ว่านกวักโพธิ์เงิน

บอนใบโพ/ว่านโพธิ์เงิน/ว่านโพธิ์ทอง ชื่อวิทยาศาสตร์: Caladium schomburgkii Schott วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวแบบเผือก รูปทรงกลม สูง 30-35 เซนติเมตร ใบ: ใบรูปไข่ โคนใบกลม ปลายใบแหลม แผ่นใบสีเขียว เส้นกลางใบสีขาว ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบ ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น ใบประดับรองรับช่อดอกสีเขียว ช่อดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ ปลีดอกสีขาวถึงสีเหลืองนวล ดอกมีกลิ่นหอมตอนกลางคืน อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ดินร่วนระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูงแสงแดด แสงแดด: ชอบครึ่งวันถึงรำไร น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อหรือผ่าหัว การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับ ว่านชนิดนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านกวักโพธิ์ทอง แต่แตกต่างกันที่แผ่นใบค่อนข้างกลม โคนใบกลมเว้าเล็กน้อย เส้นใบมีสีแดง โดยเชื่อว่าหากปลูกแล้วจะเป็นศิริมงคล เมตตามหานิยม และช่วยให้ค้าขายดี หากปลูกดีๆ จะมีโชคลาภหลั่งไหลมามิได้ขาด

ว่านพญาปัจเวก

พญาเศวต/พระยาเศวต ชื่อวิทยาศาสตร์: Caladium humboldtii (Raf.) Schott วงศ์: Araceae ประเภท: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้น: สูง 8-10 เซนติเมตร มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวแบบเผือก หัวกลม ขนาดประมาณ 8 มิลลิเมตร ทุกส่วนอวบน้ำ ใบ: ใบรูปหัวใจ โคนใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม แผ่นใบบางสีเขียว มีแต้มสีขาวกระจายทั่วใบ ก้านใบกลมสีเขียวอ่อน โคนกาบใบสีน้ำตาลเรื่อ ดอก: ช่อดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ อัตราการเจริญเติบโต: ช้า ดิน: ชอบดินร่วนระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง แสงแดด: แสงแดดครึ่งวัน น้ำ: ปานกลาง การขยายพันธุ์: แยกหน่อ การใช้งานและอื่นๆ: ปลูกเป็นไม้ประดับและใช้เป็นสมุนไพร โดยนำหัวมาตำผสมเหล้า ทาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย บ้างว่าใช้แก้พิษงู หมายเหตุ: ว่านชนิดนี้ปลูกเลี้ยงกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตามบ้านขุนนางใหญ่ เพื่อประดับบารมี