Master Craft สืบสานองค์ความรู้ กับแบรนด์ Pairot Suebsam Thai Jewelry
SACIT

Master Craft สืบสานองค์ความรู้ กับแบรนด์ Pairot Suebsam Thai Jewelry

[CRAFT FORWARD] ภูมิปัญญาดั้งเดิมจะถูกสานต่อและดำรงคุณค่าให้เป็นที่ต้องการในยุคปัจจุบันได้อย่างไร? พบกับแนวคิด Master Craft หรือ หัตถศิลป์ระดับประเทศ (The Legacy of Master Craftsmanship) หนึ่งใน 3 คุณค่าหลักของ SACIT Craft Collection 2025 การรับรองผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ความยั่งยืนให้กับงานศิลปหัตถกรรมไทย สำรวจความงดงามของงานเครื่องประดับทองโบราณ และเสน่ห์ของทักษะฝีมือช่างระดับสูงที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ผ่านเรื่องราวของ ครูไพโรจน์ สืบสาม ครูช่างศิลปหัตถกรรมปี 2562 ประเภทเครื่องโลหะ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Pairot Suebsam Thai Jewelry ผู้ใช้หัวใจสร้างงานคราฟต์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และผลักดันให้องค์ความรู้ดั้งเดิมให้เชื่อมโยงกับคนยุคปัจจุบันได้อย่างทรงคุณค่า

#เสน่ห์เครื่องประดับทองไทยที่จับใจชาวโลก เครื่องประดับทองลวดลายงดงามที่ยังพบเห็นได้ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะในละครพีเรียด จากศิลปินผู้เผยแพร่ศิลปะการแสดงแขนงต่าง ๆ ไปจนถึงจากนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ ที่ได้สวมใส่ถ่ายรูปคู่กับโบราณสถานของไทย หากเราสังเกตเข้าไปให้ลึกซึ้งขึ้น ความงดงามของงานหัตศิลป์เหล่านี้ล้วนซ่อนไว้ด้วยความประณีตและความรักในการถ่ายทอดเทคนิคและภูมิปัญญาของครูช่างที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น จนทำให้งานเครื่องประดับเหล่านี้ ยังคงเสน่ห์ที่โดดเด่นข้ามกาลเวลา และยังทรงคุณค่าด้วยองค์ความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาอย่างยาวนาน“เครื่องประดับทองโบราณ” ของครูไพโรจน์ สืบสาม เป็นหนึ่งในงานศิลปหัตถกรรมทรงคุณค่าเหล่านั้น ที่ยังคงกุมหัวใจผู้ที่รักในเสน่ห์ของงานหัตถศิลป์ดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการยังคงไว้ซึ่งเทคนิควิธีแบบดั้งเดิมไว้โดยไม่ให้สูญหาย และสร้างคุณค่าให้งานยังคงเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ ทำให้ศิลปหัตถกรรมอัตลักษณ์ไทยอย่างเครื่องประดับทองโบราณยังคงมีพื้นที่เฉิดฉายในปัจจุบัน ทั้งในแง่มุมของภูมิปัญญาเก่าแก่หายาก และในแง่มุมของหัตถศิลป์คู่กระแสอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยว ที่ผู้คนต่างมุ่งหน้าตามหาให้ได้เห็นจริงและสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง

#แบรนด์เครื่องประดับไทยที่มีรากฐานจากงานสลักดุน ครูไพโรจน์ สืบสาม ครูช่างศิลปหัตถกรรมปี 2562 ได้สืบทอดและเรียนรู้เทคนิคการ “สลักดุนโลหะ” จากอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์ของแผ่นดิน ณ ขณะที่มีอายุเพียง 15 ปี จนเกิดเป็นประสบการณ์และองค์ความรู้ติดตัวสืบมา กระทั่งในปี พ.ศ. 2554 ครูไพโรจน์ได้ขยายผลทักษะนี้มาสู่แบรนด์ Pairot Suebsam Thai Jewelry ของตัวเอง โดยเปิดสตูดิโอเล็ก ๆ ในจังหวัดนนทบุรี อันเป็นทั้งสถานที่ผลิตชิ้นงาน และเป็นสถานที่ส่งต่อทักษะฝีมือและภูมิปัญญาเก่าแก่ให้กับผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมรุ่นใหม่ โดยในระยะแรก ครูไพโรจน์เองได้เริ่มจับงานประเภทซ่อมแซมของเก่าสะสม ก่อนที่จะพบจุดเปลี่ยนในการต่อยอดทักษะฝีมือมาสู่การออกแบบเครื่องประดับทองในรูปแบบของตัวเอง จึงได้ทำให้ผลงานและแบรนด์ของครูกลายเป็นที่รู้จักทั้งในหมู่ผู้ที่สะสมเครื่องประดับโบราณและคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจหัตศิลป์ดั้งเดิม

