บ้านทรงไทย ในพื้นที่บ้านจัดสรร - บ้านและสวน
บ้านทรงไทย

บ้านทรงไทย ในพื้นที่บ้านจัดสรร

บ้านทรงไทย ที่เกิดขึ้นจากการขยับขยายพื้นที่ภายในบ้านจัดสรร โดยเจ้าของบ้านผู้หลงรักมนตร์เสน่ห์ของเรือนไทย และตั้งใจจัดวางพื้นที่ใช้สอยใหม่ให้ลงตัวกับชีวิตมากขึ้น

บ้านทรงไทย
บริเวณสวนหน้าบ้านที่เคยร่มครึ้ม เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เจ้าของบ้านได้ปรับให้เป็นลานสนามหญ้าโล่ง ๆ เพื่อเปิดมุมมองให้เห็นรูปทรงที่สวยงามของเรือนไทย ซึ่งตั้งตระหง่านเคียงข้างบ้านสไตล์ร่วมสมัยได้อย่างไม่เคอะเขิน
บ้านทรงไทย
มุมสวนด้านข้างเป็นทางเดินเชื่อมจากเรือนไทยหลังใหญ่หน้าบ้านไปยังเรือนเล็กด้านหลัง ปลูกต้นลั่นทมที่เจ้าของบ้านทั้งคู่ชื่นชอบ เส้นสายของกิ่งลั่นทมช่วยลดความแข็งของตัวบ้าน และสร้างบรรยากาศของบ้านเขตร้อนได้ดี
บ้านทรงไทย
เพื่อต้องการสร้างบรรยากาศไทย ๆให้ต่อเนื่องกัน รั้วหน้าบ้านจึงออกแบบเป็นรั้วก่ออิฐโชว์แนว ดูโบราณ และทำเป็นซุ้มประตูคนเข้าใส่บานประตูไม้แกะสลัก ช่วยสร้างอารมณ์ย้อนอดีตตั้งแต่ทางเข้า

ด้วยความที่เติบโตมาในจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดที่มี บ้านทรงไทย มากที่สุดจังหวัดหนึ่ง ส่งผลให้ คุณเอกรินทร์ พินิจ มีความผูกพันโดยไม่รู้ตัวกับ บ้านทรงไทย และงานศิลปะของไทยโบราณมาจนถึงทุกวันนี้

ย้อนไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว คุณเอกรินทร์ต้องย้ายไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ระยะหนึ่ง ทำให้เขามีโอกาสได้รู้จักของเก่าหรือของแอนทีค จากนั้นจึงเริ่มศึกษาและเก็บสะสมตั้งแต่ของชิ้นเล็กไปจนถึงของชิ้นใหญ่ รวมถึงเรือนไทยสองหลังในบริเวณบ้านหลังนี้ด้วย

บริเวณใต้ถุนเรือนไทยปูพื้นกระเบื้องดินเผา ส่วนหนึ่งจัดวางตู้และตั่งไม้สำหรับนั่งเล่น อีกส่วนเว้นที่ไว้สำหรับจอดรถ มีห้องน้ำที่ทำเพิ่มเติมขึ้นมาอยู่ด้านในสุด กั้นส่วนด้วยฝาปะกนเจาะช่องประตูขนาดเล็ก ดูกะทัดรัดเป็นส่วนตัว
บ้านทรงไทย
บนเรือนไทยหลังใหญ่ จัดวางตั่งไม้ขาคู้เป็นชุดรับรองแขก ตกแต่งด้วยหมอนและผ้าไทย เพิ่มสีสันสดใสตัดกับสีของฝาเรือน ซึ่งเป็นสีไม้เดิมที่นำมาทาเคลือบเงาไว้ ต่างจากสีตัวเรือนภายนอกที่ทาทับด้วยสีแดง สีสดของปลอกหมอนผ้าไหมไทย เมื่อเลือกวางคละสีระหว่างสีสดบ้างสีตุ่น ๆ บ้าง ทำให้เป็นธรรมชาติไม่ดูจงใจจัดวางเกินไป เพิ่มสัมผัสและบรรยากาศน่าสบาย
บ้านทรงไทย
ระเบียงบนเรือนหลังใหญ่ เปิดโล่งให้เห็นบรรยากาศของสวนด้านล่างได้เต็มตาด้วยหน้าต่างบานเฟี้ยม วางเตียงไม้เก่าปูผ้าสีเหลืองสด เข้ากันได้ดีกับลายทองบนหีบไม้เก่าที่วางเป็นระยะ

