แบบโฮมออฟฟิศ

HAVING DREAM OFFICE AT HOME ไอเดียแปลงโฉมบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศ

แบบโฮมออฟฟิศ
แบบโฮมออฟฟิศ

ในยุคที่ทุกคนอยากเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง ที่ไหนจะเหมาะกับการเป็นออฟฟิศใหม่ได้ดีเท่ากับบ้าน วันนี้เราจึงขอนำเสนอไอเดียดี ๆ โดน ๆ ในการแปลงโฉมบ้านของคุณให้พร้อมกับธุรกิจในรูปแบบที่เรียกว่า “โฮมออฟฟิศ”


– WORKING SPACE –

อาจเรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในโฮมออฟฟิศ เพราะเป็นพื้นที่ที่สมาชิกในบริษัทจะใช้เวลายาวนานที่สุด พื้นที่ส่วนนี้มักอยู่ด้านในสุด เนื่องจากการทำงานต้องการความเป็นส่วนตัว และสมาธิค่อนข้างสูง คงไม่เหมาะถ้าหากขณะนั่งทำงานอยู่จะมีแขกผู้มาติดต่อธุระเดินผ่านไปมาตลอดเวลา เพราะนอกจากจะไม่มีสมาธิแล้ว เรื่องบางอย่างของบริษัทก็ไม่เหมาะที่จะให้คนนอกเห็นเช่นกัน

โฮมออฟฟิศ

ASSOCIATE VOLUME

มาจัดวางเฟอร์นิเจอร์และพื้นที่ให้น่าทำงานอย่างง่าย ๆ แต่ดูทันสมัย ด้วยการดันโต๊ะทำงานชิดผนังด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้มีพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับวางโต๊ะประชุมย่อย บริเวณริมหน้าต่างทำผนังเบาทาสีขาวสูงจรดฝ้าเพดาน แล้วปิดผิวหน้าด้วยแผ่นกระจกใส ใช้เป็นกระดานสำหรับประชุมงานได้ ด้านบนผนังเบาติดรางเลื่อนเอาไว้สำหรับเลื่อนเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ส่วนผนังด้านหน้าโต๊ะทำงานติดแผ่นเหล็กไว้แปะแผ่นกระดาษโน้ต หรือจะบุผนังด้วยคอร์กบอร์ดยาวตลอดแนวก็ได้

 

โฮมออฟฟิศ

CHIC & CHILL

หากบ้านของคุณมีระดับฝ้าเพดานสูงตั้งแต่ 2.80 – 3.50 เมตร เพิ่มความสนุกให้โฮมออฟฟิศของคุณด้วยการทำชั้นลอยไว้สำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อน มีบันไดลิงทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นล่างกับชั้นบน เพิ่มความเก๋ดูสนุกสนานยิ่งขึ้นกับการขึงตาข่ายสีดำเอาไว้ สามารถลงไปนอนเล่นคิดงาน และอ่านหนังสือ โดยยังมองเห็นคนอื่น ๆ ขณะทำงานอยู่ด้านล่างได้ ส่วนพื้นที่ชั้นล่างออกแบบโต๊ะทำงานให้มีความยาวจากผนังด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง เป็นโฮมออฟฟิศขนาดเล็ก แต่รีแล็กซ์สุด ๆ จนน่าอิจฉา

 

โฮมออฟฟิศ

STUDIO PLUS

จัดวางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ไว้กลางห้องเลือกใช้ท็อปไม้เนื้อแข็งสีอ่อนรับกับขาไม้แบบ Sawhorse เพื่อเบรกความแข็งของห้องที่ส่วนใหญ่เป็นปูนให้นุ่มนวลขึ้น แบ่งพื้นที่เก็บของไว้ด้านหลังขอบโต๊ะด้วยการทำชั้นติดผนัง กั้นพื้นที่ใช้งานด้วยประตูบานเลื่อนโครงเหล็กขนาดใหญ่ กรุหน้าบานด้วยแผ่นพอลิคาร์บอเนตสีขาวขุ่น มีน้ำหนักเบากว่ากระจกจึงช่วยให้เปิด-ปิดได้ง่าย


– MEETING AREA –

เพราะความจำกัดด้านพื้นที่ การรวมฟังก์ชันเข้าด้วยกันจึงเป็นเรื่องจำเป็นและพบเห็นได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะการรวมกันระหว่างห้องประชุมกับส่วนพักคอยของแขกที่มาติดต่อธุระที่บริษัท เนื่องจากห้องประชุมเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ หลาย ๆ ออฟฟิศจึงให้แขกมานั่งรอในห้องนี้ก่อนจะคุยงานกันต่อไป พื้นที่ห้องประชุมมักออกแบบให้อยู่ด้านหน้าของออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านก็เหมือนเป็นห้องรับแขกไว้คอยต้อนรับผู้ที่แวะมาเยี่ยมเยือนนั่นเอง

