“บ้านแผ่นดิน ผืนฟ้า” โลกส่วนตัวขนาด 3,000 ตร.ม. ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติผ่านการออกแบบอย่างสมดุล
กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยที่มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่น มีกิจกรรมตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งในย่านที่ตั้งของบ้านบ้านพักอาศัยใจกลางเมืองที่มีสภาพแวดล้อมโดยรอบค่อนข้างวุ่นวาย และอาจเกิดตึกสูงขึ้นเมื่อใดก็ได้ในวันข้างหน้า บ้าน “แผ่นดินผืนฟ้า” จึงมาพร้อมกับโจทย์ในการออกแบบที่ต้องการความสะดวกสบาย รองรับการใช้งานของครอบครัว และรับรองเพื่อนฝูงที่มักแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่เนืองๆ รวมทั้งมีพื้นที่ออฟฟิศเจ้าของบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ภายใต้โจทย์การออกแบบจากเจ้าของที่อยากเห็นแผ่นดินและผืนฟ้า เหมือนกับชื่อของบ้าน แต่ในขณะเดียวกันต้องมีความเป็นส่วนตัว โดยไม่มีใครมารบกวน สถาปนิกจึงตีความและออกแบบมาเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น สร้างบนพื้นที่ขนาด 1 ไร่ มีพื้นที่ใช้งานโดยรวมมากถึง 3,000 ตารางเมตร ออกแบบสถาปัตยกรรม โดย greenbox Design ร่วมกับ Poonsook Architects ออกแบบภายในโดย EKAR Architects ที่ร่วมกันสร้างสรรค์บ้านที่มากความท้าทายนี้ นอกจากนั้น ก็จะพาไปเรียนรู้เรื่องอากาศ และเทคโนโลยีปรับอากาศจาก DAIKIN แบบครบวงจร ที่ DAIKIN Solution Plaza fuha: SIAM ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจอากาศอย่างลึกซึ้ง รู้ลึกและศึกษาในทุกรายละเอียดของอากาศอย่างผู้รู้จริง เพื่อสร้างอากาศที่ดีกว่าที่คุณเคยรู้จัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ซีรีส์ ASEAN HOME TOUR ในรายการบ้านและสวนทีวี

บ้านแผ่นดิน ผืนฟ้า
บ้านพักอาศัยและออฟฟิศขนาด 3 ชั้น บนที่ดิน 1 ไร่ พื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 3,000 ตารางเมตร ใจกลางย่านพลุกพล่านของกรุงเทพฯ แห่งนี้ มีหัวใจของการออกแบบอยู่ที่แนวคิดจากเจ้าของบ้านตั้งชื่อไว้ล่วงหน้าแล้วว่า “บ้านแผ่นดิน ผืนฟ้า” เพื่อสร้างโลกส่วนตัวสำหรับการใช้ชีวิต ทำงาน และต้อนรับเพื่อนฝูง โดยจะต้องให้บรรยากาศเชื่อมต่อกันของแผ่นดินและผืนฟ้า สะท้อนความหลงใหลต่อธรรมชาติที่เจ้าของบ้านได้พบเจอจากการทำงานในฐานะช่างภาพ และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาจึงอยากสร้าง “บ้านที่ต้องดูไม่เป็นบ้าน” แต่เปรียบเสมือนโลกส่วนตัวที่รวมทุกความชื่นชอบของทุกคนในครอบครัวเอาไว้ด้วยกัน
ซึ่งแนวคิดนี้กลายเป็นโจทย์สำคัญที่สถาปนิกจะต้องตีความและขยายแนวคิดให้ออกมาเป็นรูปธรรม โดยมีข้อจำกัดที่ท้าทายการออกแบบคือรูปทรงที่ดินมีความกว้างและแคบคล้าย ‘ปังตอ’ เมื่อผนวกเข้ากับความต้องการให้มีทั้งพื้นที่ใช้สอยสำหรับรับแขก แยกห่างจากโซนส่วนตัวของครอบครัว รวมทั้งพื้นที่ทำงาน บ้านหลังนี้จึงออกมาเป็นการเปิดพื้นที่ให้โล่งกว้างในใจกลาง เพื่อแบ่งโซนการอยู่อาศัยต่างๆ ให้เป็นสัดส่วน และยังเป็นพื้นที่ รับลม รับแสง และนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอย่างกลมกลืน


