The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง ที่มองเห็นท้องฟ้ากว้างครึ่งโลก - บ้านและสวน

The SOULITUDE บ้านและสตูดิโอของคนบำบัดใจ

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง ที่มีสตูดิโอเปิดให้คนได้มาเรียนรู้การใช้ศิลปะเพื่อดูแลกายและใจ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่มองเห็นท้องฟ้ากว้างครึ่งโลกและผืนเขาใหญ่ของดอยหลวงเชียงดาว

Design Directory : สถาปนิก บริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ตัวอาคารที่หันไปทางทิศตะวันตกมีแนวรั้วและผนังอิฐที่ช่วยป้องกันแดดโดยเปิดให้มีช่องลมและแสงผ่านได้ รวมถึงการเปิดคอร์ตต้นไม้ไว้ตรงกลางเพื่อดันพื้นที่พักผ่อนให้หลบอยู่ด้านใน
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ข้างสตูดิโอสีขาวมีอาคารทรงกลมเล็ก ๆ ที่โชว์ผนังอิฐแนวด้านนอกให้กลมกลืนไปกับส่วนรั้ว ส่วนด้านในฉาบปิดผิวและทาด้วยสีน้ำเงินเพื่อใช้เป็นห้องสนทนา ทำสมาธิหรือภาวนา
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ลานอิฐบล็อกเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่เชื่อมต่อระหว่างตัวบ้านอิฐโชว์แนวและสตูดิโอสีขาว

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง…กลางพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งเป็นนาข้าวและไร่สวนบริเวณกว้างใกล้กับดอยหลวงเชียงดาวที่เป็นเหมือนฉากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง มีพื้นที่ตรงกลางสวนฝรั่งอยู่ 5 ไร่ ที่ คุณอิ๊บ- วิชภาและคุณเล็ก – ชาญชัย มีทองคลัง ตัดสินใจสร้างบ้านอยู่กันแบบสันโดษและนอบน้อมต่อธรรมชาติ ไม่ได้วางหันหน้าเข้าหาดอยหลวงแบบตรง ๆ เพราะต้องการเพียงแค่ธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวช่วยโอบอุ้มจิตวิญญาณให้สงบนิ่ง ที่นี่จึงไม่ได้มีแค่บ้านอยู่อาศัย แต่ยังมีสตูดิโอชื่อว่า The SOULITUDE Learning and Living Space ที่เปิดให้คนได้มาเรียนรู้การใช้ศิลปะเพื่อดูแลกายและใจ ซึ่งเป็นสุขภาวะแบบองค์รวมไปด้วยกัน

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
รั้วเหล็กที่มีช่องเปิดกรุด้วยไม้เป็นทางเข้าเล็ก ๆ สู่ตัวบ้าน
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ชานบ้านเชื่อมสองอาคารให้กลายเป็นพื้นที่รูปตัวแอล (L) เพิ่มพื้นที่ใช้งานภายนอกใต้ชายคาด้วยการปูกระเบื้องดินเผาแล้วกรุฝ้าทางเดินด้วยไม้
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
พื้นที่กึ่งภายนอกที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านกับสตูดิโอเป็นส่วนขยายที่เปิดรับแสงและลมได้ดี จึงเหมาะที่จะวางเก้าอี้ไว้สำหรับนั่งเล่น

ธรรมชาติจัดสรร

ย้อนกลับไปราว 7 ปีก่อน คุณอิ๊บได้มาเข้าคอร์สเรียนศิลปะบำบัดที่เชียงใหม่ทั้งเพื่อฟื้นฟูสุขภาพหลังความเจ็บป่วยและเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ เดือนแล้วเดือนเล่าที่เธอใช้ชีวิตแบบเนิบช้าอยู่ในบริบทธรรมชาติ จนเริ่มอยากจะมีบ้านอยู่ที่นี่สักหลัง จึงมีคนในพื้นที่ช่วยแนะนำและบอกขายที่ดินใกล้ดอยหลวงตรงนี้ เมื่อได้ลองมายืนดูก็ตัดสินใจซื้อทันที