โฮมออฟฟิศ

THE CURCLE MEETING

ออกแบบพื้นที่ต่างระดับและที่นั่งโค้งเป็นรูปวงกลมด้วยโครงไม้ หุ้มเบาะหนังเทียมให้ทำความสะอาดง่าย พร้อมกับสร้างจังหวะพนักพิงให้มีบ้าง ไม่มีบ้าง เป็นลูกเล่นดูสนุก ๆ พื้นที่ตรงกลางปูหญ้าเทียมจำลองบรรยากาศธรรมชาติ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นกันเอง ลดความตึงเครียดในการประชุมลงได้ หรือหากมีการปาร์ตี้สังสรรค์มุมนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ใช้งานได้ดี

 

โฮมออฟฟิศ

FLEXIBLE PLASTIC WALL

สำหรับโฮมออฟฟิศที่ไม่ต้องการแบ่งพื้นที่ห้องประชุมและห้องอื่น ๆ ด้วยผนังอย่างจริงจัง ลองใช้ม่านเป็นตัวกั้นพื้นที่ด้วยการทำรางเหล็กไว้ด้านบน สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้หากต้องการเชื่อมต่อพื้นที่ เพิ่มลูกเล่นด้วยการใช้ม่านริ้วพลาสติกใสให้ความโปร่ง และมีสีสันสะดุดตาสร้างความกระตือรือร้นในการทำงานได้อย่างดี ควรเว้นช่องว่างระหว่างพื้นกับชายม่านประมาณ 20 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ม่านลากกับพื้นจนเกิดความเสียหาย ข้อดีอีกอย่างของม่านพลาสติกที่เป็นริ้ว ๆ นี้คือช่วยในการเก็บเสียงได้ในระดับหนึ่ง

 

โฮมออฟฟิศ

DELIGHT WITH WOOD

หากโฮมออฟฟิศแวดล้อมไปด้วยสวนสวย สามารถปรับเปลี่ยนห้องประชุมที่เคยต้องพึ่งพาแต่เครื่องปรับอากาศให้กลายเป็นห้องที่ดึงประโยชน์จากอากาศดี ๆ ด้านนอกเข้ามาสู่ภายใน ด้วยการทำประตูหรือหน้าต่างบานเฟี้ยม พับเปิดออกได้เมื่ออากาศเป็นใจ หรือดึงมาปิดเข้าหากันเมื่อต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ วงกบบานเฟี้ยมนี้สามารถใช้วัสดุอะไรก็ได้ ตั้งแต่ไม้จริง ไวนิล อะลูมิเนียม หรือเหล็ก ใครจะกรุกระจกที่หน้าบานเฟี้ยมก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด แต่ข้อควรระวังคือ หากคุณใช้ไม้จริงที่เป็นไม้ใหม่หรือไม้ที่คุณภาพไม่ดีให้ระวังเรื่องการหดตัวของไม้ สามารถแก้ได้โดยการปล่อยทิ้งไว้สักระยะแล้วจึงยาแนวด้วยซิลิโคน

 

โฮมออฟฟิศ

TAKE A CHILL PILL

ทำพื้นที่พักคอยให้มีความรู้สึกเหมือนกำลังรอเพื่อนมากกว่ามารอคุยเรื่องธุรกิจแสนเครียด ด้วยการใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก เพราะด้วยสีและผิวสัมผัสตามธรรมชาติของไม้จะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกคุ้นเคยเป็นกันเอง ออกแบบเก้าอี้พักคอยเป็นแบบบิลท์อินติดผนังด้านใดด้านหนึ่งแทนราวระเบียงกันตก อาจเพิ่มความน่าสนใจด้วยเบาะนั่ง และหมอนอิงเก๋ ๆ จัดวางโต๊ะไม้ตัวใหญ่ไว้กลางห้องสำหรับใช้ประชุมงาน เพิ่มเติมด้วยการทำตู้หรือชั้นวางหนังสือสูงจรดฝ้าเพดาน หรือจะทำเป็นตู้โชว์ผลงาน และรางวัลที่บริษัทได้รับมาก็เข้าที เป็นการช่วยเสริมภาพลักษณ์ดี ๆ ของบริษัทให้แก่ผู้มาติดต่องานได้อีกทางหนึ่ง


– STORAGE –

พื้นที่เก็บของถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับออฟฟิศหรือพื้นที่ทำงานที่มักต้องมีเอกสารหรือของใช้ต่าง ๆ ที่ต้องการความเป็นสัดส่วนให้หยิบใช้งานง่าย โดยมุมเก็บของนี้จะต้องช่วยให้ออฟฟิศดูดีมีสไตล์ เราจึงขอยกตัวอย่างไอเดียการสร้างพื้นที่จัดเก็บของในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ให้คุณได้เลือกนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับออฟฟิศ และพื้นที่ที่คุณมีอยู่ได้อย่างลงตัว

