DEFINE STUDIO
- ที่อยู่ : 3 ซอยประดิพัทธ์ 3 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400.
- โทรศัพท์ : 02-259-5753
- Facebook : DefineStudio
- Website : http://www.definestudio.com
- [email protected]
- Instagram: https://www.instagram.com/definestudio/
ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวที่มีมากมายและหลากหลายในเซี่ยงไฮ้นั้นคงไม่มีอาคารไหนจะแปลกและฮิปได้เท่ากับ 1933 Old Millfun หรือ Shanghai Slaughterhouse ได้อีกแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะรูปทรงอาคารคอนกรีตสี่เหลี่ยมหน้าตาแปลกๆ ของ 1933 Old Millfun เท่านั้น ที่น่าสนใจก็คืออาคารแห่งนี้เคยเป็นหนึ่งในโรงฆ่าสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย แต่ปัจจุบันกลายเป็นอาคารเท่ๆ ที่มีมุมถ่ายภาพแปลกๆ ภายใต้แสงสลัวและชวนให้ค้นหายิ่งนัก สถาปัตยกรรมแปลกประหลาด อาคารแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1933 โดยได้รับทุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่ง Balfours นักออกแบบชื่อดังชาวอังกฤษออกแบบไว้เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 ชั้นสไตล์อาร์ตเดโคที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตกและตะวันออกไว้ด้วยกันในพื้นที่ประมาณ 31,700 ตารางเมตร และใช้งบประมาณในการสร้างสูงถึง 33 ล้านกว่าตำลึง (สกุลเงินจีนสมัยนั้น) เพราะต้องขนวัตถุดิบหลักสำหรับทำคอนกรีตจากประเทศอังกฤษ มาก่อให้เป็นผนังหนาราว 50 เซนติเมตร เพื่อคงรักษาอุณหภูมิความเย็นภายในอาคารไว้ มีเพียงหน้าต่างด้านนอกและสกายไลท์เท่านั้นที่เป็นช่องทางให้แสงผ่านเข้ามาได้ รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสภายนอกอาคารมีเสาทรงกลมที่มาจากความเชื่อของชาวจีนที่ว่า ‘โลกเป็นทรงจตุรัสและท้องฟ้าเป็นทรงกลม’ และภายในอาคารใช้เสาโกธิคขนาดใหญ่กว่า 300 ต้นกระจายอยู่ทั่วอาคารทรงจตุรัสซึ่งมีเพดานเป็นเหมือนหมวกทรงแปดเหลี่ยม และใช้เทคโนโลยีการทำพื้นแบบไร้รอยต่อซึ่งทันสมัยที่สุดในยุคนั้น โดยมีรายละเอียดอันโดดเด่นอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสะพานทางเดินเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ซึ่งมีอยู่ถึง 26 จุดด้วยความกว้างแตกต่างกันไปตามขนาดของสัตว์และเพื่อใช้ควบคุมความเร็วของการลำเลียงสัตว์ด้วย ทางลาดเอียงบางจุดก็ทำเทคเจอร์ไว้บนพื้นเพื่อป้องกันการลื่นไถล มีมุมหักเลี้ยวแปลกๆ เพื่อให้ผู้คุมสามารถเหวี่ยงตัวหลบได้ทันหากสัตว์เกิดหงุดหงิดและต่อสู้ขึ้นมา มีบันไดทั้งแบบแนวตรงและบันไดวนสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งแทรกซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ ทำให้เส้นทางของที่นี่ดูลดเลี้ยวคดเคี้ยวเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตที่ชวนให้หลงทางกันได้ง่ายๆ […]
แม้ในตอนแรกตั้งใจจะสร้าง บ้านฟาร์มหลังเกษียณ แต่ในที่สุดก็ได้สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นก่อนเจ้าของบ้านจะมีอายุ 60 ปี โดยใช้งานเป็นทั้งมุมปาร์ตี้ พักผ่อน และเป็นฟาร์มปลูกผักกินเอง ไปจนถึงโฮมสเตย์สำหรับคนรู้จัก และได้กลายเป็นบ้านที่ทำให้เจ้าของบ้านได้ใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดอย่างสุขกายสบายใจ สร้างบ้านไม่รอเกษียณ (แล้ว) แรกเริ่มเดิมที คุณแพะ – สมจิตร์ สิริแสงสว่าง ซื้อที่ดินในย่านวังไทรผืนนี้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน เพราะชอบอากาศที่เขาใหญ่ อีกทั้งมีเพื่อนมาซื้อที่ดินตรงด้านหน้าไว้ก่อนแล้ว โดยตั้งใจว่าพอเกษียณก็จะสร้างบ้านและย้ายมาอยู่ ซึ่งลูกยังไปมาหาสู่ได้สะดวก เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯนัก แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ขึ้น ได้คุยกับ คุณพี ลูกชาย ซึ่งถามว่าทำไมไม่ทำบ้านตอนนี้เลย แต่คุณแพะคิดว่าน่าจะแค่ออกแบบไว้ก่อน ยังไม่ต้องสร้างก็ได้ คุณพีจึงติดต่อ คุณแจม – ณชพล เฉลิมลักษณ์ เพื่อนที่เป็นสถาปนิกมาช่วยออกแบบให้ แต่เมื่อได้ทำงานกับคุณแจมสักพัก ได้เห็นความตั้งใจในการทำงาน ในที่สุดคุณแพะก็ตัดสินใจสร้างบ้านตามคอนเซ็ปต์ที่ได้วางเอาไว้ ตื่นมาอยากปลูกผัก อยากทำกับข้าว บ้านหลังนี้ตั้งชื่อว่า “Farm to Table House” เนื่องจากคุณแพะสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ คิดว่าการปลูกผักกินเองย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่า สิ่งที่ต้องมีคือแปลงปลูกผักที่จะนำมาใช้ทำอาหารรับประทานเอง และต่อไปในอนาคตอาจปลูกส่งขายได้ […]
PIPATCHARA แบรนด์แฟชั่นไทยในเวทีโลกที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดา โดย คุณเพชร-ภิพัชรา แก้วจินดา และ คุณทับทิม-จิตริณี แก้วจินดา ด้วยแนวคิดการใช้แรงขับเคลื่อนของโลกแฟชั่นเพื่อสร้างการมีส่วนรวมย้อนกลับไปช่วยเหลือชุมชน จนเกิดเป็นคอลเลคชั่น Infinitude ที่ไม่เพียงเลือกช่างฝีมือไทยในการผลิตเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุหลักของคอลเลคชั่นเป็น “พลาสติกกำพร้า” อีกด้วย Fashion for Community หรืองานออกแบบที่สร้างการมีส่วนร่วมกลับคืนสู่สังคม คือแนวทางการทำงานของ PIPATCHARA ตลอดมา เมื่อมาถึงคอลเลคชั่น Infinitude นี้ จึงเริ่มมองหามิติของความยั่งยืนที่หลากหลายออกไป ความไม่มีที่สิ้นสุดในความหมายของ Infinitude นั้นสามารถแปลออกมาได้ทั้งมิติของการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน โดยเลือกทำงานกับครูที่แม่ฮ่องสอนเพื่อเป็นการสร้างอาชีพเสริมให้กับเหล่าครู ออกแบบชิ้นส่วนต่างๆโดยคำนึงถึงการทำงานกับคนในชุมชน ตลอดจนวัตถุดิบที่เหลือใช้ก็มาจากการรวมรวบขยะพลาสติกที่ไม่สามารถนำกลับเข้าระบบได้ หรือที่เรียกว่า ‘พลาสติกกำพร้า’ มาใช้เป็นวัสดุหลัก จึงเป็นที่มาของคำว่า Infinitude เราต้องการต่อยอดความเป็นไปได้เหล่านี้ให้ต่อเนื่องไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากตัวชิ้นงานเองแล้ว ก็หวังว่าคอลเลคชั่นนี้จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆของ Circular Economy ที่จับต้องได้เช่นกัน พลาสติกกำพร้า เหมือนไร้ค่า แต่สร้างสรรค์ได้ด้วยงานออกแบบ พลาสติกที่เลือกใช้ในคอลเลคชั่นนี้ทั้งหมดคือ ‘พลาสติกกำพร้า’ ซึ่งเป็นขยะที่ไม่มีมูลค่าในตลาด ไม่ถูกนำไปใช้ซ้ำ รีไซเคิลก็ให้กลับมาเป็นตัวมันเองก็ไม่ได้ เราใช้พลาสติกที่มาจาก Post-Consumer Waste ซึ่งคือพลาสติกที่ผ่านการใช้มาจากในครัวเรือนมาแล้ว […]
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 0-2422-9999 ต่อ 4220
Email : [email protected]
0-2422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 18.00 น)
[email protected]