10 ร้านกาแฟน่านั่งที่ไม่ควรพลาด

“ร้านกาแฟ” ไอเท็มหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ร้านกาแฟจึงต้องมีมากกว่ารสชาติ สำหรับคนเมืองแล้วนอกจากกลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่น รสชาติที่ถูกใจ บรรยากาศร้านก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะร้านกาแฟมิใช่เพียงสถานที่พบปะหรือแวะพักระหว่างทาง แต่ร้านกาแฟยังเป็นสถานที่ปลดปล่อยจินตนาการ กระตุ้นอารมณ์ศิลป์ ร้านกาแฟจึงต้องมีดีทั้งรสชาติและบรรยากาศ วันนี้ Room Directory จึงคัดสรรร้านกาแฟน่านั่ง 10 ร้านที่นอกจากจะให้คุณผู้อ่านได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศแล้ว ยังเหมาะที่จะฉลองเทศกาลแห่งความรักอีกด้วย แถมท้ายต้อนรับเดือนแห่งความรักนี้ด้วย 5 ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ให้คุณได้ชวนคุณรู้ใจไปฉลองกันค่ะ

 

 – 10 ร้านกาแฟน่านั่ง –

 

 

ร้าน Casa Lapin X49

“คาซ่า ลาแปง” ร้านกาแฟชื่อน่ารักภาษาอิตาลีแปลว่า “โพรงกระต่าย” ร้านนี้ตกแต่งด้วยสไตล์อินดัสเทรียลผสมผสานสแกนดิเนเวียน ภายในร้านมีสองชั้นและมีโซนด้านหน้าสำหรับผู้ชื่นชอบอากาศธรรมชาติ จุดเด่นอยู่ที่บริการกาแฟหลากหลาย ทั้งชงด้วยเครื่องเอสเปรสโซ และ Slow bar แบบ Hot drip, Cold drip และ French press ให้คุณได้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟหลากสายพัน

 

 

ร้าน Caffe What If

คาเฟ่เล็ก ๆ แต่อัดแน่นไปด้วยงานดีไซน์ร้านนี้ มีที่นั่งทั้งส่วนอินดอร์และเอ๊าต์ดอร์ โดยออกแบบให้เป็นที่นั่งบิลท์อินยาวตลอดแนวผนังนอกร้าน พร้อมแบ๊คกราวนด์ผนังกระจกกรอบเหล็กบานใหญ่ นอกจากนี้ยังมีส่วน What if decor โซนของใช้ และของตกแต่งบ้านจากฝีมือการสร้างสรรค์งานของ Pomme chan เจ้าของแบรนด์ What If อีกด้วย

 

 

ร้าน (UN) FASHION CAFE

โครงสร้างภายนอกร้านทำจากเหล็กก่ออิฐรูปทรงคล้ายรถบ้าน ถึงร้านจะเล็กแต่บรรยากาศกลับไม่อึดอัดเลย เพราะเน้นการตกแต่งด้วยไม้ และใช้ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์สีอ่อน อีกทั้งยังเปิดช่องแสงหลาย ๆ จุด เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเขามาได้อย่างเต็มที่

 

 

ร้าน Nikko Cafe

ร้านบรรยากาศอบอุ่น โดยตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย ใช้บาร์เครื่องดื่มเป็นจุดเด่นของร้าน ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ออกแบบให้สัมพันธ์กับพื้นที่และคอนเซ็ปต์ร้านในสไตล์อิตาเลี่ยน-เซน เน้นโทนสีขาว-เทา และสีไม้ธรรมชาติ

 

 

ร้าน The Flowery Home

ภายในร้านตกแต่งโทนสีขาว – ฟ้าสบายตา แบ่งเป็นโซนขายของแต่งบ้านและคาเฟ่ เอาใจคนที่ชื่นชอบสไตล์วินเทจสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหรือของที่จำหน่ายภายในร้าน ถ้ายังไม่จุใจให้ขึ้นไปที่ชั้นสองจะพบกับโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจมือสองนำเข้าจากฝรั่งเศสดีไซน์สวยหรู

 

 

ร้าน Alto Coffee

ภายใน Alto Coffee แบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่ง คือ ส่วนของร้านชงกาแฟ จุดเด่นอยู่ที่การเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกดื่มกาแฟจากเครื่องชงแบบอื่นๆ ส่วนที่สอง คือ มุมรวบรวมอุปกรณ์และวัตถุดิบชั้นดีสำหรับการชงกาแฟด้วยตนเองที่บ้านหรือที่ทำงาน พร้อมเมล็ดกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ที่คั่วและบดเอง ยินดีให้ลองใช้เครื่องและชิมกาแฟที่ได้จากแต่ละเครื่องจนพอใจ

 

 

ร้าน Patisserie Mori Osaka

ร้านนี้อบอุ่นด้วยโทนสีน้ำต่ล-ครีมเป็นหลัก ภายในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นฟิวชั่น เพื่อเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมการทำขนมของญี่ปุ่นแบบโบราณที่ใช้แม่พิมพ์ขนมทำจากไม้ และมีอิทธิพลกับการเลือกใช้วัสดุตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน และเพิ่มเสน่ห์ให้ผนังด้วยการจัดวางแพตเทิร์นสามเหลี่ยมที่ทำจากแผ่นไม้วีเนียร์โทนสีน้ำตาลหลากสี และเติมความน่ารักด้วยเก้าอี้เบาะสีพาสเทลนุ่มนิ่ม

 

 