โฮมออฟฟิศ พื้นที่เก็บของ

CORNER SHELF

ในหลาย ๆ จุดของออฟฟิศถ้าเราบริหารดี ๆ อาจจะได้พื้นที่สำหรับเก็บของเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้ เช่น บริเวณคอร์เนอร์ตามโต๊ะทำงานหรือทางเดิน จากที่เคยทำเป็นผนังทึบ ๆ เราสามารถใส่ลูกเล่นทำเป็นชั้นเก็บของเพิ่มเติมได้ หรือใช้เป็นเคาน์เตอร์ต้อนรับที่มีฟังก์ชันเก็บของได้ในตัว ด้วยการทำชั้นบิลท์อินล้อมรอบด้วยไม้เนื้อแข็งให้มีความสูงประมาณ 1.20 – 1.50 เมตร และความกว้างของชั้นประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร ให้พอดีหรือมากกว่าขนาดความกว้างของนิตยสารสักเล็กน้อย แบ่งเป็นช่องย่อย ๆ เพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก และเป็นการแบ่งหมวดหมู่ให้ค้นหาสิ่งของได้ง่ายขึ้น ส่วนพื้นที่ด้านบนของชั้นวางของยังสามารถวาง แจกันดอกไม้ หรือกระถางต้นไม้ ช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้ออฟฟิศได้อีกทางหนึ่ง

โฮมออฟฟิศ ชานพักบันได

STAIR SHELF

บางบ้านอาจไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บของอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถหากยังมีพื้นที่อย่างชานพักบันได เริ่มจากทำชั้นบิลท์อินด้วยไม้เนื้อแข็งยื่นออกมาจากผนังประมาณ 30 เซนติเมตร หากเผื่อมากเกินไปจะทำให้ชานพักบันไดยิ่งแคบและไม่สะดวกในการใช้งาน แนะนำว่าควรแบ่งชั้นให้เป็นช่องย่อย ๆ จะดีกว่าทำเป็นชั้นยาว และควรให้มีการกระจายแรงรับน้ำหนักบ้าง เพราะอนาคตอาจมีการแอ่นตัวเมื่อต้องรับน้ำหนักไปนาน ๆ จนเกิดความเสียหายได้ หากยังอยากได้พื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นอีกหน่อย สามารถทำตู้บิลท์อินบริเวณเหนือชั้นวางด้านบนให้มีบานประตูเปิด-ปิดใช้เก็บของสำคัญให้เป็นสัดส่วน ในระดับความสูงที่เอื้อมถึงได้สะดวก เพียงเท่านี้ออฟฟิศของคุณก็จะได้พื้นที่เก็บของไว้ใช้งานแล้ว

โฮมออฟฟิศ ชั้นหนังสือ

FULL WALL SHELF

สำหรับออฟฟิศที่ต้องอ้างอิงหรืออัพเดตข้อมูลกับหนังสือตำรับตำราอยู่เสมอ พื้นที่เก็บของอาจจะต้องทำหน้าที่เป็นชั้นเก็บหนังสือได้ในตัว อย่างการทำชั้นหนังสือแบบเต็มผนังให้มีความสูงจรดเพดาน ด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทนทานและรับน้ำหนักได้ดี อย่างโครงไม้เนื้อแข็งหรือโครงเหล็กสุดเท่อย่างในไอเดียนี้

ชั้นวางแต่ละแถวทำจากแผ่นเหล็ก แบ่งความสูงแต่ละชั้นประมาณ 35 – 50 เซนติเมตร เผื่อสำหรับหนังสือเล่มใหญ่ ส่วนเรื่องความกว้างก็ตามใจชอบได้เลย ทั้งนี้แนะนำว่าให้ใช้วิธีหารกับความกว้างของผนัง เพื่อให้ได้ขนาดที่สวยงามดูสมส่วนกับพื้นที่ สุดท้ายหาของตกแต่งมาวางสลับกันไป ช่วยเพิ่มน่าสนใจให้ชั้นหนังสือนี้เป็นเหมือนตู้โชว์ของตกแต่ง

TIP : สำหรับชั้นวางของที่มีความสูงจรดเพดาน การทำรางบันไดเลื่อนได้ทั้งขวาและซ้าย ถือเป็นอีกฟังก์ชันตัวช่วยให้การหยิบหนังสือบนชั้นสูง ๆ เป็นเรื่องสะดวกสบายขึ้น โดยไม่ต้องยกบันไดย้ายไปมา