รู้สึกว่าใช่และไม่ลังเลเลย พอโทร.บอกพี่เล็ก เขาก็เซอร์ไพรส์และดีใจ เพราะเราก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมีบ้านต่างจังหวัด จนได้มาลองใช้ชีวิตดูแล้วรู้สึกดีมาก ๆ ที่ตื่นเช้ามาได้เห็นหมอก ได้ขี่จักรยานกลางทุ่งนา ผู้คนไม่วุ่นวาย เป็นภาพที่เราเคยได้แต่เห็นแต่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ๆ

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
การเชื่อมต่อของสตูดิโอสีขาวเข้าสู่อาคารส่วนที่เป็นบ้านพักอาศัยซึ่งเปลี่ยนวัสดุภายนอกมาเน้นใช้อิฐวางแพตเทิร์นเป็นช่องลมและแสงเล็ก ๆ เปิดเข้าสู่ภายใน
เจ้าของบ้านนำชุดโต๊ะกลมจากบ้านเดิมมาขัดสีไม้ให้อ่อนลงเพื่อให้กลมกลืนกับสีไม้ที่ใช้ในบ้านนี้และเพื่อรำลึกถึงการร่วมนั่งล้อมวงรับประทานอาหารพร้อมหน้าแบบครอบครัว
ห้องครัว
ชั้นไม้เล็ก ๆ เป็นฉากกั้นส่วนของห้องครัวที่ตกแต่งให้มีสีละมุนและสว่างตาแบบพาสเทล
ห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำชั้นล่างมีผนังที่ยื่นขยายพร้อมกับเปิดเพดานให้โล่งเป็นส่วนอาบน้ำที่รับแสงและลม ทั้งยังช่วยระบายความร้อนให้ตัวบ้าน โดยมีช่องแสงเล็ก ๆ เพิ่มเอฟเฟ็กต์ให้ผนังด้วย

ก่อนจะสร้างบ้าน ก็ยังเป็นช่วงที่ใจบ้านสตูดิโอจัดเวิร์กช็อปเรื่องการสร้างบ้านให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติพอดี คุณอิ๊บจึงสมัครเข้าร่วมด้วยเพราะคิดว่าจะลงมือสร้างบ้านเองแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจให้ทีมสถาปนิกจากบริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด มาช่วยออกแบบทั้งหมด โดยสิ่งแรกที่ทีมใจบ้านสตูดิโอลงมือทำก็คือปรับพื้นที่ให้มีความชุ่มชื้นก่อน

เพราะที่ดินไม่ค่อยมีน้ำใต้ดิน เราเลยขอผันน้ำเหมืองเข้ามาในที่และขุดบ่อเพิ่ม เสริมด้วยคลองเล็ก ๆ แล้วคุณอิ๊บกับคุณเล็กก็เริ่มปลูกต้นไม้จากกล้าเอง เวลาผ่านไปนกก็เริ่มมา ต้นไม้เริ่มโต เราก็วางผังตัวบ้านโดยใช้ที่ดินเพียง 1 ส่วน บ่อน้ำ 1 ส่วน ที่เหลือทำแลนด์สเคปเป็นสวนป่าธรรมชาติเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดี

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ภายในสตูดิโอโปร่งด้วยโถงสูง 7 เมตร ภายใต้เพดานทรงโค้งรับไปกับตัวหลังคา โดยมีชั้นลอยเป็นส่วนของห้องสมุดที่ขึ้นได้จากบันไดวน
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ห้องสมุดอยู่บริเวณชั้นลอยของโถงสตูดิโอ โดยจัดวางชุดโต๊ะนั่งเตี้ย ๆ เพื่อช่วยกดมุมมองสายตาให้ต่ำและเชื่อมต่อออกไปสู่เรือนยอดต้นไม้กับท้องฟ้าภายนอก

บ้านหลังคาโค้งที่ดูโอบอุ้ม

แทนที่จะออกแบบบ้านหลังคาทรงจั่วหันหน้าเปิดรับวิวดอยหลวงเชียงดาว ทีมสถาปนิกใจบ้านกลับตั้งคำถามใหม่ว่า “หลังคาไม่จั่วได้ไหม”