#ภูมิปัญญาดั้งเดิมที่เดินทางสู่คนยุคใหม่ ครูไพโรจน์เล่าว่า ความนิยมในเครื่องประดับทองโบราณของเขามีจุดเริ่มต้นจากการผลิต “ทับทรวง” เครื่องประดับรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ที่ใช้ประดับเป็นจี้สร้อยคอหรือประกอบไปกับสายสังวาลให้กับลูกค้า จุดนี้ได้ทำให้ทักษะฝีมือและความประณีตในชิ้นงานได้รับการเปิดเผยสู่สายตาผู้คนมากขึ้นๆ กลายเป็นว่าแบรนด์เองได้มีโอกาสหันมาจับงานผลิตเครื่องประดับเป็นหลักถึง 70% แทนที่การรับซ่อมของเก่านับตั้งแต่นั้น และยิ่งเป็นที่นิยมในตลาดขึ้นไปอีก เมื่อกระแสละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ได้ปลุกให้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติหันมาสนใจเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับดั้งเดิมจากช่างฝีมือไทยมากขึ้น ผลงานของเขาจึงเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเป็นที่ต้องการในตลาดคนรักงานหัตถศิลป์ไทย เกิดเป็นสะพานเชื่อมระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงนักท่องเที่ยวตามกระแสวัฒนธรรมบันเทิง จนกลายเป็นกำลังสำคัญของการสนับสนุนงานคราฟต์ไทยในแบรนด์ของเขาอย่างเหนียวแน่น

#เทคนิคหัตศิลป์ชั้นสูงที่เปลี่ยนแผ่นโลหะให้มีชีวิต เทคนิคหลักที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับผลงานของแบรนด์ Pairot Suebsam Thai Jewelry คือการ “สลักดุนโลหะ” เป็นเทคนิคดั้งเดิมของศิลปหัตถกรรมโลหะที่สืบค้นได้จนถึงสมัยอยุธยาและถูกส่งต่อมาผ่านครูช่างรุ่นสู่รุ่น โดยการ “สลักดุน” ในที่นี้ หมายถึง การสร้างลวดลายบนแผ่นโลหะด้วยสิ่วและค้อนให้เกิดเป็นร่องลึก หรือที่เรียกว่าการ “เดินเส้น” จากด้านหลังแผ่นโลหะตามลวดลายที่ได้ออกแบบไว้ จากนั้นจึงนำมา “ดุนลาย” หรือก็คือการทำให้ลวดลายที่ถูกสลักไว้ให้มีมิตินูนขึ้นหรือต่ำลงเพื่อให้ลวดลายชัดเจนและสวยงามขึ้น อันเป็นขั้นตอนที่ท้าทายและต้องการความชำนาญรวมถึงทักษะขั้นสูงของผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรม โดยในขั้นตอนทั้งหมดนี้ แผ่นโลหะจะถูกยึดด้วย “ชัน” ที่เป็นส่วนผสมระหว่างยางไม้กวนกับน้ำมันพืช เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะชิ้นงานไม่ให้เกิดการเคลื่อนที่ระหว่างกระบวนการทั้งหมด

