บ้านทรงไทย ในพื้นที่บ้านจัดสรร
บ้านทรงไทย ที่เกิดขึ้นจากการขยับขยายพื้นที่ภายในบ้านจัดสรร โดยเจ้าของบ้านผู้หลงรักมนตร์เสน่ห์ของเรือนไทย และตั้งใจจัดวางพื้นที่ใช้สอยใหม่ให้ลงตัวกับชีวิตมากขึ้น



ด้วยความที่เติบโตมาในจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดที่มี บ้านทรงไทย มากที่สุดจังหวัดหนึ่ง ส่งผลให้ คุณเอกรินทร์ พินิจ มีความผูกพันโดยไม่รู้ตัวกับ บ้านทรงไทย และงานศิลปะของไทยโบราณมาจนถึงทุกวันนี้
ย้อนไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว คุณเอกรินทร์ต้องย้ายไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ระยะหนึ่ง ทำให้เขามีโอกาสได้รู้จักของเก่าหรือของแอนทีค จากนั้นจึงเริ่มศึกษาและเก็บสะสมตั้งแต่ของชิ้นเล็กไปจนถึงของชิ้นใหญ่ รวมถึงเรือนไทยสองหลังในบริเวณบ้านหลังนี้ด้วย




“เดิมบ้านของเราก็เป็นเหมือนบ้านจัดสรรทั่วไป คือเราซื้อที่ดินแล้วเลือกแบบบ้านจากโครงการมาสร้าง จนมาช่วงหนึ่งผมเริ่มสนใจเรือนไทยและซื้อชิ้นส่วนเก็บสะสมไว้ ประกอบกับได้ไปเห็นพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ทำให้รู้สึกอยากอยู่เรือนไทยบ้าง หลังจากนั้นไปเจอร้านที่ชายชิ้นส่วนของเรือนไทยที่จังหวัดราชบุรี เห็นเรือนไทยหลังหนึ่ง สวยมาก คุยไปคุยมา เจ้าของร้านบอกว่าเขาหาคนปรุงเรือนไทยให้ได้ จึงตัดสินใจซื้อและเริ่มกลับมาคิดวางผังอีกที”
จากบ้านสองชั้นขนาดเล็ก เมื่อต้องมีเรือนไทยเพิ่มขึ้นมาอีกสองหลัง จึงมีการขยับขยายพื้นที่ภายในบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยลงตัวมากขึ้น
“เรือนไทยหลังใหญ่เราปลูกไว้บริเวณหน้าบ้าน คร่อมที่จอดรถ เพื่อให้ยังใช้จอดรถบริเวณใต้ถุนได้ โดยหลังนี้จัดเป็นส่วนรับรองแขกและเพื่อนฝูง ส่วนหลังเล็กทำเป็นชั้นเดียว เอาไว้หลังบ้าน ใช้เป็นห้องครัว เนื่องจากครัวเดิมในบ้านมีขนาดเล็กมาก เมื่อย้ายครัวออกไป ก็ได้พื้นที่ภายในบ้านทำเป็นห้องรับประทานอาหารแบบเป็นทางการเพิ่มขึ้นมา สำหรับพื้นที่ส่วนอื่นๆในบ้าน เราก็เน้นให้เปิดโล่งถึงกันเพื่อให้บ้านดูโปร่งๆ สบายๆ”





นอกจากงานหลักในการวางผังเรือนไทยให้มีความต่อเนื่องกับบ้านเดิมแล้ว การปรับเปลี่ยนสไตล์การตกแต่งให้เรือนทั้งสามหลังดูกลมกลืนกันก็เป็นอีกสิ่งที่คุณเอกรินทร์ไม่ได้ละเลย โดยเน้นที่การเลือกใช้สีเป็นสำคัญ
“เมื่อตอนจะทาสีเรือนไทย ผมตัดสินใจทาสีแดงเลียนแบบสีแดงชาดของเรือนไทยดั้งเดิม แต่สีแบบเดิมนั้นหาไม่ได้แล้ว จึงเลือกใช้สีสมัยใหม่ที่ดูใกล้เคียงแทน ส่วนบ้านหลังเดิม จากที่เป็นสีขาวก็ทาทับด้วยสีน้ำตาล เพื่อให้ดูไม่โม่โดดจากเรือนไทยมากนัก สำหรับภายใน ผมและภรรยาก็ช่วยกันเลือกช่วยกันดู เพราะเราไม่มีมัณฑนากร ต้องอาศัยดูจากหนังสือตกแต่ง ซึ่งดูเหมือนเขาจะนิยมสีแปลกๆตุ่นๆแบบนี้ และเราก็เห็นว่าน่าจะเข้ากับข้าวของเก่าๆที่มีอยู่ จึงได้สีในบ้านออกมาอย่างที่เห็น”







