ในวิถีแห่งความเรียบง่าย

                “ผมผูกพันกับนาข้าวมาตั้งแต่เกิด พอมีบ้านก็อยากอยู่ใกล้ทุ่งนาครับ” อาจารย์ธิติพล กันตีวงษ์ อาจารย์สอนดนตรีไทยและเจ้าของบ้าน เล่าถึงเหตุผลในการตัดสินใจซื้อที่ดินขนาดประมาณ 100 ตารางวาผืนนี้เพื่อสร้างเป็นเรือนหอ นอกจากด้านหลังบ้านจะเป็นทุ่งนาแล้ว นอกเขตที่ดินของหมู่บ้านก็ยังเป็นทุ่งนาอีกเช่นกัน บ้านหลังนี้สร้างเมื่อหลายปีก่อนและอาจารย์ธิติพลเป็นผู้ออกแบบด้วยตัวเอง โดยสร้างเป็นบ้านสองชั้นที่ดูไม่สูงเท่าไร เพราะโครงการกำหนดความสูงไม่เกิน 7 เมตร

        ตัวบ้านมีลักษณะแบบล้านนาประยุกต์ผสมกลิ่นอายของบ้านญี่ปุ่น ก่อนจะสร้างบ้าน อาจารย์ธิติพลเล่าว่าใช้เวลามายืนดูที่ดิน ดูแสงแดด ดูทิศทางของลมอยู่ประมาณหนึ่งปี ระหว่างนี้ก็มีการร่างแบบตามไปด้วยจนได้แบบที่ลงตัวตามต้องการ จึงให้เพื่อนที่เป็นสถาปนิกช่วยเขียนแบบให้ จากนั้นก็ก่อสร้างโดยใช้ช่างชาวบ้านที่ทำงานสร้างวัด หกเดือนต่อมาบ้านจึงแล้วเสร็จ
“บริเวณนี้อยู่ในแนวที่อาจเกิดแผ่นดินไหว ผมจึงให้เทฐานรากค่อนข้างหนา เรียกว่าถ้าไหว 5-6 ริกเตอร์ก็สามารถทนได้สบาย”
         บ้านยกพื้นสูงกว่าระดับพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนแรกของบ้านคือส่วนนั่งเล่น-รับแขกซึ่งยกระดับเพดานสูงขึ้นไปเท่าชั้นบน ถัด
เข้าไปเป็นห้องว่างสำหรับเป็นที่ซ้อมดนตรี และส่วนรับประทานอาหารกับแพนทรี่ บริเวณนี้ออกแบบให้ติดประตูบานเฟี้ยมเพื่อเปิดออกไปยังเฉลียงด้านหลังบ้าน ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอน ห้องน้ำ และห้องทำงาน เนื่องจากตัวบ้านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ภายในบ้านจึงได้รับลมเย็นสบายตลอดทั้งวัน
        สำหรับการตกแต่งภายในเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเท่าที่จำเป็น ส่วนใหญ่ คุณชินโกะ ฟูกูมะ ภรรยา เป็นผู้จัด โดยเฉพาะการ
ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สวยๆตามสไตล์ญี่ปุ่น ขณะที่อาจารย์ธิติพลจะเป็นผู้หาเฟอร์นิเจอร์ซึ่งมักเป็นของเก่า ไม่ทำสี และราคาไม่แพงมาจัดวางตามพื้นที่ที่เหมาะสม
        บริเวณรอบบ้านก็ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาชนิดที่เจ้าของบ้านหามาปลูก เช่น คำมอกหลวง ลั่นทม บุหงาส่าหรี พะยอม กล้วยพัด ระฆังเงิน สาละ พญาเสือโคร่ง บัวสวรรค์ ปีบ กฤษณา จำปา ช้างนาว และยังมีไม้ดอกปลูกใส่กระถางอีกหลายชนิด
        สังเกตว่าบ้านหลังนี้จะเน้นความเรียบง่ายซึ่งก็ตรงกับแนวการใช้ชีวิตของเจ้าของบ้าน คงปล่อยให้ทิวทัศน์ของทุ่งนาซึ่งมีภูเขาเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆเป็นภาพอันน่าประทับใจที่ทั้งอาจารย์ธิติพลและคุณชินโกะจะได้เฝ้ามองทุกวันอย่างไม่รู้เบื่อ
               “วันที่เราแต่งงานเป็นช่วงที่นาข้าวออกรวงสีทองและเป็นวันเดียวกับที่เราเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้เป็นวันแรก ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สวยงามมากครับ”

จัตตริน
สังวาล พระเทพ