– ETC SEVICES –

นอกเหนือจากพื้นที่ใช้งานหลักแล้ว พื้นที่รองอย่างส่วนเซอร์วิสต่าง ๆ สำหรับพนักงานในออฟฟิศก็ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุมชงกาแฟ พื้นที่พักผ่อน ไปจนถึงฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับโฮมออฟฟิศของคุณ ซึ่งอาจเป็นการทำเพิ่มหรือต่อเติมขึ้นมาใหม่ โดยไม่เข้าไปวุ่นวายกับส่วนต่าง ๆ ในบ้านเดิม

โฮมออฟฟิศ แพนทรี่

OFFICE PANTRY

กิจวัตรประจำวันของหนุ่มสาวชาวออฟฟิศมักเดินมาชงชากาแฟสำหรับดื่มระหว่างวัน หรือแม้แต่การอุ่นอาหารแบบง่าย ๆ ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ออฟฟิศทั่วไปขาดไม่ได้ การออกแบบมุมนี้เริ่มจากมองหาพื้นที่ที่เหมาะสำหรับทำแพนทรี่เล็ก ๆ อาจจะเป็นทางเดินก่อนไปห้องน้ำ ที่มีขนาดยาวประมาณ 2 เมตร แพนทรี่ควรมีความสูงประมาณ 80 เซนติเมตร สำหรับติดตั้งซิงค์ล่างจานและเตรียมอาหาร ด้านบนทำตู้บิลท์อินยาวตลอดแนว แบ่งเป็นช่อง ๆ สำหรับเก็บเครื่องครัว และแฟ้มเอกสารบางส่วน ด้านล่างแบ่งเป็นชั้นวางของให้เห็นง่าย หรือหากพื้นที่บนโต๊ะมีไม่มากก็สามารถใช้ส่วนนี้วางเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไมโครเวฟได้

โฮมออฟฟิศ ระเบียง

SMALL TERRACE

สำหรับโฮมออฟฟิศที่ไม่ได้มีพื้นที่พักผ่อนแบบเป็นกิจลักษณะ เป็นเพียงตึกแถวหรือทาวน์โฮม ลองใช้วิธีการทำระเบียงยื่นออกไป ให้พนักงานสามารถเดินไปสูดอากาศภายนอกได้ ไอเดียนี้เหมาะกับบริเวณที่เป็นมุมนั่งเล่น โดยการปรับเปลี่ยนจากหน้าต่างมาเป็นประตูบานเฟี้ยม และต่อเติมโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรงยื่นออกมาประมาณ 80 – 100 เซนติเมตร กรุด้านข้างและพื้นด้วยตะแกรงเหล็กฉีก และกรุด้านหน้าด้วยอิฐบล็อกช่วยบังสายตาในระดับหนึ่ง แต่ยังคงความโปร่งโล่งถ่ายเทอากาศได้สะดวก

การยื่นระเบียงออกไปแบบนี้ จำเป็นจะต้องคำนึงถึงเรื่องกฎหมายว่ามีระยะติดกับอาคารข้าง ๆ เท่าไหร่ ขอแนะนำให้เหลือระยะห่างระหว่างขอบระเบียงจนถึงรั้วไว้สัก 50 – 100 เซนติเมตร โดยไม่มีช่องเปิดใด ๆ จะปลอดภัยที่สุด

โฮมออฟฟิศ ชั้นรองเท้าซีเมนต์

SHOE STORAGE

เพิ่มความสะอาดสะอ้านให้ออฟฟิศอีกหน่อย ด้วยการทำพื้นที่เก็บรองเท้าให้เป็นสัดส่วนตั้งแต่หน้าบ้าน กับชั้นแผ่นซีเมนต์ขนาดความกว้าง 30 เซนติเมตร คูณกับความยาวของผนัง แนะนำว่าควรให้แผ่นซีเมนต์มีความหนาตั้งแต่ 5 เซนติเมตร ขึ้นไป วางขั้นด้วยไม้เนื้อแข็งสูงประมาณ 20 เซนติเมตร เพื่อรับน้ำหนัก และโชว์ลูกเล่นการผสมผสานวัสดุที่แตกต่างกัน ไอเดียนี้สามารถหล่อแยกชิ้นได้ หากต้องการปรับเปลี่ยนพื้นที่วางรองเท้า ก็เคลื่อนย้ายไปวางที่อื่นได้เลย

เรื่อง : Ektida N., Gobbi Chirawat, Monosoda
ภาพ : แฟ้มภาพนิตยสาร room

โฮมออฟฟิศ
โฮมออฟฟิศ และศิลปะแห่งการอยู่อาศัยร่วมกับเวลา

HUAMARK 09 : โฮมออฟฟิศ และศิลปะแห่งการอยู่อาศัยร่วมกับเวลา

บ้านโมเดิร์น (กึ่ง) สำเร็จรูป ของสองศิลปิน
READY TO PAINT CANVAS – บ้านโมเดิร์น (กึ่ง) สำเร็จรูป ของสองศิลปิน