“เดิมบ้านของเราก็เป็นเหมือนบ้านจัดสรรทั่วไป คือเราซื้อที่ดินแล้วเลือกแบบบ้านจากโครงการมาสร้าง จนมาช่วงหนึ่งผมเริ่มสนใจเรือนไทยและซื้อชิ้นส่วนเก็บสะสมไว้ ประกอบกับได้ไปเห็นพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ทำให้รู้สึกอยากอยู่เรือนไทยบ้าง หลังจากนั้นไปเจอร้านที่ชายชิ้นส่วนของเรือนไทยที่จังหวัดราชบุรี เห็นเรือนไทยหลังหนึ่ง สวยมาก คุยไปคุยมา เจ้าของร้านบอกว่าเขาหาคนปรุงเรือนไทยให้ได้ จึงตัดสินใจซื้อและเริ่มกลับมาคิดวางผังอีกที”

จากบ้านสองชั้นขนาดเล็ก เมื่อต้องมีเรือนไทยเพิ่มขึ้นมาอีกสองหลัง จึงมีการขยับขยายพื้นที่ภายในบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยลงตัวมากขึ้น

“เรือนไทยหลังใหญ่เราปลูกไว้บริเวณหน้าบ้าน คร่อมที่จอดรถ เพื่อให้ยังใช้จอดรถบริเวณใต้ถุนได้ โดยหลังนี้จัดเป็นส่วนรับรองแขกและเพื่อนฝูง ส่วนหลังเล็กทำเป็นชั้นเดียว เอาไว้หลังบ้าน ใช้เป็นห้องครัว เนื่องจากครัวเดิมในบ้านมีขนาดเล็กมาก เมื่อย้ายครัวออกไป ก็ได้พื้นที่ภายในบ้านทำเป็นห้องรับประทานอาหารแบบเป็นทางการเพิ่มขึ้นมา สำหรับพื้นที่ส่วนอื่นๆในบ้าน เราก็เน้นให้เปิดโล่งถึงกันเพื่อให้บ้านดูโปร่งๆ สบายๆ”

ส่วนรับแขกภายในบ้านทาผนังด้วยสีแดง พร้อมกับเปลี่ยนหน้าต่างให้เป็นบานกระจกใสขนาดใหญ่ เมื่อนั่งในมุมนี้จะสามารถมองเห็นตัวเรือนไทยด้านหน้าได้ชัดเจน
ส่วนของห้องรับประทานอาหารที่ต่อเติมออกไปเป็นหลังคาและผนังกระจกเพื่อซึมซับบรรยากาศอันสดชื่นของสวนภายนอก ดูร่วมสมัย ขณะเดียวกันก็ตั้งใจเลือกเครื่องเรือนสไตล์จีน ทั้งชุดรับประทานอาหารและตู้ไม้ให้เข้ากัน
ห้องน้ำแขกที่ต่อเนื่องกับห้องรับประทานอาหาร เป็นส่วนที่ต่อเติมใหม่เช่นกัน หลังคาจึงเป็นกระจกใส เมื่อแสงส่องลงมาจึงเกิดแสงเงาสวยงาม ทำให้ห้องน้ำขนาดเล็กดูโปร่งสบายขึ้น โดยมีกรอบประตูไม้แกะสลักจากบาหลี ทำหน้าที่เสมือนกรอบรูปภาพขนาดใหญ่
ตัวเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นที่ดูไม่เข้ากับบ้าน ถูกอำพรางด้วยหน้าบันแกะสลักสวยงาม เป็นการซ่อนสิ่งของไม่พึงจะโชว์แบบง่ายๆที่เจ้าของบ้านทำเองได้ แถมยังสะดวกต่อการซ่อมแชมและทำความสะอาดอีกด้วย
สายไฟและปลั๊กที่ติดบนเสาไม้ เมื่อทาด้วยสีน้ำตาลเหมือนกับสีของไม้ ช่วยให้ดูกลมกลืนแนบเนียน ไม่ขัดตา

นอกจากงานหลักในการวางผังเรือนไทยให้มีความต่อเนื่องกับบ้านเดิมแล้ว การปรับเปลี่ยนสไตล์การตกแต่งให้เรือนทั้งสามหลังดูกลมกลืนกันก็เป็นอีกสิ่งที่คุณเอกรินทร์ไม่ได้ละเลย โดยเน้นที่การเลือกใช้สีเป็นสำคัญ

