The SOULITUDE บ้านและสตูดิโอของคนบำบัดใจ
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง ที่มีสตูดิโอเปิดให้คนได้มาเรียนรู้การใช้ศิลปะเพื่อดูแลกายและใจ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่มองเห็นท้องฟ้ากว้างครึ่งโลกและผืนเขาใหญ่ของดอยหลวงเชียงดาว
Design Directory : สถาปนิก บริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด



The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง…กลางพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งเป็นนาข้าวและไร่สวนบริเวณกว้างใกล้กับดอยหลวงเชียงดาวที่เป็นเหมือนฉากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง มีพื้นที่ตรงกลางสวนฝรั่งอยู่ 5 ไร่ ที่ คุณอิ๊บ- วิชภาและคุณเล็ก – ชาญชัย มีทองคลัง ตัดสินใจสร้างบ้านอยู่กันแบบสันโดษและนอบน้อมต่อธรรมชาติ ไม่ได้วางหันหน้าเข้าหาดอยหลวงแบบตรง ๆ เพราะต้องการเพียงแค่ธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวช่วยโอบอุ้มจิตวิญญาณให้สงบนิ่ง ที่นี่จึงไม่ได้มีแค่บ้านอยู่อาศัย แต่ยังมีสตูดิโอชื่อว่า The SOULITUDE Learning and Living Space ที่เปิดให้คนได้มาเรียนรู้การใช้ศิลปะเพื่อดูแลกายและใจ ซึ่งเป็นสุขภาวะแบบองค์รวมไปด้วยกัน



ธรรมชาติจัดสรร
ย้อนกลับไปราว 7 ปีก่อน คุณอิ๊บได้มาเข้าคอร์สเรียนศิลปะบำบัดที่เชียงใหม่ทั้งเพื่อฟื้นฟูสุขภาพหลังความเจ็บป่วยและเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ เดือนแล้วเดือนเล่าที่เธอใช้ชีวิตแบบเนิบช้าอยู่ในบริบทธรรมชาติ จนเริ่มอยากจะมีบ้านอยู่ที่นี่สักหลัง จึงมีคนในพื้นที่ช่วยแนะนำและบอกขายที่ดินใกล้ดอยหลวงตรงนี้ เมื่อได้ลองมายืนดูก็ตัดสินใจซื้อทันที
“รู้สึกว่าใช่และไม่ลังเลเลย พอโทร.บอกพี่เล็ก เขาก็เซอร์ไพรส์และดีใจ เพราะเราก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมีบ้านต่างจังหวัด จนได้มาลองใช้ชีวิตดูแล้วรู้สึกดีมาก ๆ ที่ตื่นเช้ามาได้เห็นหมอก ได้ขี่จักรยานกลางทุ่งนา ผู้คนไม่วุ่นวาย เป็นภาพที่เราเคยได้แต่เห็นแต่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ๆ”





ก่อนจะสร้างบ้าน ก็ยังเป็นช่วงที่ใจบ้านสตูดิโอจัดเวิร์กช็อปเรื่องการสร้างบ้านให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติพอดี คุณอิ๊บจึงสมัครเข้าร่วมด้วยเพราะคิดว่าจะลงมือสร้างบ้านเองแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจให้ทีมสถาปนิกจากบริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด มาช่วยออกแบบทั้งหมด โดยสิ่งแรกที่ทีมใจบ้านสตูดิโอลงมือทำก็คือปรับพื้นที่ให้มีความชุ่มชื้นก่อน
“เพราะที่ดินไม่ค่อยมีน้ำใต้ดิน เราเลยขอผันน้ำเหมืองเข้ามาในที่และขุดบ่อเพิ่ม เสริมด้วยคลองเล็ก ๆ แล้วคุณอิ๊บกับคุณเล็กก็เริ่มปลูกต้นไม้จากกล้าเอง เวลาผ่านไปนกก็เริ่มมา ต้นไม้เริ่มโต เราก็วางผังตัวบ้านโดยใช้ที่ดินเพียง 1 ส่วน บ่อน้ำ 1 ส่วน ที่เหลือทำแลนด์สเคปเป็นสวนป่าธรรมชาติเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดี”



บ้านหลังคาโค้งที่ดูโอบอุ้ม
แทนที่จะออกแบบบ้านหลังคาทรงจั่วหันหน้าเปิดรับวิวดอยหลวงเชียงดาว ทีมสถาปนิกใจบ้านกลับตั้งคำถามใหม่ว่า “หลังคาไม่จั่วได้ไหม”
“เพราะคุณอิ๊บทำงานศิลปะบำบัดและสนใจด้านมนุษยปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับเรื่องจิตใจที่สัมพันธ์กับร่างกาย ส่วนคุณเล็กก็เป็นโค้ชพัฒนาศักยภาพ เหมือนทั้งคู่คอยโอบอุ้มจิตวิญญาณผู้คน เราจึงอยากสื่อสารความโอบอุ้มนี้ผ่านสถาปัตยกรรมเส้นโค้ง โดยมีอาคารหลัก 2 หลังคือส่วนของบ้านขนาด 1 ห้องนอนที่มีหลังคาโค้งป้าน ๆ ดูกว้างหน่อย กับส่วนของสตูดิโอที่มีหลังคาโค้งสูงโปร่งไปตามฟังก์ชันภายใน
“ตัวอาคารทั้งสองมีฟอร์มที่ชัดเจนและวางต่อกันแบบตัวแอล (L) แล้วหันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือ แทนที่จะหันไปทางดอยหลวงซึ่งเป็นทิศตะวันตก แต่ก็สามารถมองเห็นดอยหลวงได้ทางปลายสายตา เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ผ่านพื้นที่เล็ก ๆ ในบ้านมากกว่า และเชื่อมต่อทั้งสองอาคารไว้ด้วยพื้นที่กึ่งภายนอกทั้งในรูปแบบของชาน ระเบียง คอร์ต และทางเดิน ทำให้ขอบอาคารมีความเบลอร์ ซึ่งตรงรอยต่อนี้คุณอิ๊บกับคุณเล็กก็มาร่วมปลูกต้นไม้เติมชีวิตชีวาให้สเปซได้ดีเลย”



ได้ในฤดูที่เกิดฝุ่น PM2.5
เน้นสัมผัสจากวัสดุธรรมชาติ
ด้วยรูปทรงหลังคาโค้งบนอาคารทรงกล่อง คุณอิ๊บกับคุณเล็กจึงมักเรียกชื่อบ้านนี้เล่น ๆ ว่า “บ้านขนมปัง” แม้จะโค้งเหมือนกันแต่ตัวบ้านเป็นอาคารก่ออิฐโชว์แนวให้โทนสีอบอุ่นสบายตา ขณะที่สตูดิโอฉาบผนังปูนเป็นสีขาวรับกับฟังก์ชันการทำงานศิลปะ
“เราสองคนชอบแนวธรรมชาติ ที่จริงก็อยากได้บ้านไม้แต่ก็ยังต้องการความเนี้ยบด้วย เลยมีการผสมวัสดุระหว่างไม้ อิฐ คอนกรีต และกระเบื้องดินเผา แต่เราไม่อยากได้อิฐเคลือบวาว ๆ แบบลอฟต์ ทางใจบ้านก็เลยเลือกอิฐของเชียงใหม่ที่สีไม่เข้มมาก วางแพตเทิร์นให้เนี้ยบหน่อย ไม้ก็เป็นไม้สักเก่า ส่วนผนังคอนกรีตขาวก็ขอให้ฉาบขึ้นลายเท็กซ์เจอร์เบา ๆ สัมผัสแล้วรู้สึกได้ อะไรที่เงาวาวนี่ไม่เอาเลย”

ทำช่องเปิดให้บ้านหายใจได้
นอกจากเน้นใช้วัสดุธรรมชาติที่เรียบง่ายแล้ว สถาปนิกยังออกแบบให้บ้านอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้สบายด้วยช่องเปิดรับแสงและลมเข้ามาหมุนเวียนระบายอากาศช่วยให้บ้านหายใจได้โดยแทบไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเลย
“เราใช้อิฐก่อเป็นแนวรั้วขึ้นจากพื้นดินและวางแพตเทิร์นแบบค่อย ๆ เปิดเป็นช่องว่างให้ลมและแสงผ่าน เหมือนกับผนังอิฐตรงโถงบันไดและในห้องน้ำที่อยู่ทางทิศใต้ก็จะได้ทั้งเอฟเฟ็กต์ของแสงและการพรางตาแบบไม่ทึบเกินไป ส่วนผนังชั้นล่างมีผสมบานเกล็ดไม้ไว้ ชั้นบนมีช่องกระจกคอสองที่เปิดรับลมได้ และเรายังออกแบบให้สามารถปิดประตูหน้าต่างกระจกรอบห้องลีฟวิ่งชั้นบนนี้เพื่อปรับเป็น Safe Room ได้ในช่วงฤดูที่มีฝุ่น PM2.5 เยอะ ๆ ด้วย”

ครั้งเท่านั้น
ห้องสนทนาภายใต้แสงจากดวงดาว
ใกล้ๆ กับอาคารสตูดิโอสีขาว ยังมีห้องพิเศษที่คุณอิ๊บกับคุณเล็กใช้เพื่อสนทนาลงลึกแบบตัวต่อตัว นั่งสมาธิและภาวนา ห้องนี้จึงเป็นรูปทรงแบบวงกลมที่โอบอุ้มและตกแต่งผนังด้วยสีน้ำเงินสร้างความรู้สึกสงบนิ่ง โดยสถาปนิกยังออกแบบช่องแสงพิเศษจากฝ้าเพดานให้ส่องมากระทบผนังเป็นรูปกลุ่มดาว
“เราเจาะฝ้าเพดานเพื่อฝังท่อที่ปิดครอบด้วยโหลแก้วไว้ โดยคำนวณองศาของแสงให้บางช่วงฤดูของปี จะมีแสงตกกระทบผนังเป็นรูปกลุ่มดาวค้างคาวหรือแคสซิโอเปีย ที่คล้ายรูปตัวเอ็ม (M) คว่ำ ซึ่งเมื่อลากปลายขาตัวเอ็มสองด้านมาบรรจบกันก็จะเจอกับดาวเหนือที่เป็นดาวนำทาง เหมือนกับช่วยนำทางให้คนที่เข้ามาทำกิจกรรมในห้องนี้ด้วย ซึ่งจุดแสงนี้จะมีให้เห็นแค่ปีละสองครั้งในช่วงที่กลางวันกับกลางคืนเท่ากัน”



อยู่ร่วมกันภายใต้ท้องฟ้ากว้าง
แม้ว่าบ้านและสตูดิโอจะแยกอาคารกันชัดเจน แต่ทั้งคุณอิ๊บหับคุณเล็กก็ตั้งใจจัดพื้นที่ภายในให้ใช้งานร่วมกันได้ ทั้งส่วนนั่งเล่น รับประทานอาหาร และครัว มีเพียงห้องนอนเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายอยู่ชั้นบนเท่านั้นที่กั้นแยกเป็นพื้นที่ส่วนตัวจริง ๆ
“เมื่อก่อนการมาเชียงใหม่สำหรับเราเป็นเรื่องใหญ่นะ ปกติอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ทำงาน ไปเที่ยวกันก็แค่พัทยา แต่ก็แอบฝันอยากมีบ้านต่างจังหวัดเหมือนกัน พอมีโอกาสทำบ้านที่นี่เลยอยากทำสตูดิโอการเรียนรู้ที่ได้ช่วยบำบัดและดูแลจิตใจคนด้วย เราใช้พื้นที่่ส่วนใหญ่แบบเปิดให้คนเข้ามาใช้งานเหมือนมาผ่อนคลายที่บ้านเพื่อน อยู่ตรงไหนก็สบายเพราะที่นี่ลมพัดถ่ายเทตลอด และถ้าอยากค้างคืนเราก็มีอาคารห้องพัก 2 ห้องที่อยู่ใกล้กับบ่อน้ำไว้รองรับ เป็นมุมเปิดที่มองเห็นดอยหลวงได้ชัดเลย เราชอบความโล่ง ความเงียบสงบ และชอบบ้านที่่มีอากาศถ่ายเทดี เวลานั่งมองฟ้ามองน้ำแล้วเห็นถึงความกว้างใหญ่ของท้องฟ้าที่เหมือนโลกครึ่งใบ มันทำให้จิตใจรู้สึกสงบเย็นสบาย และก็พยายามฝึกจิตใจให้จดจำโมเมนต์แบบนี้ได้ในลมหายใจสุดท้ายของเรา”
ราวกับว่าเมื่อคนโอบอุ้มคน สถาปัตยกรรมโอบอุ้มผู้อยู่อาศัย ธรรมชาติก็โอบอุ้มสถาปัตยกรรม ทับซ้อนกันอยู่ในบริบทที่เรียบง่ายและสงบนิ่งไปด้วยกัน



เจ้าของ : คุณวิชภา – คุณชาญชัย มีทองคลัง
สถาปนิก : บริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด โดยคุณปวรุตม์ กันทะปา คุณทรงชัย ทองผาสุข และคุณภควัต สัตตะรุจาวงษ์
ออกแบบภูมิทัศน์ : บริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด โดยคุณศุภวุฒิ บุญมหาธนากร และละอองลาน ดีไซน์สตูดิโอ โดยคุณกฤษฎิ์ธาดา อินทยศ
วิศวกรโครงสร้าง : คุณพิลาวรรณ พิริยะโภคัย
ผู้รับเหมาอาคาร : ต้นเอกการสร้าง
ผู้รับเหมางานภูมิทัศน์ : TN Green Service
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม, ณัฐวรรธน์ ไทยเสน
สไตล์ : Suntreeya