การออกแบบสวนสไตล์โมเดิร์น ให้ตอบโจทย์การใช้งานและการดูแลอย่างง่าย

การออกแบบสวนสไตล์โมเดิร์น ให้ตอบโจทย์การใช้งานและการดูแลอย่างง่าย

การออกแบบสวนสไตล์โมเดิร์น ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่ความเรียบเท่ หรือการออกแบบให้น้อยเท่านั้น แต่คือการออกแบบที่ผ่านการกลั่นกรองและตัดทอนรายละเอียดให้เหลือเพียงสิ่งจำเป็น

โดย การออกแบบสวนสไตล์โมเดิร์น ยังคงครบถ้วนทั้งด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน และความสวยงามสบายตา ทั้งยังคำนึงถึงการใช้ชีวิตและการเชื่อมโยงเข้ากับตัวบ้านให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหาความเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรายละเอียดและความยืดหยุ่นของการใช้งาน รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่ และการลดภาระการดูแลรักษา ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับมุมพักผ่อนและพื้นที่สีเขียวได้อย่างลงตัวในทุกวัน

1. Line — เส้นสายเรียบง่าย ใช้ได้กับทุกคน

สวนโมเดิร์นเน้นการใช้เส้นสายที่เรียบสะอาด เป็นระเบียบ และไม่ซับซ้อน โดยมักใช้รูปทรงเรขาคณิตหรือเส้นตรงร่วมกับโทนสีสบายตา เช่น การออกแบบพื้นทางเดินเป็นแนวเส้นตรงหรือโค้งเล็กน้อยไม่ให้มีสิ่งกีดขวาง และสามารถรองรับการใช้รถเข็นได้อย่างสะดวก หรือลานนั่งเล่นทรงกลม ช่วยลดความแข็งของเส้นตรงให้ดูสมดุลขึ้น รวมถึงการจัดวางองค์ประกอบในสวนให้เป็นระบบ กำหนดขอบเขตแบ่งระหว่างแปลงปลูกกับพื้นทางเดินหลัก ทำให้มองเห็นพื้นที่และเส้นทางการใช้งานได้ชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Universal Design ที่คำนึงถึงการเข้าถึงของทุกคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย

นอกจากนี้ การติดตั้งแสงไฟในสวนยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเน้นเส้นสายเรียบง่ายให้ดูโดดเด่นและมีมิติมากขึ้น พร้อมเพิ่มความปลอดภัยในยามค่ำคืน โดยเฉพาะการติดไฟตามแนวทางเดินหรือจุดเปลี่ยนระดับ เพื่อให้มองเห็นเส้นทางได้ ลดความเสี่ยงต่อการสะดุดล้ม ทำให้สวนโมเดิร์นกลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่ทั้งเรียบง่าย ใช้งานได้จริง และเหมาะกับทุกคนในบ้าน

2. Space — ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า และมีฟังก์ชัน

การออกแบบสวนที่ดีควรมีความสอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย โดยมีฟังก์ชันชัดเจนและเชิญชวนให้เจ้าของบ้านออกมาสัมผัสธรรมชาติได้บ่อยขึ้น รู้สึกอยากใช้เวลาอยู่ในสวนนาน ๆ ทุกตารางเมตรของพื้นที่จึงต้องออกแบบอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งพักผ่อน ลานกิจกรรม ทางเดิน หรือมุมสังสรรค์ ที่ทั้งสวยงาม สงบ และใช้งานได้จริง ซึ่งการวางผังให้สัมพันธ์กับทิศและแสงแดดจะช่วยสร้างสภาวะน่าสบาย และการจัดองค์ประกอบในสวน เติมรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำให้น่าอยู่ ไม่ให้พื้นที่ถูกปล่อยโล่ง ดูอึดอัดหรือรกจนเกินไป จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความสวยงาม และประโยชน์ใช้สอย รวมถึงแก้ปัญหาของพื้นที่บางอย่างได้ เช่น ใช้เส้นสายแนวตรงและการปลูกต้นไม้ชิดแนวกำแพงในพื้นที่แคบหรือยาวลึก ใช้แปลงปลูกหรือบ่อน้ำทรงสี่เหลี่ยมมาช่วย ปรับสมดุลสายตาในพื้นที่ไม่สมมาตรหรือมีมุมแปลก และการออกแบบทางลาดหรือขั้นบันไดสำหรับพื้นที่ที่มีความต่างระดับ