ร้าน DIALOGUE

บรรยากาศในร้านออกแบบให้อบอุ่นชวนให้อยากมานั่งชิล ด้วยโครงสร้างไม้เก่าอายุกว่า 60 ปี และผนังอิฐมอญ ที่มีมุมหนังสือเล็ก ๆ ไว้ให้หยิบหนังสือออกมาอ่านระหว่างนั่งจิบเครื่องดื่ม รวมไปถึงชั้นสองของร้านที่ทำเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะไว้ให้เพลิดเพลินกับภาพสวยๆ

 

 

ร้าน Cafe bicycle

ภายในร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ชั้นลอยมีมุมโซฟานั่งสบายกับความเงียบสงบกำลังดี และมีลูกเล่นอยู่ตรงที่มีการนำวงล้อจักรยานมาเป็นส่วนประกอบของโคมไฟเพดาน ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ร้าน ถือเป็นไอเดียหนึ่งที่เข้ากับชื่อและคอนเซ็ปต์ร้านจริงๆ

 

 

ร้าน 128 COFFEE

ภายนอกตกแต่งในโทนสีดำเคร่งขรึม จัดแบ่งที่นั่งออกเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้หวาย ล้อมรอบอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านข้างร้าน มีสวนหย่อมเล็ก ๆ ปูด้วยหญ้าสีเขียวสด และต้นไม้ในกระถางซีเมนต์ดูเรียบเท่ ภายในร้านแบ่งออกเป็นส่วนเคาน์เตอร์ มีทั้งเครื่องชงกาแฟและอุปกรณ์ทำเครื่องดื่มมากมาย พร้อมตู้โชว์ขนมและเบเกอรี่

 

– 5 ร้านอาหารบรรยากาศดี –

 

 

ร้าน Amontre Playroom & Basserie

ภายในได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ดูโมเดิร์นขึ้น ผสมผสานกับสไตล์อินดัสเทรียล โดยใช้แนวคิดจากเจ้าของร้านที่ต้องการให้ร้านอาหารเป็นห้องนั่งเล่น มีทั้งตู้ป๊อปคอร์น ตู้ทำสายไหม และโปรเจ็คเตอร์ฉายหนัง เพื่อให้มีกิจกรรมสนุกๆ สำหรับหนุ่มสาวยุคใหม่ นอกจากนี้ยังมีมุมสำหรับถ่ายรูป ตกแต่งคำคมความหมายสนุกสนาน เพ้นต์รูปสีน้ำบนผนัง ฝ้าเพดาน และบนโต๊ะอาหาร โทนสีร้านโดยรวมเน้นสีดำ-เทาเป็นหลักเพื่อให้ดูเท่

 

 

ร้าน ALL 6 TO 12

ร้านเท่ๆ กับการตกแต่งสไตล์นิวยอร์กผสมนอร์ดิก (ยุโรปตอนเหนือ) มีกลิ่นอายคล้ายอยู่ในโกดังเก่า ดูเรียบเท่ เลือกใช้วัสดุตกแต่งอย่างลงตัว เช่น พื้นปูนขัดมัน คานไม้ ผนังปิดกระดาษจากหนังสือพิมพ์ เคาน์เตอร์บาร์บุแผ่นสังกะสี และลังไม้ต่าง ๆ เพิ่มความสดชื่นด้วยใบไม้ และดอกไม้ให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้น

 

ร้าน WINE WE WELL

ร้านนี้ใช้คอนเซ็ปต์เรื่องไวน์เป็นไอเดียหลัก การตกแต่งจึงมีภาพที่ออกมาสวยงามดุดัน คุมโทนสีหลักให้ดูเข้มขรึมปนหรูหรา โดยการเลือกใช้สีดำ สีทอง และของตกแต่งที่ทำจากวัสดุโปร่งแสง แต่ละมุมของร้านออกแบบให้แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถถ่ายรูปบรรยากาศร้านสวย ๆ แชร์ผ่านโซเชียลเนตเวิร์กได้อย่างเพลิดเพลิน

 

 

ร้าน Stereo THE GASTRO BAR & Restaurant

บรรยากาศ ภายในร้านเน้นโทนสีน้ำเงิน – ดำเป็นหลัก ผสมกับลายกราฟิกเส้นตรงและสามเหลี่ยม เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งส่วนใหญ่ในร้านอย่างโคมไฟแขวนเพดาน ชั้นวางของติดผนัง โต๊ะ เก้าอี้ เป็นแบบโมเดิร์นดูทันสมัย บางชิ้นออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศร้านโดยเฉพาะ เติมลูกเล่นด้วยแสงสีให้เพดานร้านดูสะดุดตา มองเห็นได้จากระยะไกล

 

 

ร้าน Parlour Restaurant and Bar

ร้านอาหารฟิวชั่นสไตล์ไทยแห่งนี้ มีจุดยืนเรื่องการแต่งร้านที่เน้นความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับร้านอื่น แถมยังต้องคงกลิ่นอายอิงลิชคันทรี่ให้ครบถ้วนทุกอณู เมื่อเดินเข้ามาในร้านจะพบกับโถงรับแขกขนาดใหญ่ ผนังร้านเป็นปูนฉาบสีขาวแล้วขัดให้ดูเก่า เน้นวัสดุจากไม้สนใส่อารมณ์แบบบ้านดิน และของตกแต่งตามวัสดุพื้นถิ่นของอังกฤษ

 

เรื่องโดย: Taliw
ภาพโดย: ซาไก