“เมื่อตอนจะทาสีเรือนไทย ผมตัดสินใจทาสีแดงเลียนแบบสีแดงชาดของเรือนไทยดั้งเดิม แต่สีแบบเดิมนั้นหาไม่ได้แล้ว จึงเลือกใช้สีสมัยใหม่ที่ดูใกล้เคียงแทน ส่วนบ้านหลังเดิม จากที่เป็นสีขาวก็ทาทับด้วยสีน้ำตาล เพื่อให้ดูไม่โม่โดดจากเรือนไทยมากนัก สำหรับภายใน ผมและภรรยาก็ช่วยกันเลือกช่วยกันดู เพราะเราไม่มีมัณฑนากร ต้องอาศัยดูจากหนังสือตกแต่ง ซึ่งดูเหมือนเขาจะนิยมสีแปลกๆตุ่นๆแบบนี้ และเราก็เห็นว่าน่าจะเข้ากับข้าวของเก่าๆที่มีอยู่ จึงได้สีในบ้านออกมาอย่างที่เห็น”

บ้านทรงไทย
มุมมองจากทางเดินในสวนข้างบ้านเห็นถึงการผสมผสานรูปแบบเรือนไทยโบราณกับห้องกระจกร่วมสมัย ซึ่งแม้จะแตกต่าง แต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างไม่ขัดตา อีกทั้งความโปร่งของห้องกระจกยังไม่ปิดกั้นมุมมองของเรือนไทยด้วย
เรือนหลังเล็กทำเป็นห้องครัวจัดโต๊ะไม้ท็อปหินอ่อนแบบจีนและเก้าอี้เชโกไว้สำหรับนั่งรับประทานอาหารกันในครอบครัว ประตูบานเฟี้ยมเปิดออกได้กว้างเพื่อรับลมและเปิดให้เห็นวิวทิวทัศน์ของสวนโดยรอบ ทำให้ได้บรรยากาศน่าสบาย สังเกตลวดลายฉลุของช่องลมที่ด้านบนของฝา ซึ่งมีรายละเอียดสวยงามตามแบบฉบับของเรือนแถบอยุธยา
ชุดครัวในเรือนหลังเล็ก เนื่องจากสีของไม้เป็นสีเข้ม การออกแบบหน้าบานตู้ให้มีเส้นสายเรียบๆแล้วทาสีเข้ม ช่วยให้เคาน์เตอร์ครัวดูกลมกลืนกับตัวเรือน ไม่แปลกแยก
โอ่งน้ำสีสวย ใช้ประโยชน์ได้ทั้งรองน้ำฝนและเป็นของตกแต่งที่สวยงามเข้ากันดีกับบ้านเรือนไทย
ไก่เซรามิกสองตัวข้างพุ่มไม้สร้างรายละเอียดน่ารักให้สวนแบบไทย ๆ
ภาพเขียนโบราณ ของสะสมที่คุณเอกรินทร์ชื่นชอบและมีมากที่สุดประเภทหนึ่ง
ภาพเขียนชุดนี้เป็นตำราหมอดูของคุณปู่ที่ตกทอดมาถึงรุ่นคุณเอกรินทร์

การทาสีผนังส่วนต่างๆให้ต่างกัน ทั้งสีแดง เขียว และเหลือง นอกจากจะดูสะดุดตาและน่าสนใจแล้ว ยังเหมือนเป็นการแบ่งพื้นที่ของห้องต่างๆ ช่วยให้บ้านเปิดโล่ง ดูเป็นสัดส่วน และสร้างบรรยากาศอบอุ่นยิ่งขึ้นด้วย สำหรับเครื่องเรือนและของตกแต่งนั้น ส่วนมากเป็นของที่คุณเอกรินทร์ซื้อสะสมไว้นานแล้ว เมื่อต้องนำมาจัดลงในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของบ้าน ก็ต้องอาศัยความชำนาญในการเลือกสรรและจัดวางไม่น้อย เพื่อให้บ้านมีของประดับที่สวยงามอย่างลงตัว

