยู่ติดแม่น้ำแม่กลอง เดิมเป็นที่รกร้าง มีปลูกผลไม้บ้าง ครอบครัวเราเป็นเกษตรกรกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า แม่เป็นรุ่นที่สามแล้ว เรากลับมาปรับปรุงฟื้นฟูไร่ ปลูกผักพื้นบ้านทั่วไป ข้าวโพด อ้อย จนเอกมาทำคาเฟ่ที่ตลาดท่าม่วง แรก ๆ เราก็ขายกันแค่กาแฟและ เบเกอรี่ จนร้านได้รับความสนใจ มีผู้คนแวะเวียนกันมามากขึ้น เราเลยเพิ่มเมนูอาหารขึ้นมา แรก ๆ ก็ซื้อผักจากที่อื่นมาใช้ แต่เราก็ไม่มั่นใจและบอกลูกค้าได้ไม่เต็มปากว่าเป็นผักปลอดสารพิษ ไหน ๆ เราก็มีที่ดินเป็นของตัวเอง ทำไมเราไม่ปลูกผักเองเลยล่ะ” คุณตุ้ม-ศุภรัตน์ แดงจันทร์ บุตรสาวคนที่สองของตระกูลศรีสุขวงศ์ อีกหัวเรี่ยวหัวแรงหลักที่ดูแลแปลงผักของ ไร่กาลเวลา เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการปลูกผักออร์แกนิกให้เราฟัง

ผักแปลงดินแปลงแรกที่เริ่มทำเมื่อ 4 ปีก่อน ปลูกผักสลัด 9 ชนิดหมุนเวียนกันตลอดทั้งปี ปัจจุบันขยายแปลงปลูกเพิ่มเป็น 5 แปลง เพื่อให้มีผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
โรงเพาะชำกล้าผัก ผักสลัดทุกต้นในไร่เพาะจากเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีนำเข้าจากต่างประเทศ โดยต้นกล้าผักจะได้รับการดูแลอย่างดีในโรงเพาะเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ แล้วจึงย้ายไปปลูกในแปลงต่อไป
แปลงผักยกสูงที่ออกแบบโดยคุณทอส มีหลังคาคลุมเพื่อกันฝนและบังแสง ใช้ระบบสปริงเกลอร์ในการรดน้ำ ซึ่งจะช่วยกระจายน้ำได้ทั่วถึงกว่าระบบพ่นหมอก โดยจะให้น้ำในเวลา 11.00 น. และ 14.00 น. เปิดน้ำนานประมาณ 5 นาที ถือเป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้ผักของที่ไร่สด กรอบ อร่อยไม่เหมือนใคร

“เริ่มปลูกผักจริงจังเมื่อ 4 ปีก่อน โดยมีลูกชาย (คุณทอส – สฤษฎ์ แดงจันทร์) ไปศึกษาหาความรู้เรื่องการปลูกผัก แล้วทดลองมาปลูกที่ไร่ แรก ๆ เราปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ แต่ก็ไม่ตอบโจทย์เรา เพราะต้องใช้สารวิทยาศาสตร์ผสมในน้ำเพื่อให้ผักเติบโต เราไม่กล้ากินผักที่เราปลูกเอง เลยเปลี่ยนวิธีปลูกใหม่ ลองปลูกด้วยดิน จากที่เคยเริ่มปลูกผักสลัดแค่ 4 ชนิด ปัจจุบันปลูกเพิ่มขึ้นหลายชนิด ทั้งกรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก เบบี้คอส เบเบี้เรดคอส กรีนคอส กรีนปัตตาเวีย บัตเตอร์เฮด เรดโครอล ฟิลเล่ย์ไอซ์เบิร์ก ผักเคล และสวิสชาร์ด”

คุณทอส อดีตหนุ่มออฟฟิศที่ทำงานในบริษัทด้านดิจิทัลเอเจนซี่ในกรุงเทพฯ เขารักธรรมชาติ รักวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงรักและผูกพันกับคุณยายผู้เลี้ยงดูมา จึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อกลับมาพัฒนาและช่วยงานที่ไร่อย่างเต็มตัว

คุณทอส ลูกชายของคุณตุ้ม รับหน้าที่ดูแลจัดหาเมล็ดพันธุ์ หาเทคนิคการปลูกใหม่ๆ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ต่างๆ รวมถึงการทำโซเชียลมีเดีย และดูแลการตลาด
เลี้ยงไก่ไว้เพื่อเก็บไข่ไปทำน้ำสลัดที่คาเฟ่ เป็นไก่พันธุ์ไข่ เช่น พันธุ์โรดไอส์แลนด์ พันธุ์บาร์พลีมัทร็อค ส่วนพันธุ์อื่นๆเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงาม และช่วยกำจัดเศษผักในไร่ เช่น พันธุ์ซิลกี้ญี่ปุ่น (ขนปุย) พันธุ์โปแลนด์ (หัวฟู)
แปลงผักทำจากปูน กว้าง 1.50 เมตร ยาว 15-20 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เอื้อมถึง ทำงานได้สะดวก ด้านล่างเป็นตะแกรงตาถี่ ปรุงดินปลูก ใส่มูลไส้เดือน ปุ๋ยคอก น้ำหมักชีวภาพที่ทำเอง อายุเก็บเกี่ยวผักประมาณ 45 วัน พักแปลงปลูก 7 วัน และจะปรุงดินใหม่ทุกครั้งที่ปลูก

อ่านต่อหน้า 2