แผ่นดิน ถูกนำเสนอผ่านการเลือกใช้วัสดุ และผิวสัมผัสที่มาจากธรรมชาติทั้งหมด อาทิ ตกแต่งผนังด้วยหินลาวา ปูพื้นห้องน้ำด้วยก้อนกรวด และมีการนำก้อนหินมาเรียงในแนวดิ่งเพื่อให้บรรยากาศเหมือนกำแพงธรรมชาติที่โอบล้อมตัวบ้าน และบังสายตาจากภายนอก
ผืนฟ้า คือการเปิดพื้นที่ว่างและการนำแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในให้ได้มากที่สุด มีการเปิดช่องว่างตรงกลางบ้านให้เป็นคอร์ตยาร์ดขนาดใหญ่ เพื่อให้ท้องฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกมุมมองภายใน
โดย คุณสุรัตน์ พงษ์สุพรรณ์ สถาปนิกจาก greenbox Design และ คุณสุภัทร วงษ์รัตนะ สถาปนิกจาก Poonsook Architects ผู้ร่วมกันออกแบบบ้านหลังนี้ เล่าให้ฟังถึงคอนเซ็ปต์ตั้งต้นว่า

สถาปนิกผู้ร่วมกันออกแบบบ้านหลังนี้
“คำว่า แผ่นดิน เราจะนำเสนอผ่านพื้นหิน รวมทั้งเอาระนาบของพื้นดินแนวราบมาอยู่ในแนวตั้ง เห็นได้ชัดจากการใช้หินลาวาและหินทราเวอร์ทีนในส่วนต่างๆ ของบ้าน รวมถึงการจัดเรียงหินให้กลายเป็นกำแพง ที่ทั้งสร้างความเป็นส่วนตัว และช่วยให้รู้สึกถึงธรรมชาติ
“ส่วน ผืนฟ้า เราทําให้ทุกสเปซสามารถมองเห็นท้องฟ้าให้ได้มากที่สุด ผ่านช่องเปิดต่างๆ เช่น ห้องนั่งเล่นติดตั้งผนังกระจกสูงถึง 8 เมตร การทำบันไดวนที่มีความเหลื่อมกันในแต่ละวงโค้ง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินสู่ท้องฟ้า
“รวมทั้งบริเวณคอร์ตกลางบ้าน จัดวางสวนและพื้นที่สีเขียวแบบ Pocket Park ในทุกพื้นที่ว่าง สร้างความเคลื่อนไหวด้วยสระว่ายน้ำรูปทรงแคบยาวล้อไปไปกับรูปทรงบ้าน โดยเปิดเพดานให้สูงโปร่ง รับลมและแสงสว่าง เสมือนการนำผืนฟ้าและแผ่นดินให้ลงมาเจอกันภายในบ้านหลังนี้”

สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ ผ่านการออกแบบพื้นที่ในโลกส่วนตัว
ด้วยความที่บ้านตั้งอยู่ในย่านที่มีความพลุกพล่านมาก และมีแนวโน้มเกิดตึกสูงในอนาคตอันใกล้ การออกแบบจึงเน้นความเป็นส่วนตัวสูง หากมองจากภายนอกจะเห็นเพียงฟาซาดเป็นกำแพงก่อจากแผ่นหินสูงจากพื้นดินขึ้นไปช่วยบังสายตาจากภายนอก แม้มองจากภายนอก ตัวบ้านมีลักษณะโดยรวมค่อนข้างปิดทึบ แต่เมื่อเดินทางเข้ามาสู่ตัวบ้านแล้ว ก็จะพบกับความโอ่โถงที่ซ่อนอยู่ภายในจากการออกแบบให้แต่ละพื้นที่ใช้สอยเชื่อมทะลุถึงกันในส่วนต่าง ๆ

บ้านนี้สูง 3 ชั้น แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ ฝั่งพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัว แยกออกจากฝั่งพื้นที่รับแขกที่ใช้ต้อนรับเพื่อน ๆ และแขกหลากหลายกลุ่มอยู่ตลอดเวลา โดยก็ออกแบบให้มีบรรยากาศแตกต่างกันไป เช่น ในส่วนของห้องรับแขกหลัก จะออกแบบให้มีความโมเดิร์น ใช้สีสว่างเป็นธีมหลัก ทั้งวัสดุกรุผิว และเฟอร์นิเจอร์โดยรวม พร้อมสร้างบรรยากาศโปร่งโล่งด้วย Double Space กรุด้านข้างเป็นผนังกระจกแบบเต็มบานที่ยาวจากพื้นจรดเพดานสูงถึง 8 เมตร เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติและวิวสวนอย่างเต็มที่

ในโซนนี้ มีไฮไลท์คือส่วนผนังตกแต่งด้วยแผ่นหิน Bookmatch Marble ขนาดใหญ่เพิ่มความโอ่โถง เมื่อมองขึ้นไปด้านบนจะเป็นฝ้าตกแต่งอยู่ใต้ทางเดินของพื้นที่ชั้นบนสร้างบรรยากาศ ในเชิงของฟังก์ชัน ได้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้กระจายตัว มีทั้งโซฟา โต๊ะกลาง และเก้าอี้ที่ให้ผู้มาเยือนสามารถเลือกนั่งได้หลายแบบ ติดกันเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร และครัวแพนทรี่ เพื่อรองรับการปาร์ตี้โดยเฉพาะ ทั้งหมดเชื่อมกันเป็นโถงแบบ Open Plan เพื่อความโปร่งโล่ง
จุดสำคัญของบ้านที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษนี้ โจทย์สำคัญในการออกแบบของสถาปนิกคือการจัดการแสงและลม เพื่อให้เกิดการสอดรับกันของบรรยากาศภายนอกและภายในบ้าน โดยยังคงคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ เหมือนดังที่คุณสุรัตน์ และ คุณสุภัทร สถาปนิกผู้ดูแลการออกแบบบ้านหลังนี้ ได้ขยายแนวคิดที่นำธรรมชาติเข้ามาในบ้านผ่านแสงและลมธรรมชาติให้ฟังว่า

“โจทย์หลักที่เรานํามาคิดต่อในการออกแบบคือการใช้วัสดุธรรมชาติกับตัวสถาปัตยกรรม เพื่อให้แสงส่องผ่านวัสดุ หรือกระทบกับวัสดุต่างๆ แล้วให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ รวมทั้งเหมาะกับสภาวะเมืองร้อน
“โดย ฝั่งบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัว จะใช้วิธีการเรียงหินเป็นกำแพงบังสายตาแบบทึบตัน แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าสังเกตฝั่งด้านทิศตะวันตก จะเรียงหินให้มีช่องว่าง ให้มีสเปซ เพื่อให้ลมพัดผ่านเข้ามาได้ รวมไปถึงเวลากลางคืน เราอยากให้ตัวบ้านมีความเรืองแสง หรือในช่วงเย็นที่มีแสงธรรมชาติ แสงจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกสาดลอดเข้ามา ทำให้เกิดมิติของธรรมชาติเข้ามาในบ้านด้วย”
ตกแต่งภายในด้วยสไตล์ที่แตกต่าง ตามความชอบส่วนตัว