เพราะคุณอิ๊บทำงานศิลปะบำบัดและสนใจด้านมนุษยปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับเรื่องจิตใจที่สัมพันธ์กับร่างกาย ส่วนคุณเล็กก็เป็นโค้ชพัฒนาศักยภาพ เหมือนทั้งคู่คอยโอบอุ้มจิตวิญญาณผู้คน เราจึงอยากสื่อสารความโอบอุ้มนี้ผ่านสถาปัตยกรรมเส้นโค้ง โดยมีอาคารหลัก 2 หลังคือส่วนของบ้านขนาด 1 ห้องนอนที่มีหลังคาโค้งป้าน ๆ ดูกว้างหน่อย กับส่วนของสตูดิโอที่มีหลังคาโค้งสูงโปร่งไปตามฟังก์ชันภายใน

“ตัวอาคารทั้งสองมีฟอร์มที่ชัดเจนและวางต่อกันแบบตัวแอล (L) แล้วหันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือ แทนที่จะหันไปทางดอยหลวงซึ่งเป็นทิศตะวันตก แต่ก็สามารถมองเห็นดอยหลวงได้ทางปลายสายตา เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ผ่านพื้นที่เล็ก ๆ ในบ้านมากกว่า และเชื่อมต่อทั้งสองอาคารไว้ด้วยพื้นที่กึ่งภายนอกทั้งในรูปแบบของชาน ระเบียง คอร์ต และทางเดิน ทำให้ขอบอาคารมีความเบลอร์ ซึ่งตรงรอยต่อนี้คุณอิ๊บกับคุณเล็กก็มาร่วมปลูกต้นไม้เติมชีวิตชีวาให้สเปซได้ดีเลย

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ผนังอิฐด้านข้างช่องบันไดขึ้นสู่ชั้นบนใช้เป็นอิฐบางสำหรับตกแต่งผิว ส่วนด้านหน้าเป็นอิฐที่วางแพตเทิร์นให้มีช่องเปิดรับแสงและลม รวมถึงหน้าต่างบานกระทุ้งที่ทำให้มุมนี้ไม่อับทึบ
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
หลังคาโค้งนี้ทำด้วยการหล่อไม้แบบและยกขึ้นไปวางโดยมีเส้นโครงเหล็กช่วยเสริมรับความแข็งแรง
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ห้องนั่งเล่นบริเวณชั้น 2 ใต้หลังคาทรงโค้งที่กั้นฉนวนไว้และพยายามเปิดรับแสงธรรมชาติผ่านช่องกระจกคอสอง โดยห้องนี้สามารถปิดให้เป็น Safe Room
ได้ในฤดูที่เกิดฝุ่น PM2.5

เน้นสัมผัสจากวัสดุธรรมชาติ

ด้วยรูปทรงหลังคาโค้งบนอาคารทรงกล่อง คุณอิ๊บกับคุณเล็กจึงมักเรียกชื่อบ้านนี้เล่น ๆ ว่า “บ้านขนมปัง” แม้จะโค้งเหมือนกันแต่ตัวบ้านเป็นอาคารก่ออิฐโชว์แนวให้โทนสีอบอุ่นสบายตา ขณะที่สตูดิโอฉาบผนังปูนเป็นสีขาวรับกับฟังก์ชันการทำงานศิลปะ

“เราสองคนชอบแนวธรรมชาติ ที่จริงก็อยากได้บ้านไม้แต่ก็ยังต้องการความเนี้ยบด้วย เลยมีการผสมวัสดุระหว่างไม้ อิฐ คอนกรีต และกระเบื้องดินเผา แต่เราไม่อยากได้อิฐเคลือบวาว ๆ แบบลอฟต์ ทางใจบ้านก็เลยเลือกอิฐของเชียงใหม่ที่สีไม่เข้มมาก วางแพตเทิร์นให้เนี้ยบหน่อย ไม้ก็เป็นไม้สักเก่า ส่วนผนังคอนกรีตขาวก็ขอให้ฉาบขึ้นลายเท็กซ์เจอร์เบา ๆ สัมผัสแล้วรู้สึกได้ อะไรที่เงาวาวนี่ไม่เอาเลย