การทาสีผนังส่วนต่างๆให้ต่างกัน ทั้งสีแดง เขียว และเหลือง นอกจากจะดูสะดุดตาและน่าสนใจแล้ว ยังเหมือนเป็นการแบ่งพื้นที่ของห้องต่างๆ ช่วยให้บ้านเปิดโล่ง ดูเป็นสัดส่วน และสร้างบรรยากาศอบอุ่นยิ่งขึ้นด้วย สำหรับเครื่องเรือนและของตกแต่งนั้น ส่วนมากเป็นของที่คุณเอกรินทร์ซื้อสะสมไว้นานแล้ว เมื่อต้องนำมาจัดลงในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของบ้าน ก็ต้องอาศัยความชำนาญในการเลือกสรรและจัดวางไม่น้อย เพื่อให้บ้านมีของประดับที่สวยงามอย่างลงตัว
จนเมื่อบ้านเสร็จสมบูรณ์ แม้เรือนหลังเล็กจะถูกใช้งานมากกว่า ซึ่งคงเพราะเป็นเรือนชั้นเดียว จึงเข้าถึงได้สะดวก ส่วนเรือนไทยหลังใหญ่จะมีโอกาสใช้เฉพาะวันหยุดหรือเวลามีเพื่อนมาสังสรรค์เท่านั้น แต่คุณเอกรินทร์ก็ยืนยันว่า การได้ใช้เวลาในวันหยุดมานั่งอ่านหนังสือหรือชมของสะสมบนเรือนไทย แล้วมองลงไปเห็นสนามหญ้าและต้นไม้สีเขียวเบื้องล่าง ก็ทำให้สุขใจและรู้สึกคุ้มค่ามากแล้ว แถมยังย้ำอีกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะปลูกเรือนไทยแบบเรือนหมู่อีกในอนาคตข้างหน้า ซึ่งเป็นอีกความฝันที่มุ่งมั่นของชายผู้หลงรักเรือนไทยคนนี้
ความรู้เรื่อง “เรือนไทย” จากเจ้าของบ้าน
การเลือกซื้อเรือนไทยต้องพิจารณาอะไรบ้าง
ส่วนมากเรือนไทยจะถอดชิ้นส่วนมาวางขาย ไม่ได้เห็นโครสร้างทั้งหลัง จึงต้องพิจารณาเป็นส่วนๆไป ถ้าจะให้ง่ายก็ให้ดูที่รายละเอียดต่างๆ เช่น กรอบประตู-หน้าต่าง ความประณีตของฝ้า เช่น การเข้าไม้ของฝาปะกน หรือดูช่องลม เนื่องจากช่างแต่ละคนจะแกะลวดลายช่องลมได้สวยงามต่างกัน แต่ถ้าชำนาญหน่อยก็ให้ดูที่ทรงหลังคา ว่าความลาดชันสวยไหม รวมถึงความประณีตของปั้นลม นอกจากนั้นก็อาจเลือกที่ขนาด
ถ้าเป็นเรือนของชาวบ้านทั่วไปจะมีขนาดเล็ก ประมาณ 7.20 x 3.20 เมตร แต่เรือนหลังใหญ่ของผมขนาดประมาณ 9 × 3.50 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าเรือนทั่วไป รวมถึงแบบของเรือนแต่ละหลังก็ยังแตกต่างกันไปตามพื้นที่ด้วย เช่น ถ้าเป็นบ้านแถวอยุธยา นครสวรรค์ และกำแพงเพชร จะมีฉลุลายที่ช่องลม แต่ถ้าเป็นแถวสุพรรณบุรีจะไม่เน้นการฉลุลาย หรือหากดูที่ประตู ก็จะเห็นว่าบ้านแถบสุพรรณบุรีจะใช้ประตูบานเปิดเหมือนประตูโบสถ์ แต่ถ้าเป็นที่อยุธยาประตูจะเป็นบานเฟี้ยม แต่จริงๆแล้วความงามของเรือนไทยอยู่ที่สัดส่วนเป็นสำคัญ ต่อให้เราได้ฝาสวยๆมาแต่ช่างไม่เก่ง สัดส่วนไม่ดี ก็ออกมาไม่สวย
เมื่อคิดจะซื้อเรือนไทย มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเราก็ต้องหาแหล่งขาย ซึ่งคนขายเขาจะซื้อเรือนไทยมาจากชาวบ้านอีกที โดยมากเขาจะขายยกหลัง หลังหนึ่งประกอบไปด้วยฝาประมาณ 10 ฝา เสา พื้นไม้กระดาน และบางที่อาจจะมีเครื่องหลังคามาด้วย แต่กระเบื้องมุงหลังคาส่วนมากจะแตกหมด ต้องหาซื้อใหม่ ส่วนบันไดนั้นเราต้องมาทำเพิ่มเข้าไปเอง เนื่องจาก บันไดเก่ามักจะผุพัง เพราะต้องตากแดดตากฝน แต่ในกรณีที่เรามีพื้นไม้กระดานหรือเสาอยู่แล้ว ก็อาจจะขอซื้อเฉพาะส่วนที่ขาดก็ได้ ซึ่งแหล่งขายเรือนไทยใหญ่ๆ ก็จะมีที่จังหวัดนครสวรรค์

เจ้าของ-ตกแต่ง:คุณสุมิตรา-คุณเอกรินทร์ พินิจ
เรื่อง:ภัทรสิริ อภิชิต
ภาพ:ฤทธิรงค์, สิทธิศักดิ์
ผู้ช่วยช่างภาพ:รธฎ ศังขวณิช
นิตยสารบ้านและสวน ฉบับกรกฎาคม 2548