นอกจากส่วนรับแขกที่ว่ามาแล้ว ภายในบ้านยังประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นและพักผ่อนอีกหลายส่วนตามการใช้สอยที่หลากหลายของเจ้าของ โดยมีการตกแต่งที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่น พื้นที่ส่วนพักผ่อนของครอบครัว ตกแต่งให้มีบรรยากาศที่อบอุ่นขึ้น ดูโฮมมี่ อยู่สบาย ด้วยแนวคิดคล้ายถ้ำที่โอบกอดอยู่รอบกายผู้อาศัย
โดยในห้องนั่งเล่นจะตกแต่งให้มีบรรยากาศสงบและผ่อนคลาย ใช้วัสดุตกแต่งสีโทนอุ่น มีรายละเอียดสร้างบรรยากาศ เช่น การใช้วัสดุผนังเป็นกระจกลายฟองคลื่นสร้างมิติน่าสนใจเมื่อกระทบแสงไฟ ส่วนเพดานออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายคลื่น ตกแต่งด้วยแสงไฟส่องสว่างที่ออกแบบให้กลมกลืนกับบรรยากาศโดยรวม กลางห้องวางเฟอร์นิเจอร์นุ่มสบาย พร้อมโต๊ะรับประทานอาหาร ครัวแพนทรี่ และอุปกรณ์ครบครัน รองรับการใช้งานได้สะดวก

ส่วนของห้องนอน Master Bedroom เน้นความเรียบหรู มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น และคงบรรยากาศโปร่งโล่ง เพื่อไม่มีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป ให้ห้องเป็นพื้นที่แห่งพักผ่อนอย่างแท้จริง ภายในจะมีเพียงสิ่งจำเป็น อาทิ เตียงนอนขนาดใหญ่ โคมไฟ ผ้าม่านช่วยกรองแสงและสร้างมิติพริ้วไหว เพดานยังคงทำเป็นริ้วลายคลื่นเพื่อให้สอดรับกับการตกแต่งโดยรวม และมีการออกแบบแสงสว่างให้เหมาะแก่การพักผ่อน

ที่ห้องนี้ ยังมีการใช้วัสดุพิเศษอย่างกระจกโปร่งแสงลายฟองคลื่น ให้บรรยากาศการพักผ่อนที่สงบเงียบเหมือนอยู่ในถ้ำใต้น้ำ ที่ทั้งสว่าง ความเย็น และปลอดโปร่งด้วยระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาให้กลมกลืนกับพื้นที่เป็นอย่างดี

การออกแบบห้องน้ำของ Master Bedroom ยังมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ภายในประกอบด้วยห้องอาบน้ำ อ่างจากุชชี่ และอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ ใช้สีขาวสว่างให้ความรู้สึกสะอาด น่าใช้งาน ส่วนของผนังดีไซน์ให้เหมือนบันไดขนาดเล็กที่ไล่ขึ้นไปตามความสูง ด้านบนสุดทำเป็นช่องเปิดเพื่อรับแสงธรรมชาติ เมื่อแสงเปลี่ยนทิศทางจะทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ส่วนของพื้นจะมีทั้งโซนที่ปูด้วยกระเบื้องและก้อนหิน เพื่อให้สัมผัสกับผืนดินและผืนฟ้าได้ทุกเวลา
ให้ทุกมุมบ้านเปรียบเสมือนการเดินทางสู่สถานที่ใหม่อยู่เสมอ

นอกจากจะมีส่วนรับแขก และที่พักอาศัยแล้ว บ้านหลังนี้ยังทำหน้าที่เป็นออฟฟิศของเจ้าของบ้านด้วย เพื่อให้ห้องนี้มีทั้งความเป็นส่วนตัวเหมาะกับการทำงาน และมีบรรยากาศผ่อนคลาย ห้องนี้จึงถูกออกแบบให้เหมือนลอยอยู่เหนือพื้นที่อื่นๆ ของบ้าน ติดตั้งกระจกขนาดใหญ่ เพื่อรับแสงธรรมชาติ
จากจุดนี้ ออกแบบให้สามารถมองเห็นส่วนอื่นๆ ภายในบริเวณบ้านได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็น ห้องรับแขก สระว่ายน้ำ และ Pocket Park พื้นที่สีเขียวที่แทรกตัวอยู่ทั่วบริเวณ สร้างความสดชื่นและบรรยากาศเย็นสบาย ส่วนประตูห้องทำงานสามารถเปิดประตูได้ทั้งสองฝั่ง เพื่อสร้างการไหลเวียนอากาศที่ดี และมีพื้นที่ระเบียงเอาต์ดอร์สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศระหว่างทำงาน

คุณเอกภาพ ดวงแก้ว จาก EKAR Architects ผู้ดูแลการตกแต่งภายใน เล่าให้ฟังถึงแนวคิดในการออกแบบว่า ได้แรงบันดาลใจจากเจ้าของบ้านซึ่งเป็นช่างภาพที่เดินทางทั่วโลก จึงต้องการให้ทุกมุมของบ้านเป็นเหมือนการเดินทางเข้าไปสู่ที่ใหม่ๆ ทั่วโลกอยู่เสมอ โดยยังคงยึดโยงกับโจทย์หลักของบ้านที่มีความผสมผสานระหว่างแผ่นดินและผืนฟ้า อาทิ การดีไซน์บันไดวนรูปโค้ง ให้เป็นเหมือนประติมากรรมกึ่งสถาปัตยกรรม (Architectural Sculpture) ที่มีรูปทรงเหลื่อมกันไปมา และติดตั้งช่องแสงด้านบนให้มองเห็นท้องฟ้า เพื่อให้นำพาความรู้สึกของผู้ใช้งานให้เหมือนกำลังเดินขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า

“งานออกแบบภายในต้องว้าวทุกมุม ด้วยตัวเจ้าของบ้านเองซึ่งเป็นช่างภาพและเดินทางไปทั่วโลก ต้องการให้ทุกมุมมองในบ้านมีจุดไฮไลต์ ในฐานะผู้ออกแบบจึงต้องช่วยทําทุกมุมของบ้านให้เหมือนการเดินทางเข้าไปที่ใหม่ๆ ทั่วโลกเสมอ ซึ่งความท้าทายสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่
“สิ่งที่สถาปนิกหรืออินทีเรียร์ทุกคนต้องจัดการคือ การใช้พลังงาน พื้นที่ส่วนไหนที่ยอมให้ลมธรรมชาติเข้ามา ส่วนไหนจะต้องใช้เครื่องปรับอากาศ รวมทั้งเรื่องของแสง ต้องบาลานซ์ให้พอดีระหว่างความสว่างและความร้อนที่เข้ามาในตัวบ้าน ยิ่งบ้านโอเวอร์สเกลที่มีเพดานสูงๆ ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้มากๆ ดังนั้นการเลือกใช้ระบบปรับอากาศจะต้องเพียงพอต่อการใช้งานให้ทั่วถึงในทุกมุม และต้องให้ความสำคัญกับความสวยงามของการออกแบบด้วย ดังนั้นระบบปรับอากาศจึงต้องฟังก์ชันด้วย พร้อมกันนั้นต้องกลมกลืนไปกับดีไซน์โดยรวม”
ออกแบบบ้านให้อยู่สบาย ด้วยระบบอากาศและภูมิปัญญาสถาปัตยกรรมเขตร้อน

บ้านหลังนี้เลือกใช้ระบบปรับอากาศขนาดใหญ่จาก DAIKIN VRV (Variable Refrigerant Volume) เป็นระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ ซึ่งคอยล์ร้อนเพียงชุดเดียว สามารถเชื่อมต่อกับคอยล์เย็นได้สูงสุดถึง 64 ตัว ส่งต่ออากาศผ่านคอยล์เย็นหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบต่อท่อลม (Duct Type) หรือแบบฝังฝ้า (Cassette Type) ไปยังห้องต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อซ่อนคอยล์เย็นให้เนียนไปกับการออกแบบภายในที่ต้องการความเนี้ยบ มองแล้วไม่สะดุดตา การออกแบบระบบปรับอากาศให้เข้ากับงานดีไซน์และพื้นที่ยังส่งผลให้บ้านเย็นทั่วถึงกันทุกมุม โดยยังคงรักษาความเรียบหรูของงานดีไซน์เอาไว้อย่างกลมกลืน

คุณเอกภาพ ยังบอกเล่าถึงข้อดีของระบบปรับอากาศของบ้านนี้เพิ่มเติมด้วยว่า “ระบบ VRV จะช่วยให้บ้านเย็นทั่วถึงโดยไม่มีตัวเครื่องมารบกวนสายตาเลย เพราะระบบต่างๆ จะซ่อนอยู่ใต้ฝ้าทั้งหมด ทำให้งานออกแบบภายในออกมาสวยงามอย่างที่เราอยากจะให้เป็น ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถออกแบบช่องเปิดขนาดใหญ่เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อน”

ไม่เพียงให้ความสำคัญกับระบบปรับอากาศที่ช่วยสร้างอากาศที่ดีครอบคลุมทั่วถึงทุกมุมบ้าน ยังให้ความสำคัญกับการขจัดมลภาวะที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่มีอณูขนาดเล็ก สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ภายในบ้าน “แผ่นดินผืนฟ้า” จึงนำเครื่องฟอกอากาศ DAIKIN Streamer เข้ามาเสริมด้วย เพื่อช่วยจัดการเชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ กลิ่นไม่พึงประสงค์ และฝุ่น PM2.5 ช่วยให้อากาศภายในทั้งสะอาด และปลอดภัยจากมลภาวะต่างๆ

บ้านหลังนี้ จึงเป็นหนึ่งในตัวอย่างการออกแบบสถาปัตยกรรมในภูมิกาศเขตร้อนที่แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ภายในบ้านจะมีขนาดกว้างใหญ่ถึง 3,000 ตร.ม. และมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย แต่หัวใจหลักของการออกแบบบ้านหลังนี้ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง คือ การเข้าใจถึงทิศทางของ แดด ลม และอากาศ
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความส่วนตัวในบ้านท่ามกลางเมืองอันแสนวุ่นวาย การแทรกพื้นที่สีเขียว และการเปิดพื้นที่ว่างเพื่อแทรกอากาศและแสงเข้ามาในบ้าน เพื่อให้เกิดการไหลเวียนที่ดี สร้างภาวะอยู่สบายให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านหลังนี้ที่ผสมผสานระหว่างการอยู่อาศัยที่ดีและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว

เรียนรู้เรื่องอากาศ และเทคโนโลยีปรับอากาศ ที่ DAIKIN Solution Plaza fuha: SIAM
หลังเยี่ยมชมบ้านแผ่นดินผืนฟ้าในใจกลางกรุงเทพฯ แล้ว เรามาอีกสถานที่หนึ่งที่อยู่กลางเมืองหลวงของไทยเช่นเดียวกัน เพื่อมาเรียนรู้เรื่องอากาศ และเทคโนโลยีปรับอากาศที่มีความล้ำสมัย จัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการ เพื่อทำให้เราเข้าใจอากาศอย่างลึกซึ้ง รู้ลึกและศึกษาในทุกรายละเอียดของอากาศอย่างผู้รู้จริง เพื่อสร้างอากาศที่ดีกว่าที่คุณเคยรู้จัก

สถานที่นี้คือ Daikin Solution Plaza fuha: SIAM ตั้งอยู่ภายในอาคาร SIAM PATUMWAN HOUSE ชั้น 5 ให้ผู้สนใจได้เข้ามา “รู้-เรื่อง-ลับ- อากาศดี” ได้ฟรี โดยจัดแสดงเทคโนโลยีระบบปรับอากาศของ DAIKIN ภายใต้แนวคิด “Perfecting the Air for All – ปรับทุกอากาศให้สมบูรณ์แบบส่งต่อความสุขให้กับทุกคน”

ที่ปรึกษาการขายงานโครงการ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์
คุณประยุทธ เถลิงนวชาติ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ที่ปรึกษาการขายงานโครงการ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์
เล่าให้ฟังถึงเป้าหมายของศูนย์การเรียนรู้นวัตกรรมอากาศแห่งนี้ ว่า ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นแหล่งความรู้ทางที่เกี่ยวกับระบบปรับอากาศแห่งแรกของประเทศไทย ว่า
“เพราะไดกิ้นไม่ใช่แค่ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ แต่ไดกิ้นยังเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านคุณภาพอากาศด้วย จึงมีผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอเป็นทางเลือกให้ลูกค้าในเรื่องของคุณภาพอากาศได้เป็นอย่างดี”

ภายในจะแบ่งออกเป็น 6 โซนหลักที่จะพาผู้เยี่ยมชมไปทำความรู้จักกับองค์ประกอบของอากาศและสำรวจเทคโนโลยีที่ใช้ควบคุมองค์ประกอบเหล่านั้น ตามแนวคิดของชื่อที่ว่า “fuha – ฟู่ ฮ่า” มาจาก เสียงเป่าลมเย็น “ฟู่” และพ่นลมร้อน “ฮ่า” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ DAIKIN นำมาต่อยอดเพื่อสร้างพื้นที่แห่งนี้ เพื่อพูดถึงคุณภาพของอากาศในมิติต่างๆ เพื่อสร้างสภาวะที่ดีที่สุดสำหรับการใช้ชีวิต

ในโซนแรก “FOUR ELEMENTS ZONE – อากาศดี…มีได้ทั่วโลก!” นำเสนอวิดีโอ Interactive และนิทรรศการจัดวางเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันของ อุณหภูมิ ความชื้น อากาศที่สะอาด และการหมุนเวียนของอากาศ ตัวแปรสำคัญที่จะสร้างอากาศที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนทั่วโลก

โซนที่สอง CORE TECHNOLOGY ZONE เป็นโซนที่ทำให้เราเห็นว่า “อากาศดี…สร้างได้จริง!” นำเสนอเทคโนโลยีที่เพื่อคุณภาพอากาศที่ดีของ DAIKIN ที่เป็นการวางรากฐานให้กับเทคโนโลยีปรับอากาศในอนาคต ส่วนนี้จะเห็นการทำงานภายในของระบบปรับอากาศ และได้สัมผัสอากาศที่ไม่ใช่แค่เย็นแต่ยังมีคุณภาพอากาศที่ดีด้วยตัวเอง

โซนที่สาม FLAGSHIP PRODUCT THEATER ZONE “อากาศดี…ไม่จำกัดพื้นที่!” จัดแสดงในห้องเธียร์เตอร์ที่มีทั้งวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเทคโนโลยีปรับอากาศตลอดเวลาที่ผ่านมาของ DAIKIN รวมทั้งนวัตกรรมเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีในทุกพื้นที่ ทั้งในพื้นที่ส่วนบุคคล เช่น คอนโด บ้าน ออฟฟิศ ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ยักษ์ อย่าง โรงแรม ศูนย์การค้าฯ ครอบคลุมผู้ใช้งานทุกกลุ่ม

โซนที่สี่ NEW VALUE ZONE “อากาศดี…ไม่ได้มีไว้แค่หายใจ!” พาไปสนุกกับ Installation ที่จะนำเราไปเรียนรู้ถึงประโยชน์ของอากาศดี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดี ผ่าน สายลม แสง สี เสียง ที่ล้วนส่งผลต้อความรู้สึกหรืออุณหภูมิ และการจัดวาง อาทิ นำลูกบอลขนาดใหญ่ที่แทนค่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปใน 1 ชั่วโมง จัดวางเก้าอี้เดย์เบดให้ผู้ชมลองนั่งพักผ่อนและสัมผัสอากาศเย็นสบาย พร้อมกลิ่นอโรม่าที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

รวมทั้งการนำเทคโนโลยีสร้างระบบปรับอากาศกลางแจ้งที่ DAIKIN มีส่วนร่วมในการออกแบบเก้าอี้ชมการแข่งขันกีฬาภายในสนาม Khalifa Stadium ประเทศกาตาร์ เจ้าภาพการแข่งขัน FIFA World Cup 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งสนามกีฬาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนระอุ DAIKIN จึงนำโจทย์อันท้าทายนี้มาออกแบบเทคโนโลยีปรับอากาศกลางแจ้งที่ใช้หลักการของเป่าลมร้อนและสร้างลมเย็น มาช่วยสร้างความสบายและป้องกันเชื้อโรคให้กับผู้ชมในสนาม

โซนที่ห้า CURRENT PRODUCTS AND SOLUTIONS ZONE “อากาศดี…ออกแบบได้” นำเสนอโซลูชันของเครื่องปรับอากาศและระบบอากาศของ DAIKIN ที่สามารถตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานได้ในทุกกลุ่ม เพื่อให้ทุกความต้องการเป็นไปได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศเพื่อสร้างอากาศเย็นสบายที่บ้าน ระบบปรับอากาศเพื่อของโรงแรมขนาดใหญ่ หรือระบบปรับอากาศสำหรับสายการผลิตขนาดใหญ่ ฯลฯ


โดยเฉพาะระบบ VRV (Variable Refrigerants Volume) หรือระบบรวมศูนย์ที่สามารถปรับปริมาณน้ำยาได้อย่างอิสระ โดยเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง และประหยัดพลังงาน เนื่องจากทำงานร่วมกับระบบ Inverter และมีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง สามารถต่อกับคอยล์เย็นได้หลากหลายรูปแบบ
นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอเทคโนโลยีระบบควบคุมส่วนกลาง (Smart Home Integration) ที่มีระบบ “Reiri for Home” มาทำหน้าที่รวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว เช่น เครื่องปรับอากาศ ระบบหมุนเวียนอากาศ เครื่องฟอกอากาศ และระบบ Smart Home ผู้ใช้สามารถควบคุมผ่านมือถือที่ต่อ Wi-Fi และอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ปรับอากาศภายในบ้านได้จากทุกที่บนโลก
โดย Reiri for Home ยังทำงานร่วมกับ IAQ เซ็นเซอร์ที่สามารถมอนิเตอร์คุณภาพอากาศได้ตลอดเวลา ครอบคลุมทั้งค่า PM2.5 ค่า TVOC ค่าความชื้น และอุณหภูมิ เพื่อควบคุมอากาศภายในอาคารให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตมากที่สุด


มาถึงโซนที่หก CO-WORKING SPACE ZONE “อากาศดี…ไว้แบ่งปัน!” ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายของ DAIKIN Solution Plaza fuha: SIAM ที่เปิดให้เข้ามาใช้งานได้ฟรีในบรรยากาศสบายๆ ไม่ว่าจะมานั่งทำงาน นัดเพื่อนๆ มาติวหนังสือ ประชุม หรือทำกิจกรรมอื่นๆ มีทั้งโต๊ะเก้าอี้ มุมจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ มีโต๊ะประชุมพร้อมจอทีวีให้ใช้งาน และสัมผัสอากาศดีๆ ภายในพื้นที่แห่งนี้ร่วมกัน
ทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับการทำโชว์รูมให้เข้าถึงผู้คนได้มากยิ่งขึ้น ตรงกับความมุ่งหมายของ DAIKIN เหมือนกับที่คุณประยุทธทิ้งท้ายว่า “วิสัยทัศน์ของ DAIKIN ตั้งใจให้ fuha เป็นมากกว่าโชว์รูม แต่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้แลกเปลี่ยน และสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับอากาศที่ดี เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ วัน”
สำหรับผู้สนใจ สามารถเข้ามาเรียนรู้เรื่องอากาศได้ทุกวัน วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 ถึง 17.00 น. ตั้งอยู่ชั้น 5 อาคาร SIAM PATUMWAN HOUSE ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fuhasiam.daikin.co.th