Leo Design Group
- ที่อยู่ : 75/108-111 อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 2 ชั้น 39 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
- โทรศัพท์ : 02-261-7733
- Facebook : Leo Design Group
- Instagram : @leodesigngroup
- Website : www.leodesign.group
นอกจากภาพของท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้าจะทำให้บ้านสไตล์โมเดิร์นบนเกาะสมุยหลังนี้มีวิวสวยจนน่าอิจฉาแล้ว การออกแบบภายใต้ข้อจำกัดของลักษณะ
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในสวนที่มักเจอในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ คือ หอยทาก ที่กระจายตัวขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และชอบกัดกินต้นไม้ในสวนของเราเสมอจึงต้องหา วิธีกำจัดหอยทาก หอยทาก กลายเป็นศัตรูพืชตัวร้ายที่ต้องกำจัดให้สิ้น ธรรมชาติหอยทากจะวางไข่ตามซากใบไม้ ขอนไม้ผุพัง รวมถึงบริเวณใต้ดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง วิธีกำจัดหอยทาก เมื่อถึงฤดูฝนจึงเป็นช่วงเวลาของการเจริญเติบโตที่เหมาะสมของหอยทาก แต่เจ้าของสวนที่รักต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจคงไม่ชอบใจนัก เพราะหอยทากกินพืชเป็นอาหารและต้นไม้ในสวนคืออาหารอันโอชะของมันเลยทีเดียว วันนี้เว็บไซต์บ้านและสวนมี วิธีกำจัดหอยทาก ให้หมดไปด้วยวิธีออร์แกนิก ปลอดสารพิษ และปลอดภัยต่อเจ้าของสวนด้วย โดยมีวิธีง่ายๆ ดังนี้ 1 เก็บไปโยนทิ้ง เป็นวิธีเบสิกที่ทำได้ง่ายแต่ต้องอาศัยแรงขยันคือการเก็บหอยทากทิ้งให้ไกลจากสวน โดยเลือกเก็บช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นจะเป็นเวลาที่หอยทากจะออกหากินและปรากฏตัวให้เห็นได้ชัด หลังจากเก็บทิ้งแล้วควรจัดเก็บซากใบไม้ให้สิ้นซาก เพื่อป้องกันการวางไข่ซ้ำ ซึ่งหอยทากสามารถวางไข่เป็นกลุ่ม กลุ่มละ 200-300 ฟองเลยทีเดียว 2 ใช้เปลือกไข่ อีกหนึ่งวิธีเบสิกคือการใช้เปลือกไข่ไก่หรือไข่เป็ดที่ใช้ประกอบอาหารมื้อประจำวันนี่แหละ เปลือกไข่อย่าทิ้งให้นำไปตากแห้ง แล้วบดให้เป็นชิ้นละเอียดโรยรอบๆ แปลงปลูกต้นไม้ ผิวของเปลือกไข่จะทำให้หอยทากรู้สึกระคายเคืองเนื่องจากผิวของหอยทากมีความบางมาก พวกมันจึงจะไม่มาเข้าใกล้สวนสวยอีก 3 เกลือ นอกจากผิวหอยทากจะบางแล้ว ยังไม่ชอบความความเค็มอีกด้วย เกลือจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือกำจัดหอยทากสูตรออร์แกนิกที่ได้ผลเสมอ วิธีการใช้เกลือทำได้ 2 สูตรคือ โรยผงเกลือที่รอบๆ ต้นไม้ (ระวังอย่าให้โดนรากไม่เช่นนั้นต้นไม้อาจจะตายได้) หรือละลายน้ำแล้วฉีดพ่นใส่ตัวหอยทากโดยตรง ความเค็มของเกลือจะทำให้หอยทากแสบผิวจนไม่อยากเข้าใกล้ต้นไม้ 4 […]
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ ชิสุ จัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดมาจากทิเบต และเป็นพันธุ์ที่นิยมในประเทศจีน โดยการตั้งชื่อสายพันธุ์ชิสุ มีความหมายว่าเป็นสิงโตน้อย (Little lion) หรือสุนัขตัวเล็ก (Little dog) ในประเทศจีน สุนัขพันธุ์ชิสุ มีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese) เนื่องจากได้รับการผสมพันธุ์กับสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ถูกจัดอยู่ในสายพันธุ์ชนชั้นสูง พวกเดียวกับปักกิ่งและปั๊ก เป็นสุนัขที่หรูหราที่สุดจากจักรพรรดิจีน โดยกล่าวว่าพระทิเบตมอบสุนัขพันธุ์ชิสุให้จักรพรรดิจีนเป็นของกำนัล สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักนอกอาณาจักรจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 ในต่อมาได้ถูกนำมาเลี้ยงในแถบทวีปยุโรป ได้แก่ ประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส ทำให้ได้ความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยสมาคม English kennel clubs ได้ขึ้นทะเบียนพันธุ์สุนัขชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์ลาซา แอปโซ (Lhasa Apso) และในปี ค.ศ.1935 สุนัขพันธุ์ชิสุได้มีการพัฒนาลักษณะประจำสายพันธุ์มากขึ้น ทำให้ถูกขึ้นทะเบียนอีกครั้งเป็นสุนัขพันธุ์ชิสุ แยกออกจากสุนัขพันธุ์ยุโรปอย่างชัดเจน และถูกนำต่อมายังอเมริกา โดยทหารอเมริกาที่กลับมาจากทวีปยุโรป ทำให้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ลักษณะทางกายภาพ สุนัขพันธุ์ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ปากสั้น ตาลึกดำสนิท จมูกเล็กแบน หลังจากกินอาหาร หรือกินน้ำควรทำความสะอาดให้แห้งทุกครั้ง […]
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 0-2422-9999 ต่อ 4220
Email : [email protected]
0-2422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 18.00 น)
[email protected]