ห้องนอน
การตกแต่งห้องนอนขนาดเล็กอย่างเรียบง่ายเพียงแค่ยกสเต็ปพื้นไม้กับช่องหน้าต่างรับแสงอย่างพอเหมาะก็บ่งบอกถึงความสมถะของผู้เป็นเจ้าของ

ทำช่องเปิดให้บ้านหายใจได้

นอกจากเน้นใช้วัสดุธรรมชาติที่เรียบง่ายแล้ว สถาปนิกยังออกแบบให้บ้านอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้สบายด้วยช่องเปิดรับแสงและลมเข้ามาหมุนเวียนระบายอากาศช่วยให้บ้านหายใจได้โดยแทบไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเลย

“เราใช้อิฐก่อเป็นแนวรั้วขึ้นจากพื้นดินและวางแพตเทิร์นแบบค่อย ๆ เปิดเป็นช่องว่างให้ลมและแสงผ่าน เหมือนกับผนังอิฐตรงโถงบันไดและในห้องน้ำที่อยู่ทางทิศใต้ก็จะได้ทั้งเอฟเฟ็กต์ของแสงและการพรางตาแบบไม่ทึบเกินไป ส่วนผนังชั้นล่างมีผสมบานเกล็ดไม้ไว้ ชั้นบนมีช่องกระจกคอสองที่เปิดรับลมได้ และเรายังออกแบบให้สามารถปิดประตูหน้าต่างกระจกรอบห้องลีฟวิ่งชั้นบนนี้เพื่อปรับเป็น Safe Room ได้ในช่วงฤดูที่มีฝุ่น PM2.5 เยอะ ๆ ด้วย

ภายในห้องสนทนาส่วนตัวดูสงบนิ่งด้วยผนังโทนสีน้ำเงิน โดยบริเวณฝ้าเพดานจะมีช่องแสงรูปกลุ่มดาวค้างคาวที่นำทางไปสู่ดาวเหนือซึ่งจะมองเห็นได้เพียงปีละ 2
ครั้งเท่านั้น

ห้องสนทนาภายใต้แสงจากดวงดาว

ใกล้ๆ กับอาคารสตูดิโอสีขาว ยังมีห้องพิเศษที่คุณอิ๊บกับคุณเล็กใช้เพื่อสนทนาลงลึกแบบตัวต่อตัว นั่งสมาธิและภาวนา ห้องนี้จึงเป็นรูปทรงแบบวงกลมที่โอบอุ้มและตกแต่งผนังด้วยสีน้ำเงินสร้างความรู้สึกสงบนิ่ง โดยสถาปนิกยังออกแบบช่องแสงพิเศษจากฝ้าเพดานให้ส่องมากระทบผนังเป็นรูปกลุ่มดาว

“เราเจาะฝ้าเพดานเพื่อฝังท่อที่ปิดครอบด้วยโหลแก้วไว้ โดยคำนวณองศาของแสงให้บางช่วงฤดูของปี จะมีแสงตกกระทบผนังเป็นรูปกลุ่มดาวค้างคาวหรือแคสซิโอเปีย ที่คล้ายรูปตัวเอ็ม (M) คว่ำ ซึ่งเมื่อลากปลายขาตัวเอ็มสองด้านมาบรรจบกันก็จะเจอกับดาวเหนือที่เป็นดาวนำทาง เหมือนกับช่วยนำทางให้คนที่เข้ามาทำกิจกรรมในห้องนี้ด้วย ซึ่งจุดแสงนี้จะมีให้เห็นแค่ปีละสองครั้งในช่วงที่กลางวันกับกลางคืนเท่ากัน

The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ศาลาสีขาวเรียบเท่ริมบ่อน้ำเป็นมุมที่ทั้งคู่มักจะมานั่งมองท้องฟ้าและชมดวงอาทิตย์ตกดินด้วยกันเสมอ
The SOULITUDE บ้านหลังคาโค้ง
ศาลานั่งเล่นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เหล็กดีไซน์บาง เป็นมุมเปิดที่สามารถชมวิวดอยหลวงสะท้อนบนบ่อน้ำใสได้สวยงาม
ห้องนอน
ภายในห้องพักของเรือนรับรองสำหรับคนที่มาเข้าคอร์สศิลปะบำบัด