การออกแบบสวนสไตล์โมเดิร์น

3. Balance — จัดสัดส่วนพื้นที่ให้พอดี ดูแลง่าย

การกำหนดสัดส่วนความสมดุลระหว่างพื้นที่ปลูกต้นไม้ที่ให้ความเขียวชอุ่มตามธรรมชาติกับฮาร์ดสเคป หรือโครงสร้างที่ค่อนข้างคงทนถาวร อย่างแนวทางเดิน ขอบแปลง และลานนั่งเล่น ไม่เพียงช่วยให้สวนดูสบายตา แต่ยังช่วยลดภาระในการดูแลลงได้ เช่น การลดขนาดพื้นที่สนามหญ้า แล้วเลือกปลูกเป็นไม้คลุมดินที่ให้ผิวสัมผัสใกล้เคียงกันแทน จะทำให้บรรยากาศในสวนยังคงเขียวชอุ่มโดยไม่เพิ่มงานดูแล รวมถึงการจัดวางพรรณไม้อย่างมีจังหวะและไม่หนาแน่นจนเกินไป พร้อมออกแบบขอบเขตระหว่างพื้นที่ปลูกต้นไม้กับพื้นที่ใช้งานให้ชัดเจน จะทำให้สามารถเข้าถึงและดูแลสวนได้ง่ายในทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นการตัดแต่ง รดน้ำ และทำความสะอาด อีกทั้งหากมีต้นไม้บางส่วนโทรมหรือตาย ก็สามารถปรับเปลี่ยนใหม่ได้โดยไม่กระทบภาพรวมของสวน

การออกแบบสวนสไตล์โมเดิร์น

4. Materials — เหมาะกับสภาพอากาศและบ้านเมืองร้อน

การเลือกใช้วัสดุในสวนควรคำนึงถึงความทนทานต่อสภาพอากาศและความปลอดภัย  เช่น พื้นที่ที่ใช้งานบ่อยอย่างทางเดิน ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่กันลื่น อย่างบล็อกปูพื้นผิวหยาบ หินล้าง ทรายล้าง พื้นยางกันลื่น หรืออิฐประสาน ซึ่งไม่มันวาวและไม่มีลวดลายมากเกินไป อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงวัสดุที่มีขอบเหลี่ยมหรือปลายแหลมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย สำหรับพื้นที่ต่างระดับควรแยกให้เห็นชัดเจนด้วยการใช้วัสดุหรือโทนสีที่แตกต่างกัน พร้อมติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง เช่น โคมฝังพื้นหรือเสาไฟเตี้ยแสงนุ่ม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในช่วงกลางคืนโดยไม่แยงตา ส่วนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานภายนอก เน้นความแข็งแรง เช่น ไม้ เหล็ก หรือวัสดุสังเคราะห์ ที่ออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตอย่างสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม หรือวงกลม ลดทอนรายละเอียดให้เรียบง่าย และใช้โทนสีสว่างเพื่อให้สวนดูโปร่ง โล่ง และทันสมัย รวมถึงเบาะรองนั่งควรเลือกวัสดุที่ทนน้ำ ทนรังสียูวี และทำความสะอาดง่าย เพื่อยืดอายุการใช้งาน

สำหรับพรรณไม้ ควรเลือกชนิดที่มีความทนทานและดูแลง่าย เช่น หูกระจง สนฉัตร หรือไม้ตระกูลปาล์ม ที่ให้ฟอร์มสวยและรับกับเส้นสายของงานฮาร์ดสเคปได้เป็นอย่างดี ต้นไม้ใหญ่อาจเป็นไม้ทรงพุ่มโปร่งโค้งเอน เพื่อช่วยลดความแข็งของแนวเส้นตรง ส่วนไม้พุ่มและไม้คลุมดินควรปลูกเป็นกลุ่มให้ดูเป็นระเบียบ เพื่อคงภาพลักษณ์ของสวนโมเดิร์นที่เรียบ เท่ ดูสะอาดตา และดูแลรักษาง่ายในระยะยาว