จนเมื่อบ้านเสร็จสมบูรณ์ แม้เรือนหลังเล็กจะถูกใช้งานมากกว่า ซึ่งคงเพราะเป็นเรือนชั้นเดียว จึงเข้าถึงได้สะดวก ส่วนเรือนไทยหลังใหญ่จะมีโอกาสใช้เฉพาะวันหยุดหรือเวลามีเพื่อนมาสังสรรค์เท่านั้น แต่คุณเอกรินทร์ก็ยืนยันว่า การได้ใช้เวลาในวันหยุดมานั่งอ่านหนังสือหรือชมของสะสมบนเรือนไทย แล้วมองลงไปเห็นสนามหญ้าและต้นไม้สีเขียวเบื้องล่าง ก็ทำให้สุขใจและรู้สึกคุ้มค่ามากแล้ว แถมยังย้ำอีกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะปลูกเรือนไทยแบบเรือนหมู่อีกในอนาคตข้างหน้า ซึ่งเป็นอีกความฝันที่มุ่งมั่นของชายผู้หลงรักเรือนไทยคนนี้

ความรู้เรื่อง “เรือนไทย” จากเจ้าของบ้าน

การเลือกซื้อเรือนไทยต้องพิจารณาอะไรบ้าง

ส่วนมากเรือนไทยจะถอดชิ้นส่วนมาวางขาย ไม่ได้เห็นโครสร้างทั้งหลัง จึงต้องพิจารณาเป็นส่วนๆไป ถ้าจะให้ง่ายก็ให้ดูที่รายละเอียดต่างๆ เช่น กรอบประตู-หน้าต่าง ความประณีตของฝ้า เช่น การเข้าไม้ของฝาปะกน หรือดูช่องลม เนื่องจากช่างแต่ละคนจะแกะลวดลายช่องลมได้สวยงามต่างกัน แต่ถ้าชำนาญหน่อยก็ให้ดูที่ทรงหลังคา ว่าความลาดชันสวยไหม รวมถึงความประณีตของปั้นลม นอกจากนั้นก็อาจเลือกที่ขนาด

ถ้าเป็นเรือนของชาวบ้านทั่วไปจะมีขนาดเล็ก ประมาณ 7.20 x 3.20 เมตร แต่เรือนหลังใหญ่ของผมขนาดประมาณ 9 × 3.50 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าเรือนทั่วไป รวมถึงแบบของเรือนแต่ละหลังก็ยังแตกต่างกันไปตามพื้นที่ด้วย เช่น ถ้าเป็นบ้านแถวอยุธยา นครสวรรค์ และกำแพงเพชร จะมีฉลุลายที่ช่องลม แต่ถ้าเป็นแถวสุพรรณบุรีจะไม่เน้นการฉลุลาย หรือหากดูที่ประตู ก็จะเห็นว่าบ้านแถบสุพรรณบุรีจะใช้ประตูบานเปิดเหมือนประตูโบสถ์ แต่ถ้าเป็นที่อยุธยาประตูจะเป็นบานเฟี้ยม แต่จริงๆแล้วความงามของเรือนไทยอยู่ที่สัดส่วนเป็นสำคัญ ต่อให้เราได้ฝาสวยๆมาแต่ช่างไม่เก่ง สัดส่วนไม่ดี ก็ออกมาไม่สวย

เมื่อคิดจะซื้อเรือนไทย มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นเราก็ต้องหาแหล่งขาย ซึ่งคนขายเขาจะซื้อเรือนไทยมาจากชาวบ้านอีกที โดยมากเขาจะขายยกหลัง หลังหนึ่งประกอบไปด้วยฝาประมาณ 10 ฝา เสา พื้นไม้กระดาน และบางที่อาจจะมีเครื่องหลังคามาด้วย แต่กระเบื้องมุงหลังคาส่วนมากจะแตกหมด ต้องหาซื้อใหม่ ส่วนบันไดนั้นเราต้องมาทำเพิ่มเข้าไปเอง เนื่องจาก บันไดเก่ามักจะผุพัง เพราะต้องตากแดดตากฝน แต่ในกรณีที่เรามีพื้นไม้กระดานหรือเสาอยู่แล้ว ก็อาจจะขอซื้อเฉพาะส่วนที่ขาดก็ได้ ซึ่งแหล่งขายเรือนไทยใหญ่ๆ ก็จะมีที่จังหวัดนครสวรรค์  

เจ้าของ-ตกแต่ง:คุณสุมิตรา-คุณเอกรินทร์ พินิจ


เรื่อง:ภัทรสิริ อภิชิต

ภาพ:ฤทธิรงค์, สิทธิศักดิ์

ผู้ช่วยช่างภาพ:รธฎ ศังขวณิช

นิตยสารบ้านและสวน ฉบับกรกฎาคม 2548

เรือนไทยประยุกต์ริมคุ้งน้ำอยุธยา

ความทรงจำใหม่ของเรือนไทยหลังเดิม

ติดตามบ้านและสวน