ฝีมือของครูไพโรจน์ ได้รับการนับถือว่าสามารถเก็บรายละเอียดทั้งส่วนนูนและส่วนเรียบของชิ้นงานได้อย่างช่ำชองและประณีต ทำให้ชิ้นงานสวยงามโดดเด่นสะดุดตา จึงทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และแม้ว่าภูมิปัญญาการสลักดุนนี้ จะต้องใช้ระยะในการผลิตที่ยาวนานกว่าจะสำเร็จชิ้นงานแต่ละชิ้น เพราะจำต้องใช้ความละเอียดลออและความใจเย็นในการสร้างรายละเอียด แต่นั่นก็ยิ่งทำให้คุณค่าของผลิตภัณฑ์เพิ่มพูนขึ้น จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นประเภทงานศิลปหัตถกรรมที่ควรค่าแก่การยกระดับ สืบทอด และต่อยอดให้มากยิ่งขึ้นไป

#มรดกแห่งกาลเวลาและควรค่าแก่การสืบสาน ภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างดั้งเดิมของไทยอย่างการสลักดุนโลหะที่เดินทางจากสมัยอยุธยามาจวบจนถึงปัจจุบันนั้น ครูไพโรจน์เล่าว่าระหว่างทางก็ได้เผชิญกับยุคเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมที่เกือบทำให้เป็นทักษะที่สูญหาย ทว่าในห้วงของความเปลี่ยนแปลงก็มีความพยายามก่อตั้งโรงเรียนช่างศิลป์ของทางการขึ้นในตลอดการเปลี่ยนผ่าน เพื่อสืบทอดภูมิปัญญาเหล่านี้ไว้ เป็นผลให้เกิดช่างฝีมือรุ่นใหม่ที่ได้เรียนรู้ รักษา และสืบสานองค์ความรู้โบราณเหล่านี้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งครูไพโรจน์เองเดิมก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ได้ผ่านการเรียนรู้ทักษะดั้งเดิมนี้ จนได้สืบสานและต่อยอดงานหัตถศิลป์ได้อย่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์ โดยเหตุผลในเบื้องลึกที่ครูได้กล่าวไว้นั้นคือ เพราะทักษะงานฝีมือเหล่านี้นับเป็นพื้นฐานของงานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกแขนง และเป็นก้าวสำคัญของการต่อยอดไปสู่งานออกแบบร่วมสมัยได้ นอกเหนือจากนั้น ในแต่ละลวดลายอันเกิดจากทักษะฝีมือก็ยังแฝงไปด้วยเอกลักษณ์ละอัตลักษณ์ไทยที่เกิดจากการบ่มเพาะกันมาอย่างยาวนาน อันควรค่าแก่การได้รับสืบทอดให้คงอยู่ให้นานเท่านาน

งานศิลปหัตถกรรมไทยซึ่งเปี่ยมไปด้วยกำลังของผู้สืบทอด แน่นอนว่ากำลังถูกต่อยอดไปสู่อนาคตอย่างมั่นคง โดยมีแรงขับสำคัญจากกลุ่มช่างฝีมือระดับสูง อย่างเช่น ครูไพโรจน์ สืบสาม ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Pairot Suebsam Thai Jewelry ที่สะท้อนผ่านผลงานอันทรงคุณค่าซึ่งเกิดจากการฝึกฝนและขัดเกลาฝีมือจนกลายเป็นแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ งานทุกชิ้นจึงไม่เพียงยืนยันถึงความประณีตของงานดั้งเดิม แต่ยังตอกย้ำว่าแนวคิด Master Craft ของ SACIT Craft Collection 2025 คือกลไกสำคัญที่ทำให้ทักษะดั้งเดิมได้เดินทางต่อ สามารถเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ และเปิดพื้นที่ให้ผู้ผลิตศิลปหัตถกรรมไทยได้ยืนหยัดอย่างยั่งยืนในปัจจุบันจนถึงอนาคต

ติดตามรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/sacitofficial

https://www.instagram.com/sacit_official/

https://www.youtube.com/@SACICTchannel

https://www.sacit.or.th/th/home

#SACITCraftCollection#SACITCraftCollection2025#MasterCraft#TrendyCraft#ConsciousCraft#SACIT#นักปั้น#สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย#คราฟต์#Craft#หัตถกรรม#ศิลปหัตถกรรม#moc#กระทรวงพาณิชย์