5. Focus — โดดเด่นด้วยรายละเอียด และโครงสร้าง

การออกแบบสวนโมเดิร์นมักลดทอนองค์ประกอบที่ฟุ่มเฟือยลง ให้เหลือเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นโครงสร้างหลักจึงต้องโดดเด่นและมีรายละเอียดที่น่าสนใจเพียงพอจะกลายเป็นจุดโฟกัสของสวน ทั้งยังสะท้อนเรื่องราวและบุคลิกของเจ้าของบ้านได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ศาลานั่งเล่นทรงเรขาคณิต ชิงช้าโครงเหล็กหรือไม้เทียม บ่อน้ำทรงสี่เหลี่ยมพร้อมผนังน้ำตกมินิมัล หรืองานประติมากรรมรูปทรงนามธรรม ซึ่งเมื่อออกแบบร่วมกับการเลือกใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสหรือแพตเทิร์นที่แตกต่างกัน เช่น ผนังคอนกรีตเปลือยจับคู่กับไม้สีอบอุ่น กรวดละเอียดสลับกับพื้นกระเบื้องผิวด้าน แพตเทิร์นอิฐช่องลมจับคู่กับวัสดุพื้นผิวเรียบ และการจัดแสงที่ส่องเน้นตามแนวโครงสร้าง จะช่วยขับให้สวนดูมีมิติ เพิ่มลูกเล่น สร้างทั้งจุดโฟกัส และบรรยากาศไปพร้อมกัน

การออกแบบสวนสไตล์โมเดิร์น

6. Blend — กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมบ้าน

สวนโมเดิร์นเป็นสไตล์ที่เน้นความเรียบง่าย และดูสะอาดตา ด้วยเส้นสายและโทนสีที่ทันสมัย จึงสามารถเข้ากับสถาปัตยกรรมได้แทบทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น มินิมัล ลอฟต์ หรือแม้แต่บ้านทรอปิคัลร่วมสมัย โดยสามารถปรับโทนวัสดุและพรรณไม้ให้สอดคล้องกันได้ เช่น หากบ้านมีเส้นสายเรขาคณิตและโทนสีเรียบเท่แบบโมเดิร์น วัสดุในสวนอาจเลือกใช้เป็นคอนกรีตเปลือย เหล็กสีดำด้าน หรือไม้เทียมสีเทา เพื่อสร้างอารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศโดยรวม ในขณะเดียวกัน ควรออกแบบให้สวนเชื่อมกับบ้านอย่างลงตัว เช่น ใช้แนวต้นไม้หรือต้นไม้พุ่มเป็นฉากหลังเพื่อพรางมุมมองที่แข็งกระด้าง วางแนวทางเดินให้ตรงกับช่องเปิดของอาคาร ให้มุมมองจากห้องต่าง ๆ สามารถเห็นสวนได้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบชานหรือระเบียงให้เกิดความต่อเนื่องระหว่างภายในและภายนอก เพื่อให้บ้านและสวนเป็นภาพเดียวกันอย่างกลมกลืน และน่าเข้าไปใช้งานมากยิ่งขึ้น

7. Future — พร้อมปรับเปลี่ยนในอนาคต    

การวางแผนพื้นที่และองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในสวน ควรกำหนดวัตถุประสงค์การใช้งานหลัก และมีการวางแผนระยะยาว สำหรับความต้องการใหม่หรือความชอบที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมถึงการปรับเปลี่ยนการใช้งานตามกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ หรือสมาชิกในบ้านที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา โดยภายในสวนควรมีพื้นที่ว่างหรือเปิดโล่งบางส่วน ไม่ควรแบ่งย่อยตามการใช้งานอย่างถาวรมากจนเกินไป เว้นพื้นที่สำหรับไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่จะใช้เวลาในการเติบโต และอาจเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งสำหรับสวนโมเดิร์น แม้จะมีการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบบางส่วน บ้านเปลี่ยนสไตล์ หรือมีเทรนด์ใหม่ ๆ เข้ามา ก็ยังคงความคลาสสิก ทำให้สวนไม่ตกยุค อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น แทนไม้พุ่มเดิมด้วยไม้ดอกตามฤดูกาล เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์หรือม้านั่งกลางสวนจากไม้เทียมเป็นเหล็ก หรือปรับดีไซน์ตามความชอบส่วนตัว

ติดตาม บ้านและสวน