หลังได้รับโจทย์จากเจ้าของบ้าน คุณปิ๋วและคุณปูจึงได้นำข้อมูลต่างๆและความชอบมาใส่ลงไปในโซนต่างๆของสวน คุณปูเล่าถึงคอนเซ็ปต์ของสวนนี้ให้ฟังว่า “การออกแบบสวนแห่งนี้แบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ ได้แก่ บริเวณหน้าบ้าน และพื้นที่เชื่อมต่อของบ้านกับห้องนั่งเล่นในสวน กำหนดให้ระเบียงหน้าบ้านเป็นมุมนั่งเล่นจิบกาแฟก่อนออกไปทำงานตอนเช้า หรือนั่งพักก่อนเข้าบ้าน เปลี่ยนพื้นใหม่เป็นกระเบื้องดินเผาทั้งหมด พร้อมทั้งใส่รั้วเป็นแนวกั้นเขตและบังคับทางเดินเพื่อร้อยเรียงเรื่องราวไปในทิศทางเดียวกัน
ก่อนเดินผ่านเข้ามาภายในโซนสวนชั้นในก็จะเห็นต้นอินจันทรงสูงชะลูดแผ่กิ่งก้านสาขาคอยให้ร่มเงาแก่ตัวบ้าน ต้นนี้เจ้าของบ้านเป็นคนหามาเอง แต่ด้วยขนาดตุ้มที่ใหญ่และลอยขึ้นมาเห็นได้ชัด เลยแก้ไขด้วยวิธีการก่อกระบะขึ้นมาปิดล้อมพร้อมใส่ค้ำยันเหล็กเพื่อความคงทนแข็งแรง ป้องกันแรงลม เนื่องจากเป็นไม้ใหญ่ที่มีความสูงมาก เพราะเจ้าของบ้านอยากได้ความร่มรื่น จึงปลูกต้นไม้ใหญ่ในตำแหน่งที่ต้องการให้ร่มเงา เว้นระยะการปลูกให้ห่างกันเลือกปลูกชนิดที่มีใบไม่แน่นทึบมาก เพื่อมีช่องให้แสงและลมผ่านเข้ามาได้ และการกำหนดพรรณไม้ต่างๆเน้นชนิดที่ดูแลง่าย เจ้าของบ้านดูแลเองได้ในอนาคต จึงปลูกให้ชิดกับแนวรั้วและตัวบ้าน
“หลังจากทราบว่าคุณแก้วศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงสร้างเรื่องราวให้มุมด้านในของสวนเป็นลานธรรมะสำหรับพักผ่อนหรือทำกิจกรรมต่างๆได้ โดยก่อเป็นผนังอิฐคล้ายโบราณสถานหรือวัดวาอารามในสมัยก่อน เจาะช่องทำหน้าต่างทรงโค้งและใส่รั้วประดับไว้ด้านนอก ใส่ที่นั่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งม้านั่งทรงโค้ง สตูล และม้านั่งตรงขอบรั้ว ปลูกเสม็ดแดงฟอร์มสวยเป็นไม้ประธานคอยให้ร่มเงาและเป็นพระเอกของมุมนี้
ด้านล่างเลือกปลูกไม้ทนร่ม เช่น กลุ่มเฟิน ฟิโลเดนดรอน หนวดปลาหมึก วางก้อนหินขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ไว้รอบๆ สามารถใช้นั่งสมาธิได้ จากจุดนี้จะมองเห็นทิวทัศน์ของสวนได้เกือบทั้งหมด ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมีทางเดินเชื่อมไปยังพื้นที่ส่วนต่างๆ แต่ละเส้นทางเลือกใช้วัสดุต่างกัน เช่น หินกาบธรรมชาติ ไม้หมอนรถไฟ ปูนเปลือย หรืออิฐทนไฟ ตามสไตล์การออกแบบของ Thanks Nature
“ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือธารน้ำตกเล็กๆที่ไหลผ่านตรงกลางระหว่างบ้านกับห้องนั่งเล่นในสวน ต้องขอบคุณที่เจ้าของบ้านเองก็ชื่อชอบการออกแบบของเรา เพราะเท่ากับว่าเขาจะสูญเสียพื้นที่ใช้สอยตรงนี้ไปเลย แต่เห็นคุณแก้วบอกว่ามุมนี้เป็นช่องที่ลมผ่าน บางครั้งก็แอบเอาเสื่อมาปูนอนเล่นตรงระเบียงข้างลำธารด้วยเลย (ยิ้ม)
“ตามขอบของลำธารใช้หินฟองน้ำผสมกับหินแกรนิตและหินไข่นกกระทา จำลองบรรยากาศคล้ายกับลำธารที่อยู่ในป่าธรรมชาติที่มีเฟินและมอสส์เจริญเติบโตแทรกอยู่ตามซอกหิน และเมื่อเดินลงมาจากน้ำตกก็จะพบกับม้านั่งล้อมต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเราเลือกใช้ต้นโพธิ์ด่างเป็นไม้รองประธาน เพราะใบมีลักษณะเด่น ที่สำคัญใบโพธิ์ยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาด้วย”
ถึงตรงนี้หลายคงที่ได้เห็นภาพสวนคงคิดว่าที่นี่อาจเป็นสวนที่จัดเสร็จเพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่ความจริงแล้วสวนนี้มีอายุมากกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่เพราะเจ้าของบ้านและสมาชิกในครอบครัวช่วยกันดูแลเอาใจใส่ พรรณไม้ที่ปลูกสามารถอยู่ได้จริง อาจมีปรับเปลี่ยนไปบ้างตามความชอบ แต่ยังคงคอนเซ็ปต์และรูปแบบเดิมของสวนเอาไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน และนี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของสวนเมืองร้อนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติมากกว่าอยู่ในป่าคอนกรีต
เจ้าของ : คุณจิรายุส เกษมสิริบุญวัฒน์
จัดสวน : Thanks Nature โดยคุณสุรพงศ์- คุณศุภวัฒน์ สุวรรณรัตน์ โทรศัพท์ 08-1834-6674, 08-9815-2515
เรื่อง : “อิสรา”
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข