การเลี้ยงดูเด็กนอกจากจะต้องอาศัยจิตวิทยาแล้ว สภาพแวดล้อมรอบๆตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ บ้านเปรียบเสมือนที่แห่งแรกที่เด็กใช้ชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกเกิดจนเติบโต การ แต่งห้องนอนให้ลูก จึงสำคัญ
แต่งห้องนอนให้ลูก ดังนั้นถ้าในบ้านมีห้องสักห้องที่เจ้าตัวเล็กรู้สึกว่าเป็นอาณาจักรของตนเอง ก็คงจะทำให้เด็กรู้สึกดีไม่น้อย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายก็สามารถออกแบบวิมานน้อยให้ลูกรักของคุณได้ไม่ยาก เริ่มกันที่…
การจัดตำแหน่งและผังห้อง
การเลือกห้องสำหรับเจ้าตัวเล็กนั้น สิ่งสำคัญคือตำแหน่งที่ตั้ง โดยต้องมีขนาดไม่เล็กจนเกินไป อากาศต้องถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น และควรอยู่ใกล้ห้องน้ำ เพราะเด็กเล็กไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นาน สำหรับการจัดผังห้องนั้นสามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 4 ส่วนง่ายๆ คือ ส่วนทำการบ้านและอ่านหนังสือ ส่วนเล่น ส่วนพักผ่อน และส่วนเก็บของ โดยด้านที่มีแสงสว่างมากจัดให้เป็นมุมอ่านหนังสือ และมุมที่มืดกว่าก็ให้เป็นมุมพักผ่อน ถ้ามีลูกอยู่ในวัยเด็กเล็ก การจัดผังห้องก็จะยืดหยุ่นกว่าเด็กโต เพราะกิจกรรมหลักของเด็กวัยนี้คือการเล่น ซึ่งการจัดห้องก็ควรจะปรับเปลี่ยนรูปแบบให้หลากหลายและไม่น่าเบื่อ อีกทั้งควรเว้นพื้นที่ไว้ให้โล่งพอสมควร เพราะเด็กๆมักจะชอบนั่งเล่นบนพื้นมากกว่า ส่วนเด็กโตนั้นเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นควรจัดตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นระเบียบและมีตำแหน่งแน่นอน
สีสัน
เนื่องจากวัยเด็กเป็นวัยที่สดใสร่าเริง โทนสีที่เหมาะสมควรเป็นสีที่ให้อารมณ์สนุกสนาน เช่น สีส้มอ่อน เหลืองนวล ครีม สีไม้ธรรมชาติ ถ้าเป็นเด็กโตหน่อยอาจใช้โทนสีเย็น เช่น สีเขียวหรือสีฟ้าอ่อน ทั้งนี้ห้องเด็กไม่จำเป็นต้องใช้สีตามเพศ เช่น เด็กชายใช้สีฟ้า หรือเด็กหญิงใช้สีชมพู อย่างไรก็ตามควรถามความสมัครใจของลูกด้วยว่าเขาอยากได้สีอะไร
แสงสว่าง
แสงไฟในห้องเด็กควรเป็นแสงที่สว่างพอสมควร แต่ไม่มากจนแสบตา รวมทั้งไม่ควรใช้ดวงไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานที่ตำแหน่งตรงกลางห้อง เพราะจะรบกวนเด็กขณะที่นอนหลับ ไฟติดผนังเป็นไฟที่เหมาะสมสำหรับห้องเด็ก เพราะให้แสงนุ่มนวล โดยเลือกชนิดที่มีโคมบังหลอดไฟ เพื่อเด็กจะได้ไม่จ้องมองแสงโดยตรง ซึ่งจะทำให้เสียสายตา และควรมีไฟผนังอย่างน้อยสองจุด เพื่อให้ได้แสงสว่างเพียงพอสำหรับทั้งห้อง หรืออาจใช้ไฟดาวน์ไลท์ติดเพดานที่สามารถบังคับให้แสงส่องตรงลงมายังจุดที่ต้องการความสว่างได้ อีกทั้งยังทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสวยงามด้วย
วัสดุ
ไม้เป็นวัสดุปูพื้นห้องเด็กที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากให้ความรู้สึกอบอุ่น หรืออาจใช้กระเบื้องยางก็ได้ เพราะมีความนุ่ม ไม่กระด้าง งอตัวได้ ส่วนผนังอาจใช้วอลล์เปเปอร์ชนิดพีวีซีเคลือบผิว เพราะทำความสะอาดง่าย เหมาะกับเด็กๆในวัยซนที่ชอบการขีดเขียน หรือจะใช้วิธีทาสีก็จะช่วยให้ประหยัดขึ้น แต่สีที่ใช้ควรเป็นสีน้ำพลาสติก เพราะไม่มีกลิ่นเหม็นตกค้าง สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย นอกจากนี้ยังเพิ่มลูกเล่นให้ผนังห้องของลูกได้โดยการสร้างลวดลายลงบนผนัง หรือใช้ลูกกลิ้งพิเศษสร้างผิวสัมผัสหรือลวดลายแปลกๆที่สามารถทำได้ด้วยฝีมือของคุณพ่อคุณแม่
เฟอร์นิเจอร์
ต้องพิจารณาเรื่องขนาดเป็นสำคัญ และควรเลือกเฟอร์นิเจอร์เผื่อไว้ คือ สามารถปรับขนาดการใช้งานได้เมื่อเด็กโต รวมทั้งมีน้ำหนักไม่มาก เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย การใช้เฟอร์นิเจอร์บิลท์อินนั้นจะเหมาะสมกับห้องที่มีขนาดเล็กหรือห้องที่มีรูปร่างไม่สมส่วน การติดตั้งก็ยังมั่นคงแข็งแรง ส่วนเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวนั้นมีราคาถูกกว่า สามารถโยกย้ายได้ง่าย หรือซื้อมาเพิ่มในภายหลังได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเฟอร์นิเจอร์นั้นมีความแข็งแรง และปลอดภัยเพียงพอที่จะไม่ล้มมาทับเด็ก
Kid’s Tips
การเลือกเตียงนอนสำหรับเด็กทารก ควรเลือกเตียงแบบที่มีลูกกรงโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกเตียง ลูกกรงควรสูงอย่างน้อย 60 เซนติเมตร และเป็นลูกกรงแนวตั้ง เพื่อป้องกันเด็กปีนออกมา ระยะห่างระหว่างลูกกรงแต่ละซี่ไม่ควรน้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร และไม่มากกว่า 6 เซนติเมตร เพื่อที่เด็กจะไม่ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเข้าไปติดอยู่ในระหว่างลูกกรง รวมทั้งควรจัดให้มีด้านที่ปรับขึ้นลงได้ เพื่อความสะดวกในการปูเตียงและอุ้มเด็กเข้าออก อีกทั้งตัวล็อกลูกกรงยังต้องแข็งแรง แน่นหนาพอที่เด็กจะไม่ปลดล็อกเอง และเมื่อเด็กโตแล้ว อาจดัดแปลงเตียงนี้เป็นโซฟาพักผ่อนได้
การเลือกที่นอนเด็ก ควรมีความกว้างอย่างน้อย 100 เซนติเมตร เพราะเด็กมักจะนอนดิ้น เวลาซื้อที่นอนควรพาลูกไปด้วย แล้วให้ลองนอน จากนั้นสอดมือเข้าไปโดยคว่ำฝ่ามือลงใต้ชายกระเบนเหน็บ ถ้ามีช่องว่างแสดงว่าเตียงแข็งจนเกินไป หรือถ้าสอดมือเข้าไปลำบากก็แสดงว่านิ่มเกินไป แต่ถ้าสอดมือเข้าไปได้โดยไม่มีช่องว่างก็แสดงว่าที่นอนนั้นเหมาะสมแล้ว นอกจากนี้เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของที่นอน ก็ไม่ควรให้เด็กกระโดดเล่น