อยู่ร่วมกันภายใต้ท้องฟ้ากว้าง

แม้ว่าบ้านและสตูดิโอจะแยกอาคารกันชัดเจน แต่ทั้งคุณอิ๊บหับคุณเล็กก็ตั้งใจจัดพื้นที่ภายในให้ใช้งานร่วมกันได้ ทั้งส่วนนั่งเล่น รับประทานอาหาร และครัว มีเพียงห้องนอนเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายอยู่ชั้นบนเท่านั้นที่กั้นแยกเป็นพื้นที่ส่วนตัวจริง ๆ

เมื่อก่อนการมาเชียงใหม่สำหรับเราเป็นเรื่องใหญ่นะ ปกติอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ทำงาน ไปเที่ยวกันก็แค่พัทยา แต่ก็แอบฝันอยากมีบ้านต่างจังหวัดเหมือนกัน พอมีโอกาสทำบ้านที่นี่เลยอยากทำสตูดิโอการเรียนรู้ที่ได้ช่วยบำบัดและดูแลจิตใจคนด้วย เราใช้พื้นที่่ส่วนใหญ่แบบเปิดให้คนเข้ามาใช้งานเหมือนมาผ่อนคลายที่บ้านเพื่อน อยู่ตรงไหนก็สบายเพราะที่นี่ลมพัดถ่ายเทตลอด และถ้าอยากค้างคืนเราก็มีอาคารห้องพัก 2 ห้องที่อยู่ใกล้กับบ่อน้ำไว้รองรับ เป็นมุมเปิดที่มองเห็นดอยหลวงได้ชัดเลย เราชอบความโล่ง ความเงียบสงบ และชอบบ้านที่่มีอากาศถ่ายเทดี เวลานั่งมองฟ้ามองน้ำแล้วเห็นถึงความกว้างใหญ่ของท้องฟ้าที่เหมือนโลกครึ่งใบ มันทำให้จิตใจรู้สึกสงบเย็นสบาย และก็พยายามฝึกจิตใจให้จดจำโมเมนต์แบบนี้ได้ในลมหายใจสุดท้ายของเรา

ราวกับว่าเมื่อคนโอบอุ้มคน สถาปัตยกรรมโอบอุ้มผู้อยู่อาศัย ธรรมชาติก็โอบอุ้มสถาปัตยกรรม ทับซ้อนกันอยู่ในบริบทที่เรียบง่ายและสงบนิ่งไปด้วยกัน

ภายในพื้นที่ยังมีการออกแบบศาลพระภูมิในรูปทรงอาคารเหลี่ยมใต้หลังคาทรงโค้งคล้ายขนมปังให้รับกับตัวบ้านด้วย
เมื่อต้องการให้แสงและลมหมุนเวียนเข้าบ้านได้จึงมีการทำแพตเทิร์นของอิฐโชว์แนวให้มีช่องเปิดจากน้อยไปมากพร้อมติดตะแกรงกันนกเข้าไว้ด้วย

เจ้าของ : คุณวิชภา – คุณชาญชัย มีทองคลัง

สถาปนิก : บริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด โดยคุณปวรุตม์ กันทะปา คุณทรงชัย ทองผาสุข และคุณภควัต สัตตะรุจาวงษ์

ออกแบบภูมิทัศน์ : บริษัทใจบ้านสตูดิโอ จำกัด โดยคุณศุภวุฒิ บุญมหาธนากร และละอองลาน ดีไซน์สตูดิโอ โดยคุณกฤษฎิ์ธาดา อินทยศ

วิศวกรโครงสร้าง : คุณพิลาวรรณ พิริยะโภคัย

ผู้รับเหมาอาคาร : ต้นเอกการสร้าง

ผู้รับเหมางานภูมิทัศน์ : TN Green Service

เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม, ณัฐวรรธน์ ไทยเสน

สไตล์ : Suntreeya


บ้านแสงสบาย ปร่งสบายรับแสงเหนือ ด้วยโครงสร้างที่เบาลง

บ้านอิฐใต้ถุนสูงฟีลฝรั่งของสถาปนิกนักจัดสวน